ฉันแยกกับน้ำตาลแล้วเดินกลับบ้านคนเดียว โชคดีที่บ้านคุณพ่อคุณแม่ของคีตะ อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก หากเดินชมวิวเพลินๆ ไปด้วยก็ใช้เวลาประมาณสิบห้านาที แต่หากชั่วโมงเร่งรีบแบบเมื่อเช้าก็ห้านาทีถึงอันที่จริงที่บ้านของคีตะก็มีรถและคนขับรถนะ แต่คุณป้าบอกว่าอยากให้เดินเพื่อเป็นการออกกำลังกายไปในตัวมากกว่า แต่เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน คุณป้าเลยสั่งว่าต้องให้เราสองคนเดินไปโรงเรียนพร้อมกัน และกลับบ้านพร้อมกันทุกวันแต่เมื่อเช้าเขาทิ้งให้ฉันวิ่งไปโรงเรียนคนเดียว ส่วนตอนนี้ก็หายหัวไปไหนแล้วไม่รู้ ช่างเถอะ เรื่องวันนี้คุณป้าท่านคงไม่รู้หรอก เพราะท่านเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับคุณลุงอยู่ อีกสองวันถึงจะกลับแต่พอกลับถึงบ้านปรากฏว่าคุณลุงกับคุณป้ากำลังนั่งจิบชาอยู่ที่โซฟา โอ้! คีตะไม่ได้กลับมาพร้อมกัน แล้วฉันจะตอบท่านว่ายังไงล่ะเนี่ย ยิ่งโกหกไม่เนียนอยู่ด้วย"ต้นเตย กลับมาแล้วเหรอลูก เปิดเทอมวันแรก ทำไมเลิกเรียนเร็วจังเลย แล้วคีตะไปไหนซะล่ะ"คุณป้าหันมาเห็นเข้าพอดี จึงกวักมือเรียกเข้าไปหา "สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ตามกำหนดอีกตั้งสองวันไม่ใช่เหรอคะ"ฉันเลี่ยงที่จะตอบคำถาม เปลี่ยนเป็นย้อนถามท่านกลับแทน พร้อมกับค่อยๆ เดินเข้าไปสวัสดีท่าน"สภาพอากาศแปรปรวนน่ะจ้ะ เลยเที่ยวไม่สนุก เราก็เลยตัดสินใจกลับก่อนกำหนด"คุณป้าวางแก้วน้ำชาเซตใหม่ลงบนโต๊ะ ก่อนจะตอบคำถามของฉัน"อ๋อ อย่างนี้นี่เอง"ฉันพยักหน้าหงึกหงัก"เปิดเรียนวันแรกเป็นยังไงบ้าง แล้วพ่อลูกชายตัวดีของลุงหายไปไหน ทำไมไม่กลับมาพร้อมกันล่ะ"คราวนี้เป็นคุณลุงที่ถามขึ้นมา แหะๆ แล้วฉันจะตอบว่ายังไงดีล่ะ เลี่ยงไม่ได้ซะด้วยสิ"คือว่า...หนูกลับมาคนเดียวค่ะ คีตะเขายังต้องอยู่ช่วยคุณครูต่อน่ะค่ะ หนูขี้เกียจรอเลยกลับมาก่อนค่ะ""อ๋อ...ป้าก็นึกว่าเขาหายไปกับเพื่อนซะอีก เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ป้าจะตัดเขาออกจากกองมรดกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เห็นพ่อกับแม่ไม่อยู่แค่กี่วัน เลยปล่อยให้ต้นเตยที่น่ารักต้องกลับบ้านคนเดียวแบบนี้""ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ อ้อ! เทอมนี้หนูอยู่ห้องเดียวกับเขาด้วยนะคะ"หมอนั่นจะรู้หรือเปล่าว่าฉันกำลังช่วยชีวิตเขาอยู่ ต่อไปถ้าเขากล้าแกล้งฉันอีกล่ะก็ หึหึ...ฉันจะแฉให้คุณลุงคุณป้าฟังหมดเปลือกเลย คอยดูเถอะไอ้บ้าคีตะ!"ดีจังเลยจ้ะ เป็นแบบนี้หวังว่าคะแนนในปีสุดท้ายของคีตะจะเพิ่มขึ้นบ้างนะ บางทีป้าก็นึกสงสัยว่าเขาใช่ลูกของป้ากับลุงหรือเปล่า ทำไมถึงไม่ได้ความเก่งความฉลาดจากเรามาบ้าง ขยันสร้างแต่เรื่องชวนปวดหัวสิไม่ว่า ไม่เหมือนต้นเตยของป้า ที่ทั้งน่ารัก อ่อนหวาน ขยัน เรียนเก่ง และยังสวยเหมือนป้าอีกด้วย"ฉันแทบจะตัวลอยเมื่อได้ยินคำชมจากคุณป้า ซึ่งท่านมักจะชมฉันแบบนี้อยู่เสมอ แต่แล้ว..."ตกลงว่าใครเป็นลูก แล้วใครเป็นเด็กที่แม่เอามาเลี้ยงกันแน่"น้ำเสียงโกรธๆ ของคีตะดังขึ้นมา และไม่เพียงแค่น้ำเสียง แต่ใบหน้าของเขาก็บ่งบอกว่าโกรธสุดๆ"ก็เรานั่นแหละพ่อตัวดีที่เป็นลูกแท้ๆ แต่ถึงจะเป็นลูกแท้ๆ ก็ใช่ว่าจะตัดหางปล่อยวัดไม่ได้ ถ้าไม่ทำตัวดีๆ เหมือนหนูต้นเตย และที่สำคัญที่แม่อยากจะย้ำก็คือ ต้นเตยคือคนในครอบครัวของเรา เป็นลูกสาวอีกคนของพ่อกับแม่ เป็นน้องสาวของเรา ไม่ใช่เด็กที่พ่อกับแม่เอามาเลี้ยง ทีหลังอย่าได้พูดแบบนี้อีก ต้นเตยจ๊ะ อย่าไปฟังที่คนปากเสียพูดเลยนะจ๊ะ วันนี้อากาศร้อน หนูขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีไหม ตอนเย็นค่อยลงมาทานข้าวนะจ๊ะ"คุณป้าดารินผู้แสนดีดุลูกชายตัวเองเบาๆ แล้วหันมาคุยกับฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ฉันพยักหน้ารับคำแล้วลุกขึ้นยืน เหลือบตามองคีตะเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นชั้นบนไปที่ห้องของตัวเองส่วนหมอนั่นถูกเรียกตัวให้อยู่ต่อ สงสัยคุณป้าจะเรียกไว้เพื่ออบรม ฉันแอบหวังให้คุณป้าจัดชุดใหญ่ไฟกะพริบให้ซะเลย จะได้เลิกก่อกวนฉันสักทีฉันกลับเข้าห้องตัวเองก็รีบวางกระเป๋าอันแสนหนักอึ้งลงบนเตียง แล้วเดินไปหยิบรีโมตเพื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ ก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนเตียง'ตกลงว่าใครเป็นลูก แล้วใครเป็นเด็กที่แม่เอามาเลี้ยงกันแน่'อยู่ๆ คำพูดของคีตะก็วกกลับเข้ามาในหัวอย่างห้ามไม่ได้ ใช่แล้วล่ะ ที่เขาพูดก็ถูก ฉันเป็นเด็กที่คุณลุงกับคุณป้าเอามาเลี้ยงจริงๆแปดปีก่อน..."ข่าวด่วนประจำวันนี้ เกิดเหตุสายการบินที่ abc 001 ที่มุ่งหน้าสู่ประเทศไทย เกิดเหตุเครื่องยนต์ขัดข้องทำให้ต้องลงจอดฉุกเฉิน แต่ในขณะที่นักบินกำลังนำเครื่องลงนั้นได้เกิดการระเบิดขึ้นกลางอากาศ ทำให้ผู้โดยสาร นักบิน และลูกเรือรวมทั้งหมดสองร้อยห้าสิบชีวิต เสียชีวิตทั้งหมด ถือเป็นเหตุโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้ายิ่งนัก"ตอนนั้นฉันอายุเก้าขวบและจะเต็มสิบขวบในอีกสองวันข้างหน้า กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่กับคุณน้า ซึ่งเป็นน้องสาวของคุณแม่หลังจากที่ในโทรทัศน์ตัดภาพไปที่โฆษณา ฉันก็สังเกตเห็นมือที่สั่นเทาของคุณน้ายื่นไปหยิบรีโมตที่วางอยู่บนโต๊ะ มือของท่านกดปิดจนภาพในจอกลายเป็นสีดำ แต่ก็ไม่ยอมวางและกำรีโมตไว้อย่างนั้น แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก จนกระทั่งได้ยินเสียงสะอื้นจึงชะโงกหน้าไปดู น้ำตาเม็ดใหญ่หยดลงบนหลังมือที่กำรีโมตไว้แน่น เสียงสะอื้นไห้ก็ดังขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเสียงก็เงียบไปพร้อมกับร่างที่ไร้สติ"คุณน้า! ใครก็ได้ช่วยคุณน้าด้วย" ฉันตะโกนเรียกแม่บ้านสุดเสียง"พิมพ์! เกิดอะไรขึ้น"พิมพ์หรือพริมาคือชื่อของคุณน้าฉันเอง ขณะนั้นคู่หมั้นของคุณน้าเข้ามาเห็นพอดี จึงรีบเข้ามาประคอง"คุณน้าเป็นลมค่ะ" ฉันรีบตอบ น้าวีจึงประคองร่างที่หมดสติให้นอนลงบนโซฟา แม่บ้านช่วยกันหายาดมยาหม่องและพัดวี รวมทั้งนวดตามแขนตามขา"แล้วทำไม น้าพิมพ์ถึงเป็นลมได้ละ ต้นเตยรู้ไหม""เมื่อกี้คุณน้าดูข่าวเครื่องบินตกค่ะ ดูข่าวจบก็ร้องไห้แล้วเป็นลมค่ะ"ฉันตอบไปตามสิ่งที่เห็น"ข่าวเครื่องบินตกงั้นเหรอ"น้าวีทวนคำพูดแล้วรีบหยิบรีโมตขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปช่องไหนก็มีแต่ข่าวเดียวกันหมดทุกช่อง นั่นก็คือข่าวเครื่องบินที่บรรทุกผู้โดยสารที่ส่วนมากเป็นนักธุรกิจชาวไทยเกิดอุบัติเหตุระเบิดกลางอากาศซึ่งตอนนั้นฉันยังไม่รู้ว่าหนึ่งในนักธุรกิจทั้งหมดนั้นมีพ่อกับแม่ของฉันรวมอยู่ด้วย"พี่พร!"รีโมตที่อยู่ในมือของน้าวีร่วงลงพื้นจนแตกกระจาย แล้วเขาก็ค่อยๆ หันกลับมามองฉันด้วยดวงตาที่แดงก่ำหลังจากเสร็จสิ้นงานศพของพ่อกับแม่ โดยมีคุณปู่คุณย่าและพี่น้องของคุณพ่อที่ย้ายไปลงหลักปักฐานที่ต่างประเทศเดินทางมาร่วมพิธีส่งดวงวิญญาณด้วย ทุกคนลงมติว่าจะรับฉันไปอยู่ที่โน่นด้วยกันแต่ดูเหมือนคุณปู่จะไม่พอใจ ท่านคงจะโกรธและเกลียดฉันที่เป็นต้นเหตุทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องตาย เพราะวันนั้นหากท่านทั้งสองคนไม่บินกลับประเทศไทยเพื่อมางานวันเกิดฉัน ก็คงไม่เกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ขึ้นคุณพ่อเป็นลูกคนโต เป็นความหวังสูงสุดของคุณปู่ที่จะให้บริหารธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แทนท่านที่อายุค่อนข้างมากแล้ว แต่สุดท้ายกลับต้องเสียลูกชายที่เป็นความหวังสูงสุดไป "ถ้าไม่ใช่เพราะงานวันเกิดไร้สาระ ลูกชายกับลูกสะใภ้ฉันคงไม่จบชีวิตลงแบบนี้"คำพูดของคุณปู่ที่ฉันจำได้ขึ้นใจ ไม่เคยลืมมาจนถึงทุกวันนี้ และเพราะคำพูดนั้นทำให้ฉันตัดสินใจไม่ไปอยู่ที่ต่างประเทศกับพวกท่านบ่ายวันหนึ่งที่แสนเงียบเหงาเหมือนทุกวัน คุณป้าดารินและคุณลุงคณิต ที่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณพ่อคุณแม่ก็มาเยี่ยมที่บ้าน"ตั้งแต่พ่อกับแม่ของแกเสียไป แกก็เปลี่ยนเป็นคนละคน จากที่เคยสดใสร่าเริงก็ไม่ค่อยพูดค่อยจา วันๆ เอาแต่เก็บตัวเงียบร้องไห้อยู่ในห้องคนเดียว ดิฉันพาไปพบจิตแพทย์มาแล้วก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยค่ะ"คุณน้ากำลังพูดถึงฉันให้คุณลุงคุณป้าที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกฟัง ซึ่งฉันเองไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากลายเป็นอย่างที่ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ จนกระทั่งเมื่อสองวันก่อนท่านพาฉันไปพบจิตแพทย์ถึงได้รู้ตัว"มีอะไรที่พี่พอจะช่วยได้ไหมคะ ถึงยังไงเราสองคนกับพ่อแม่ของหนูต้นเตยก็เป็นเพื่อนรักกัน พี่เองก็เห็นหลานมาแต่อ้อนแต่ออก รักและเอ็นดูไม่ต่างจากลูกสาวแท้ๆ"น้าพิมพ์เงียบไป ฉันเองก็ได้แต่นั่งฟังอยู่เงียบๆ "เอาอย่างนี้ดีไหมคะ ให้ต้นเตยลองไปอยู่กับพี่ ลูกชายพี่ก็รุ่นราวคราวเดียวกัน น่าจะเป็นเพื่อนกันได้ ดีไหมจ๊ะต้นเตย หนูจะได้มีเพื่อนเล่นไงจ๊ะ"นั่นเป็นจุดเริ่มต้นแห่งหายนะของชีวิตฉัน "ขอบคุณนะคะพี่ดาริน แต่จะไม่เป็นการรบกวนมากเกินไปเหรอคะ""ไม่รบกวนหรอกค่ะ ให้อยู่ตลอดไปเลยก็ได้ พี่เองอยากมีลูกสาวมานานแล้ว ถ้าได้ต้นเตยไปอยู่ด้วย ครอบครัวเราคงจะมีความสุขมากขึ้น อีกไม่นานน้องพิมพ์ก็จะแต่งงานแล้วนี่คะ คงจะไม่มีเวลาดูแลแกเท่าไหร่""ก็จริงค่ะ แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแกนะคะ พิมพ์ไม่อยากบังคับหลาน""ต้นเตยจ๊ะ เข้ามาหาป้าสิลูก"คุณป้าดารินเรียก ฉันจึงค่อยๆ ลุกจากที่นั่ง แล้วเดินเข้าไปหาท่าน"ต่อไปป้าจะดูแลหนูเองนะจ๊ะ คิดซะว่าป้าเป็นแม่อีกคนของหนู"คุณป้าเหมือนคุณแม่จริงๆ ทั้งน้ำเสียงที่อ่อนโยน และรอยยิ้มอบอุ่นแต่ถ้าตอนนั้นฉันรู้ว่าวันนี้ต้องกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของคีตะ ฉันจะไม่ยอมมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เด็ดขาด!
ชอบอ่านมากครับเรื่องนี้สนุกมากเลย
1d
0ดีมากเลยค่า
2d
0สนุกมากค่ะ
3d
0Tingnan Lahat