logo
logo-text

Download this book within the app

7

ขณะนี้หยางเอ๋อร์ในวัยยี่สิบเจ็ดปีมีชีวิตที่มีความหวังและความสุขมากกว่าเดิม เด็กหญิงหยางเสียในคราบเด็กชายเติบโตได้อย่างดีพร้อมและขยันเล่าเรียน ทั้งยังเคารพเชื่อฟังนางอย่างดี นางเลี้ยงหยางเสียอย่างตามใจจะเที่ยวเล่นที่ไหนก็ได้ ขอแค่ไม่ทำความเดือดร้อนให้ใครและต้องกลับบ้านให้ตรงเวลา เด็กน้อยกลับบ้านเนื้อตัวสกปรกมอมแมมประจำ ซึ่งนางเห็นเป็นเรื่องดี...เลี้ยงอย่างเด็กผู้ชายก็ต้องเติบโตเป็นเด็กผู้ชาย
พอหยางเสียอายุได้สิบสี่ปีนางจึงยอมให้เดินเตร็ดเตร่ในหอได้ ถึงเวลาเรียนรู้โลกแห่งความเป็นจริง...แต่นั่นก็เฉพาะช่วงกลางวันเท่านั้น
‘ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่หน้าตาน่าเอ็นดูนัก’ แม่เล้าอันหนิงเอ่ยประโยคซึ่งทำให้หยางเอ๋อร์คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะสั่งห้ามไม่ให้หยางเสียเข้าไปเดินเล่นในหอฮวาหงอีก หญิงสาวพอรู้เจตนาของแม่เล้าว่าคิดจะโน้มน้าวนางให้ยอมปล่อย หยางเสียเลือกเส้นทางเดินชีวิต...เส้นทางที่จะทำเงินให้หอฮวาหงและทำให้ชีวิตนางกับลูกสุขสบายกว่าที่เป็นอยู่
เพราะหยางเสียมีหน้าตาและผิวพรรณงดงามเกินเด็กหนุ่มรุ่นเดียวกัน เรื่องนี้สร้างความกังวลให้หยางเอ๋อร์ไม่น้อย ถึงแม้เด็กหญิงเล่นซุกซนจนมอมแมม ผมเผ้ายุ่งเหยิงไร้ความเป็นกุลสตรีในหอห้อง แต่กระนั้นทรวดทรง องค์เอวก็ปรากฏชัดขึ้นตามวัย หญิงสาวจึงกำชับลูกให้ระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
หยางเสียเข้าใจถึงความห่วงใยของมารดาจึงสวมใส่เสื้อผ้าหนาชั้นอำพรางรูปร่าง เพราะเกรงว่าจ้าวอันหนิงจะเห็นความน่าเอ็นดูในตัวนางอีกจึงทำตัวมอมแมมสกปรกและส่งเสียงเอะอะมะเทิ่งยิ่งกว่าเดิมเมื่ออยู่ต่อหน้าแม่เล้า นางจะไม่มีวันขายตัวเป็นชายบำเรอของเศรษฐีตามที่แม่เล้าอยากให้เป็น นางกับมารดาวางแผนกันไว้แล้วว่าจะอยู่ที่หอฮวาหงอีกสักหน่อย หลังจากเก็บเงินได้สักก้อนและตัวนางเติบโตกว่านี้พวกนางจะออกไปใช้ชีวิตตามประสาแม่ลูก ถึงวันนั้นนางก็จะได้เติบโตในสภาพหญิงสาวอย่างที่ควรเป็น
ทว่าความฝันของสองแม่ลูกกลับมีอุปสรรคขึ้นกลางคัน ในฤดูหนาวที่ หยางเสียอายุได้สิบหกปี สุขภาพของหยางเอ๋อร์ไม่สู้ดีนัก อาการป่วยเรื้อรังทำให้นางตัดสินใจเลิกรับแขก เงินที่มีเก็บนั้นพอใช้จ่ายและเป็นค่ารักษาได้ แต่หยางเสียรบเร้าขอให้ตัวเองได้ออกไปทำงานหาเงินมาช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบ้านบ้าง...เพราะลูกผู้ชายไม่ควรงอมืองอเท้าให้มารดาหาเลี้ยงฝ่ายเดียว
หยางเสียจึงขอเริ่มต้นด้วยการเล่นดนตรีขับกล่อมในหอเป็นงานแรก ผู้เป็นมารดาอนุญาตแต่มีข้อแม้ว่าต้องนั่งอยู่หลังม่าน ส่วนช่วงกลางวันนางก็ออกไปขายภาพเขียน แต่ประสบการณ์ยังน้อยนัก ภาพเขียนฝีมือเด็กหนุ่มอายุสิบหกที่ขายได้จึงมักมาจากความสงสารเสียมากกว่า
หนึ่งปีเต็มที่หยางเอ๋อร์ล้มป่วยกินอาหารได้น้อยและมีอาการไอเรื้อรัง จนบางครั้งไอออกมาเป็นเลือด ร่างกายผ่ายผอมกระทั่งหมอบอกหมดทางรักษา หยางเสียได้แต่จมอยู่กับความเศร้าหมอง แม้มารดาสอนให้นางยอมรับความจริงอยู่เสมอว่าสักวันต้องจากไป แต่หยางเสียก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ นางตระเวนเข้าออกทุกวัดเพื่อขอพรและยันต์คุ้มครองเพื่อให้แม่ของตนอาการดีขึ้น ทว่าอาการของหยางเอ๋อร์ก็มีแต่ทรงกับทรุด หยางเสียไม่ได้ออกไปขายภาพเขียนแล้ว เพราะนางอยากใช้เวลามากที่สุดคอยอยู่ดูแลผู้มีพระคุณอย่างชิดใกล้
ล่วงพ้นฤดูหนาวได้สามเดือน หยางเอ๋อร์...แม่บุญธรรมผู้มีจิตใจอารีและเมตตาชุบเลี้ยงเด็กน้อยที่เคยนั่งร้องไห้ในตรอกเล็กๆ ในตลาดเมื่อเจ็ดปีก่อนก็จากโลกนี้ไป ชีวิตสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาของหยางเสียต้องสูญเสียมารดาไปถึงสองคน คิดแล้วหญิงสาวรู้สึกเศร้าใจนัก จนป่านนี้นางยังไม่รู้เลยว่าศพของผู้ให้กำเนิดถูกฝังไว้ที่ไหนบนผืนแผ่นดินของเมืองซร่วงซาน
เสี่ยวเสียของแม่ต้องเป็นคนเข้มแข็งนะ คำสอนของมารดาทั้งสองคนเหมือนกันจนน่าแปลกใจ
หยางเสียให้สัญญากับตัวเอง...นางจะอยู่ให้ได้ และจะเป็นคนดีให้สมกับความรักและความเมตตาที่ได้รับ
แม้มารดาจากไปแล้ว แต่หยางเสียคิดเสมอว่าแม่หยางเอ๋อร์ยังอยู่กับนาง แต่การไม่ได้เห็นตัวตนของแม่ บ้านก็ให้ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม นางขอพรพระโพธิสัตว์ทุกคืนให้แม่หยางเอ๋อร์ได้ขึ้นสวรรค์ ถ้าคำขอของนางเป็นจริง ป่านนี้มารดาทั้งสองก็คงได้อยู่ด้วยกัน
หอคณิกาฮวาหงบัดนี้เปลี่ยนเจ้าของคนใหม่ แม่เล้าอันหนิงยกกิจการให้ลูกชายของนางดูแล หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป จ้าวฮั่นหลางมีนิสัยโหดร้ายชอบตบตีและรังแกผู้หญิง คำสั่งของเขาถือเป็นเด็ดขาดใครจะขัดไม่ได้ จ้าวอันหนิงในวัยเกินห้าสิบโรคชรารุมเร้าจนคร้านจะต่อปากคำกับ ลูกชาย เพราะบางครั้งความโหดร้ายนั้นยังส่งผลถึงนางโดยตรง บุตรชายไร้บิดากลายเป็นคนอกตัญญูจนนางรู้สึกปวดใจไม่น้อยเลย
จากเดิมที่หอเลือกรับแต่หญิงสาวที่สมัครใจขายเรือนร่าง แต่เดี๋ยวนี้ไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว จ้าวฮั่นหลางเอากิจการไปผูกติดกับสำนักนางโลมใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองหลวง มีการไปซื้อตัวเด็กสาวจากต่างเมือง มีหญิงสาวหลายคนที่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดนำมาขายให้ถึงที่ ใครขัดขืนก็ถูกทารุณทุบตีจนต้องยอมในที่สุด
เพราะหยางเสียไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับหอฮวาหงอีก จ้าวฮั่นหลางจึงส่งคนมาเรียกเก็บเงินค่าเช่าบ้านจากนาง รายได้หลักของนางยังคงมาจากการเล่นดนตรีขับกล่อมในหอ แต่ก็คงทำได้อีกไม่นานนักเพราะเจ้าของใหม่คิดว่าดนตรีบนหอควรจะให้นางคณิกาซึ่งมีความอ่อนหวานงดงามเป็นผู้บรรเลงมากกว่าชายหนุ่ม หญิงสาวจึงเริ่มนับถอยหลังทุกวัน รอเวลาที่นางจะต้องย้ายออกจากบ้านแห่งความทรงจำหลังนี้
สาเหตุที่จ้าวฮั่นหลางแสดงออกเด่นชัดว่าเกลียดขี้หน้านางนักก็คงเป็นเพราะว่ามารดาของเขามักแสดงออกว่าเป็นพวกนางเสมอ เมื่อนางเข้าไปขัดขวางเวลาที่คนของเขาใช้กำลังทุบตีผู้หญิงในหอ
‘ไม่เห็นหรือไรว่านางไม่สบาย’ ที่ผู้หญิงพวกนี้ต้องมาขายตัวทุกวันก็ทนทุกข์มากพอแล้ว เมื่อพวกนางเจ็บป่วยเพียงวันสองวันเท่านั้น จ้าวฮั่นหลางก็ไม่มีเว้นให้พวกนางได้พักฟื้น
‘อย่าแส่ในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับเจ้า มีหน้าที่เล่นดนตรีก็เล่นไป สอดเรื่องคนอื่นจะเจอดีในสักวัน!‘
แล้วนางก็หาเรื่องจนเจอดีเข้าจนได้ นางเคยมีเรื่องชกต่อยกับลูกน้องจ้าวฮั่นหลางจนเนื้อตัวขัดยอกไปหลายวันทีเดียว อยากทำใจให้คิดว่าธุระไม่ใช่ แต่พอเห็นผู้หญิงถูกทุบตีตรงหน้า คนที่ได้ชื่อว่าชายอกสามศอกคนหนึ่งก็อดไม่ได้ทุกที ที่ทุกวันนี้นางยังอยู่ในหอฮวาหงได้ก็เพราะมีจ้าวอันหนิงคุ้มหัว หญิงสูงวัยยังเห็นแก่นางที่เป็นลูกชายของหยางเอ๋อร์ที่อดีตแม่เล้ารักและเอ็นดูมาก่อน
วันหนึ่งขณะหยางเสียกำลังฝึกเพลงใหม่อยู่ในบ้าน จ้าวอันหนิงก็เข้ามาบอกลาเพราะกำลังจะย้ายกลับไปอยู่บ้านเกิด เรื่องนี้ทำให้หญิงสาวครุ่นคิดตลอดคืน คงถึงเวลาแล้วที่นางควรคิดหาทางไปเหมือนกัน ว่าจะอยู่ในเมืองหลวงในคราบชายหนุ่มต่อไป หรือกลับไปใช้ชีวิตแบบสตรีที่เมืองซร่วงซานอันเป็นบ้านเกิด

Book Comment (8)

  • avatar
    วุ่นวายสับสน

    น่าติดตาม

    16/01

      0
  • avatar
    Ram Page

    สนุกมากๆเลยครับ

    17/12

      0
  • avatar
    สกุล'ล เงิน'น

    อ่านสนุกมาก

    01/12

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters