Overview
|Catalog
- Tag(s):
- โบราณ
- แต่งตัวเพศตรงข้าม
- แอบชอบและอบอุ่นหัวใจ
- ละคร
- ครอบครัว
- อิงประวัติศาสตร์
- การตั้งครรภ์
- เจ้าชาย
- ราชวงศ์
เรื่องราวของความรักลึกซึ้งขององค์ชายฝานจิ้งที่มีต่อหยางเสีย สตรีผู้ปลอมเป็นชายเพื่อใช้ชีวิตเป็นข้ารับใช้ในกองทัพของพระองค์ ***** กาลก่อนข้าเศร้า...เคยเฝ้าถามลม ด้วยคู่ชิดชม... ข้าอยู่หนไหน เมฆขาวลอยเคลื่อน... วารีเลื่อนไหลไกล ข้าเหงาข้าไห้... ร้างไร้ใครรักข้า... สักคน ข้าถามจันทรา... อาทิตย์ ณ ขอบฟ้า มวลหมู่ปักษา... สกุณาทุกแห่งหน ราตรีลับคล้อย... คืนผันวันผ่านพ้น วนภูดลเอ๋ย... ฤาคนรักข้า...ไม่มี ครั้นทิวะกระหวัด... สานใยสิเนห์ผูกพา พันร้อยหนึ่งครึ่งชีวา... ใจข้าสุขล้นเหลือที่ สายรักดั่งดินจรดฟ้า... ค่าลึกบึ้งมหานที ตราบโลกสิ้นนานปี... ข้านี้...ไม่ขอปล่อยมือ
Last Update
Editor´s Choice
Recommendation
Book Comment (8)
- Total: 158
1
พระอาทิตย์ยามเที่ยงวันสาดแสงทะลุผ่านชั้นเมฆของวันที่มีอากาศอบอุ่น ฤดูเหมันต์อันหนาวเหน็บและแสนโหดร้า2
“แม่! แม่จ๋า!”
เด็กน้อยตะโกนสุดเสียง สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ภาพฝันชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวา3
“ข้าสัญญาว่าจะเลี้ยงเป็นลูก ไม่ให้ทำอย่างอื่น ข้าให้เวลาเจ้าคิด อาบน้ำเสร็จข้าขอคำตอบ” แล้วหยางเอ๋อร4
เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่เหล่าองค์ชายจะต้องย้ายออกจากฝ่ายในเมื่อเจริญพระชันษาครบสิบห้า แม้เป็นเวลาหลาย5
ชีวิตในบ้านหลังหอคณิกาฮวาหงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย หยางเสียสามารถดูแลตัวเองได้ นางมีพี่เลี้ยงชื่อเสี่6
แต่คนที่รู้ดีว่ามารดาต้องจ่ายมากเป็นสองเท่า ก็หลบเรื่องเหล่านี้ไม่เคยพ้น ถ้าพวกมันรังแกแค่นาง นางก็ท7
ขณะนี้หยางเอ๋อร์ในวัยยี่สิบเจ็ดปีมีชีวิตที่มีความหวังและความสุขมากกว่าเดิม เด็กหญิงหยางเสียในคราบเด็8
องค์ชายฝานจิ้งได้รับพระราชโองการเรียกตัวให้กลับเมืองเหลิงอานเพื่อร่วมงานฉลองครองราชย์ครบห้าสิบปีของจ9
กาลก่อนนี้ เหตุแห่งการกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้มีเพียงเพื่อกราบคารวะสุสานฝังศพพระมารดาและเยี่ยมเยือนคน10
“ข้าปรึกษากับเขาแล้ว หวู่อิ้งก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม...แต่ข้าอยากให้เจ้าอยู่ช่วยหวู่อิ้งอีกแรง คนรุ11
การมีชีวิตอยู่ของพระสนมเยว่เหลียงที่แย่งชิงความโปรดปรานขององค์จักรพรรดิไปจากนาง ไม่เคยทำให้พระสนมไป๋12
องค์ชายฝานจิ้งทรงช้อนร่างชายหนุ่มที่พระองค์เพิ่งยื่นพระหัตถ์เข้าช่วย จากการถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มชายฉก13
บุรุษผู้เป็นเจ้าของหอคณิกานั่งประคบรอยฟกช้ำตามร่างกายด้วยความโกรธแค้น เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไม่สบอาร14
หญิงสาววิ่งผ่านประตูที่กำลังจะปิดเข้าไปในบ้านได้อย่างฉิวเฉียดและจัดการแย่งไม้ดาลประตูจากมือชายที่กำล15
เหอเซียวไห่ควบม้าด้วยความเร็ว หวังตามอู๋อี้หวินเพื่อนสนิทให้ทัน คนนั่งซ้อนหลังสงสัยจะไม่เคยอยู่บนหลั16
จัดแจงเสื้อผ้าจนแน่ใจว่ารัดกุมดีแล้ว หยางเสียก็เขยิบตัวออกมาเพื่อรักษาระยะห่าง “ขอบคุณที่ช่วยดึงข้าไ17
การต่อสู้ยังต้องดำเนินต่อไป คู่ต่อสู้นางยิ้มเหี้ยมเกรียมย่างสามขุมเข้าหา หยางเสียใช้ศอกกระถดตัวไปตาม18
“ว่าอย่างไรเจ้าหน้าขาว” จู่ๆ ต้าเป่ยก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ข้างทาง ทำให้หยางเสียที่กำลังรีบเร่งก้าวขาต19
กระบี่ยังไม่ทันออกจากฝัก หยางเสียก็ปล่อยมันหล่นจากมือ...
ฝานจิ้ง...ที่อยู่ต่อหน้านางคือองค์ชายรองเซี่20
เมื่อกลับเข้ามาพร้อมกาน้ำชา หยางเสียก็บรรจงรินชาหอมกรุ่นลงในถ้วย ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นนายด้วยควา21
ณ ตำหนักฝูลี้ ขันทีประจำตำหนักน้อมตัวลงทูลรายงานต่อองค์ชายสามที่กำลังสรงน้ำอยู่กลางสระที่ลอยด้วยกลีบ22
“ถวายบังคมเพคะ” น้ำเสียงใสกระจ่าง ร่างบางชดช้อยยอบกายลงอย่างนุ่มนวล
องค์ชายฝานจิ้งอยู่ตรัสถามพระอาการ23
ล่วงเข้าปลายฤดูฝน ย่างเข้าสู่เดือนที่เจ็ดของชีวิตทหารในค่ายจินเฉิงก่านการฝึกเริ่มหนักและเข้มงวดมากขึ24
ทหารเก่งๆ ที่มีฝีมือล้ำเลิศนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่คนที่พระองค์ประทานโอกาสชุบเลี้ยงกลับเป็นตัวนาง.25
“หยา...” ใช่ว่าพระองค์และหยางเสียไม่เคยได้ถูกเนื้อต้องกายกัน แต่ความรู้สึกหวามไหวประหลาดที่แล่นเข้าม26
ในตอนสายของวันออกเดินทาง เหอเซียวไห่เดินมาหาหยางเสียที่ลานกลางค่าย
“อย่ามาทำหน้าระรื่นเชียวหนา...” หย27
ณ ที่ราบนอกเมืองฮั่นเหอซึ่งเป็นจุดตั้งค่ายแห่งสุดท้ายก่อนเข้าบุกยึดพระราชวังแคว้นเสี้ยน บนยอดกระโจมห28
เมื่อทรงได้รับข่าวว่าองค์รัชทายาทเทียนหลงสิ้นพระชนม์ องค์ชายฝานจิ้งก็ทรงให้ม้าเร็วส่งสาส์นล่วงหน้าไป29
ริมลำธารท้ายค่ายอพยพชั่วคราวซึ่งท่านแม่ทัพด่านเจิ้งถงรับสั่งให้สร้างไว้สำหรับเป็นที่พักพิงแก่ประชาชน30
ในเขตกระโจมของผู้อพยพชาวแคว้นเสี้ยน องค์ชายเล่อหยาซ่าง ทอดพระเนตรยังพระขนิษฐาที่กำลังหายพระทัยแผ่วรว31
“อี้หวินจ๋า...คิดถึงข้าไหม คืนนี้เราจะได้นอนด้วยกันแล้ว” เหอเซียวไห่ลากเสียงยาว ละสายตาจากหยางเสียที32
ในตอนสายของวันรุ่งขึ้น รองแม่ทัพอู๋มากราบทูลแม่ทัพใหญ่ว่าองค์ชายหยาซ่างขอเข้าเฝ้า หยางเสียจึงจัดเตรี33
“ใช่เจ้าแน่ที่กัดข้า! ยังกล้ามายั่วให้เจ็บใจ คอยดูเถอะ...ถ้าข้าจับตัวได้อีกละก็ เจ้าได้กลายเป็นอาหาร34
องค์ชายฝานจิ้งทรงสังเกตเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของ หยางเสีย จึงทรงตัดบทสนทนานั้นก่อนที่สตรีนา35
ผ่านไปชั่วครู่พระองค์จึงตรัสถามในเรื่องที่ทรงต้องการทราบคำตอบ “เจ้าเข้ามาเป็นทหารเพราะเหตุใด”
“ก็เพรา36
เช้าตรู่ของวันถัดมา อากาศนอกผ้าห่มหนาวเยือกเข้าไปถึงกระดูก หิมะคงจะตกในอีกไม่ช้านี้ หยางเสียลุกขึ้นน37
“ไม่ขอรับ” หญิงสาวรีบหลบพระเนตรก่อนว่ายออกห่าง นางขึ้นฝั่งด้วยสภาพตัวสั่นงันงก ชุดเครื่องแบบทหารที่ป38
“อี้หวิน...ศึกครั้งนั้นได้ฝากรอยดาบไว้ที่หลังเขาและทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองทำผิดมาจนถึงทุกวันนี้ ตั้ง39
หยางเสียกะพริบตาปริบ นึกฉงนที่ท่านแม่ทัพทรงอยากจะฟังเพลงจากฝีมือบ่าวผู้ต่ำต้อยอย่างนาง “ขะ...ขอรับ”
ท40
องค์ชายฝานจิ้งนั้นแม้ยังประทับนิ่งอยู่ หากแต่พระทัยนั้นได้ล่วงแล่นตามเจ้าร่างน้อยออกไปแล้ว พระวรกายส41
“เป็นอะไรไป” เหอเซียวไห่ที่นอนอยู่บนพื้นพรมถามขึ้น เพราะคนอื่นๆ ได้กลับไปหมดแล้ว แม้เขาดื่มไปมากแต่ก42
“ไม่ใช่...ไม่ใช่” เสียงหญิงสาวพร่ำคำเดิมซ้ำๆ ดังสลับกับเสียงสะอื้นเบาๆ
“ข้าปวด...” หยางเสียครางเสียงเ43
หยางเสียไม่ได้ส่งมือให้องค์ชายฝานจิ้ง หญิงสาวรีบลุกขึ้นสำรวจร่างกายตัวเอง เห็นว่าเสื้อตัวในยังอยู่ดี44
รัก...ทั้งที่ไม่ควรจะรัก
รัก...ทั้งที่ไม่อาจจะลงเอยด้วยกันได้
จะปิดบังความรู้สึกนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน น45
โรงเตี๊ยมทุกแห่ง บ้านเกือบทุกหลัง ไม่เว้นแม้กระทั่งวัดหรือศาลเจ้าต่างได้รับการสอบถามจากทหารแห่งค่ายเ46
ณ พระตำหนักฝูลี้ พระราชวังต้าฉาง
“องค์ชายเจ็ดกับองค์ชายเก้า...เฮอะ! ปากยังไม่ทันจะสิ้นกลิ่นน้ำนมก็คิด47
ก่อนที่นางจะโกรธขึ้นมาจริงๆ พระองค์ก็ทรงลุกไปหยิบถ้วยข้าวต้มมาคนให้ข้าวคลายความระอุออกมา
“กินข้าวต้มก48
ในที่สุดเพื่อนเขาก็รู้ ‘อะไรๆ’ ได้เสียที อู๋อี้หวินได้แต่ส่ายหน้า เก่งนักเรื่องมองไกล ที่ใกล้ๆ ตัวกล49
เมื่อแม่ทัพใหญ่แห่งเจิ้งถงเสด็จเข้ายังส่วนในของที่ประทับ ก็จำต้องส่ายพระพักตร์ให้กับความดื้อรั้นของเ50
แม่ทัพใหญ่แห่งเจิ้งถงประทับยังโต๊ะทรงพระอักษร พระองค์ทรงใช้เวลาอ่านจดหมายอยู่ชั่วครู่ก่อนจะทรงวางจดห51
และเมื่อพระโอษฐ์นี้เอ่ยคำว่า ‘รัก’ หัวใจอันอ่อนล้าด้วยความโดดเดี่ยวมานานแสนนานของนางก็ชุ่มชื้นขึ้นดั52
ณ พระราชวังแห่งแคว้นจื่อจิ้นซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองขึ้นของลู่เหลียง
“ส่งจดหมายไป... แผนการที่แท้จริงควรเ53
เหอเซียวไห่ทำหน้าเหมือนโดนบังคับให้กินของขมของร้อนในคราวเดียวเมื่อได้ยินเสียงอ้อนของหญิงสาว “ก็ได้ๆ54
“เอาแต่พระทัย” ดวงหน้านวลหมดจดของหยางเสียหันไปสู้สายพระเนตรคมลึกของเจ้าของพระวรกายล่ำสันแข็งแรงที่กอ55
หยางเสียตาโตเบิกกว้างเมื่อได้ยินพระองค์ตรัสถึงเอี๊ยมโปร่งบางนั้นก่อนจะร้องเสียงหลง ร้องออกไปแล้วก็ก้56
แววตาหยางเสียเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเงยหน้ามองสบยังพระเนตรสีนิล สองแก้มนางแดงซ่านไปถึงใบหู ท่า57
เสียงคมมีดกรีดเฉือนบาดผิวเนื้อ ระคนเคล้าเสียงกรีดร้องโหยหวน ดังระงมทั่วทั้งหมู่บ้านเหมยหลิน เพลิงสีแ58
พระตำหนักฝูลี้ ราชวังต้าฉาง
“การนี้จะถ่วงเวลาให้ช้าไม่ได้อีกแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ” โจวฉาวเฟ่ยกราบทูลเสนอแนะ59
ฤดูต้าเสวี่ย เช้าของวันที่หิมะตกกระหน่ำลงมาไม่ขาด ม้าเร็วจากวังหลวงนำจดหมายประทับตราราชลัญจกรมาถึงพร60
หลายวันแล้วที่หยางเสียออกจากกระโจมเพื่อติดตามเหอเซียวไห่ไปรอบค่าย บางครั้งหญิงสาวขอให้เขาปล่อยนางทิ้61
กลางดึกเงียบงัน...ด้วยเสียงเรียกของรักษาการแม่ทัพใหญ่แห่งค่ายที่ดังอยู่นอกกระโจมปลุกหยางเสียใหัตื่นข62
กาลเวลาพาราตรีที่สี่เข้าสู่ความมืดมนอนธการ กว่าสี่ค่ำคืนแล้วที่หัวใจต้องทรมานด้วยการรอคอย...การรอคอย63
หยางเสียในชุดกระโปรงแพรไหมสีแดงเดินออกจากห้องสรงน้ำตรงไปในส่วนของห้องบรรทม องค์ชายฝานจิ้งกำลังบรรทมอุ64
ปลายพระหัตถ์เกลี่ยไรลูกผมบนหน้าผากเนียน องค์ชายฝานจิ้งตรัสหมายปลอบประโลมให้กายใจหยางเสียหายตระหนกและ65
องค์ชายฝานจิ้งมีพระสรวล สองพระกรรวบตัวหญิงสาวมาเบียดชิดแนบ วรองค์ แววพระเนตรยังเต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่66
สายลมปลายฤดูหนาวพัดไหวพลิ้วพาไอเย็นแทรกซอนผ่านเข้าสู่ตำหนักแสงจันทร์ ก่อนหมุนวนลับกลับออกไป หลงเหลือ67
ณ ตำหนักไท่คุน พระตำหนักหลวงหลังที่สามของวังหน้า ภายใต้หลังคากระเบื้องเคลือบสีทองอร่ามยามต้องแสงตะว68
บ้านเจ้ากรมอาญา หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงในเขตพระวังต้าฉาง
“ท่านพ่อ!” สวี่ชิงหลิงตกใจจนร้องอุทานออกมาเมื69
ทหารด่านเจิ้งถงต่างเริ่มคุ้นชินกับการเห็นสตรีนางหนึ่งซึ่งแต่งกายรัดกุมดังเช่นบุรุษเคียงข้างแม่ทัพใหญ70
“หนีเร็ว! หนีเร็ว! พวกกบฏฝานจิ้งมันมาแล้ว”
เสียงร้องอย่างคนขวัญบินดังแหวกอากาศตลอดทางที่สองเท้าของชาย71
ฝ่ามือใหญ่ลูบชุดเกราะ คราบเลือดแห้งกรังทิ้งรอยติดอยู่บนชุดที่เปรอะเปื้อนฝุ่นดิน ทั้งหมดคือเลือดของคน72
เช้าตรู่ลมเย็นพัดเรื่อยโชยชาย องค์หญิงเล่อผิงอ้ายเสด็จออกมารับแสงแรกของดวงตะวันหลังกระโจมที่ประทับพร73
ริมพระโอษฐ์บางงดงามแย้มสรวล แววพระเนตรนั้นชื่นชมต่อทัศนียภาพเบื้องหน้า พระกระแสเสียงร่าเริงดังเช่นสา74
ด่านเจิ้งถงเขตปกครองขององค์ชายฝานจิ้ง
หมิงอ๋องทรงให้ทหารลอบนำจดหมายเข้ามาในค่าย สั่งห้ามเด็ดขาดไม่ให้75
ทหารร่วงหล่นจากหลังม้าศึกทีละคน เสียงร้องจากปากช่วงสุดท้ายของเสี้ยวชีวิตดังแผ่ขยายเป็นวงกว้างดั่งผิว76
พลุไฟคบเพลิงมากมายแตกกระจาย สว่างไสวไปทั้งฟ้าราวเวลากลางวัน หินไฟลูกแล้วลูกเล่าถูกดีดส่งเข้ามาเผาไหม77
“...หวู่อิ้งพ่ายต่อหยิงหมิง!”
พระอารมณ์จักรพรรดิหลานลี้นั้นกราดเกรี้ยวดาลเดือดราวพายุพัด เมื่อทรงสดับ78
เทียนเล่มน้อยบนเชิงทองเหลืองให้แสงหรุบหรู่ สาดทับทาบกระทบต้องสองร่างซึ่งระริกไหวสั่นสะท้าน ในม่านมุ้79
พระราชวังแคว้นลู่เหลียง ณ ประตูซุ้มทางเดินเข้าสู่ตำหนักหมิงเตา พานเหวินชะงักฝีเท้าทันควันก่อนชนเข้าก80
เพราะต้องผ่านขั้นตอนเตรียมถวายตัวตลอดทั้งวัน เสียนเซียงจึงได้เผลอหลับที่โต๊ะตัวน้อยภายใต้แสงจันทร์ลอ81
ครั้นเมื่อทัพกลางรุกเข้าสู่เขตวังในได้สำเร็จ เซวียนฟงกำลังก้าวขึ้นบันไดหน้าพระราชวัง บัดนี้ตัวเขาได82
เซวียนฟงโยนร่างสะบักสะบอม เพราะถูกลากถูลู่ถูกังจนพ้นออกบานทวารของท้องพระโรง ก่อนจะจับแล้วโยนลงที่เหน83
หลากหลายรายชื่อที่ชายหนุ่มไม่รู้จักพรั่งพรูจากปากอันแสนโสมมน่าสะอิดสะเอียน จวบจนชื่อสุดท้ายก็ยังมิมี84
ผืนดินที่ซับไอร้อนระอุของแสงแดดช่วงกลางวันในคิมหันตฤดูกำลังระเหยครั้นเวลาพลบค่ำได้เข้าเยือน ในอุทยาน85
“เป็นเพียงสนมไร้ลำดับขั้น กลับกล้ายื่นข้อต่อรองเอากับพระองค์เชียวรึ!” พานกงกงตรงเข้ากดที่ศีรษะหมายกำ86
กระทั่งมายืนอยู่ในพระตำหนักเหวินเยวี๋ยน ที่หลังพระวิสูตรยาวทิ้งตัวจากเพดานจรดพื้น ขันทีเจ้าหน้าที่ผู87
“ข้าจะสอนวิธีจูบผู้ชายให้เจ้าได้จำไว้!” วรกายเปล่าเปลือยเบียดเข้าหาร่างเล็ก ฝ่าพระหัตถ์ร้อนกดที่แผ่น88
สถานการณ์รอบด่านเจิ้งถงเริ่มส่อเค้าเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ กองกำลังจากด่านตะวันออกซึ่งปกป้องแนวเขตแดนข89
สายลมแผ่วเย็นยามค่ำคืนของฤดูคิมหันต์ไล้ระผ่านกายา จันทร์กระจ่างนวลตาแต้มระบายผืนแผ่นฟ้า
“เจ้าเห็นนั่น90
พระตำหนักแสงจันทร์ ในห้องบรรทม เสียงลมหายใจแผ่วอ่อน ระบายเข้าออกเป็นจังหวะ ร่างบอบบางกำลังหลับสนิท บ91
ที่ข้างนอกกลุ่มคนชุดดำกำลังหันกระบี่เข้าฟาดฟันกองทหารรักษาขบวนเครื่องราชบรรณาการ สายแห่งโลหิตพุ่งสูง92
เหอเซียวไห่ที่ร่างกายแข็งแรงดั่งม้าศึก และสัญชาตญาณคมกริบด้วยฝึกฝนมาช้านาน กอดกระหวัดรัดประคองวรกายเ93
องค์หญิงอวี่เฉินมิเคยได้ต้องทรงตกอยู่ภายใต้สถานการณ์และบรรยากาศมืดมนน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน วรองค์น้อยถ94
เพราะลำบากแร้นแค้น ปากกัดตีนถีบเท่าที่สองมือของเด็กไร้ที่พึ่งพิงจะพาชีวิตให้รอด ทำให้เขากล้าแกร่ง เพ95
“องค์ชายฝานจิ้งเพคะ...” ปลายเสียงของสวี่ชิงหลิงนั้นแฝงแววละห้อยหา คราเมื่อสองขาชะงักงันมิห่างจากวรกา96
องค์จักรพรรดิลู่เหลียงทรงดำริดวงพระทัยโลดเต้นด้วยชัยชนะแห่งสงครามและความเป็นใหญ่เหนือแคว้นใดในอนาคตอ97
บนแท่นบรรทมชุ่มด้วยหยาดแห่งพระเสโท ไม่ต่างจากพระเกศาเหนียวเหนอะบนพระนลาฏที่เปียกชื้น ครั้นทรงควบคุมอ98
เซวียนฟงจอมทัพใหญ่ผู้มีสายเลือดแห่งซีฉิน ถ่ายทอดคำสั่งเพิ่มกำลังคนให้ตั้งด่านปิดกั้นทุกรอยต่อที่คาดว99
สกุณาหลากพันธุ์กำลังขับขานแว่วเสียงคลอผืนป่า องค์หญิงอวี่เฉินทรงกะพริบเปลือกเนตรเปิดรับแสงอโณทัยซึ่ง100
“ข้ามันคนชั่ว อกตัญญูนักเฟินเตี๋ย”
สวี่ชิงหลิงผละจากอ้อมกอดของเฟินเตี๋ย นางกระหน่ำทุบตีร่างกายตัวเองด101
มุมพระโอษฐ์กว้างขององค์ชายฝานจิ้งแย้มยก เมื่อทรงทอดพระเนตร เสี้ยวหน้าของหยางเสียซึ่งซบนอนอยู่บนพระเข102
เมื่อวรองค์สูงทรงก้าวพระบาทถอยห่าง ใจดวงน้อยก็กระตุกวูบ ความมั่นใจสั่นคลอนแคลน ลอบซ่อนร่องรอยแห่งควา103
ภายในกระโจมที่ประทับขององค์ชายน้อยจากแคว้นซีฉิน พระวรกายนุ่มนิ่มถูกประคองให้ทรงนั่งบนตักหยางเสียอย่า104
เช้าตรู่วันนี้องค์ชายฝานจิ้งได้ออกทรงงานร่วมกับหมิงอ๋อง หยางเสียได้รับเชิญจากองค์หญิงอวี่เฉินตั้งแต่105
เครื่องเสวยสำหรับองค์ชายฝานจิ้งและหมิงอ๋องตลอดจนรองแม่ทัพของทั้งสองพระองค์เสร็จทันก่อนมื้อเที่ยง ทหา106
ตั้งแต่องค์หญิงอวี่เฉินได้ทรงเข้ามาประทับยังค่ายทหาร พระกระยาหารสำหรับพระปิตุลากับพระเชษฐาจึงมอบอยู่107
ที่โต๊ะเสวย องค์ชายฝานจิ้งทรงใช้ตะเกียบคีบกับข้าวคำแรกของทุกจาน ใส่ในถ้วยของหยางเสีย
“กินเยอะๆ นะเสีย108
ช่วงเวลาสุดท้ายของปลายฤดูร้อนกำลังผ่านพ้น แต่ความร้อนรุ่มภายในแคว้นต้าฉางคงมิอาจจะปัดเป่าไปได้เพียงต109
ฝนพร่างฟ้าลงมาไม่ขาดสาย ศึกรบระหว่างจักรพรรดิหรูจื้อเถียนแห่งลู่เหลียงกับองค์ชายฝานจิ้งแห่งต้าฉางได้110
ค่ำคืนนั้น สวี่ชิงหลิงนั่งลงหน้าหีบไม้หอมข้างเตียงนอน นางค่อยๆ เปิดฝาหีบ ภายในหีบใบนี้มีสิ่งสูงค่าต่111
ทว่าผ่านมาหลายวันแล้ว หยางเสียก็ยังไม่ได้พบหน้าหมอเฉิน ท่านหมอพร้อมเสมอแน่หากว่าพระชายาแห่งเจ้าเหนือ112
ยังไม่ทันครึ่งก้านธูป เมฆครึ้มก็เคลื่อนเข้ามาบดบังแผ่นฟ้าที่เคยใสกระจ่าง หยางเสียไม่อยากให้องค์หญิงท113
จักรพรรดิหนุ่มทรงเอนพระวรกายสูงใหญ่บนพระแท่นบรรทมของพระตำหนักเหวินเหยี๋ยน เสร็จศึกนี้พระองค์คงจะพักจ114
มีเหตุใดต้องถือเป็นการรบกวน เนื้อความประโยคนี้เป็นชนวนสงสัยขึ้นในพระหทัยขององค์ชายฝานจิ้งเล็กน้อย
“เอ115
สวี่ชิงหลิงปลดเปลื้องอาภรณ์ขาวบางเบาให้ล่วงลงสู่พื้น เปิดเปลือยเรือนร่างงดงามราวเทพสวรรค์เสกปั้น นาง116
“คารวะพระชายา” หญิงสูงวัยถลันกายเข้าขวางระหว่างทางเดิน
“แม่นมเฟินเตี๋ย” หยางเสียแปลกใจครั้นเห็นสตรีผู117
“ฟังข้า...” ทรงอยากชี้แจง
สวี่ชิงหลิงนั่งร่ำไห้อยู่บนพระที่ ร่องรอยช้ำเป็นจุดจ้ำบนร่างขาวสล้างของนางย118
ด้วยนิสัยถูกเลี้ยงดูค่อนข้างตามใจแต่เล็กจนโต อยากได้อะไรต้องได้มา ชาติกำเนิดและรูปโฉมพริ้งพร้อมเทียม119
วิธีอะไรกัน...
องค์ชายฝานจิ้งทรงแน่พระทัยว่าอ่านสายตางงงวยของสวี่ชิงหลิงได้ทะลุ นางไม่รู้ตัวเองว่าได้120
หยางเสียเพิ่งจะแตะอาหารมื้อค่ำไปไม่กี่คำนางก็อาเจียนออกเสียหมด หากเกิดเหตุการณ์เหมือนดั่งค่ำนี้อีกหญ121
“ท่านคงต้องขอบพระทัยองค์หญิงอวี่เฉินเองขอรับ” เขาบอก
“อ้าว...เหรอ” เหอเซียวไห่รีบเช็ดน้ำแกงที่เลอะปาก122
ครั้นเวลาล่วงเลยเข้ากลางยามห้าย บรรดาเชื้อพระวงศ์และเหล่าแม่ทัพส่วนหนึ่งก็ได้ปล่อยโคมตัวแทนความหวังแ123
“เจ้ามีธุระกับผู้ใดหรือ” เพราะท่าทางของหญิงสาวเหมือนกำลังรอใครสักคน ซึ่งดูท่าแล้วคงไม่ใช่พระองค์เป็น124
แม้หยางเสียเกิดความรู้สึกขุ่นเคืองต่อการกระทำของสวี่ชิงหลิงกับเฟินเตี๋ย แต่องค์ชายฝานจิ้งซึ่งประทับอ125
“ทูนหัวของนม เป็นอะไรเจ้าคะ เป็นอะไร”
หยางเสียอ้าปากค้าง ยังตื่นตะลึงกับภาพสวี่ชิงหลิงกวาดกาน้ำชาบนเต126
“ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้บาดเจ็บอะไร เพราะที่ทรงควรห่วงใยให้มากนั้นน่าจะเป็นพระชายาสวี127
“เสียเอ๋อร์ของข้าใจร้ายนัก ไม่รู้เลยหรือว่าข้าต้องการเจ้า...มากแค่ไหน” องค์ชายฝานจิ้งทรงกักขังนางไว้128
ตะวันเยี่ยมรุ่ง องค์ชายฝานจิ้งบรรทมตื่นทั้งที่ท่อนพระกรยังกอดรัดร่างหอมกรุ่นของหยางเสีย อุ้งหัตถ์วาง129
หลังจากท่านหมอเฉินเข้ามาตรวจอาการแล้วเสร็จ องค์ชายฝานจิ้งก็รับสั่งให้จิ่นกุ่ยเข้ามาดูแลหยางเสียในระห130
เมื่อทัพใหญ่ของลู่เหลียงตั้งค่ายหลักที่เมืองหลานหยวน สมรภูมิรบครั้งนี้เป็นทุ่งกว้างเมืองตงโขว่ซึ่งติ131
นัยน์พระเนตรจอมทัพสาดประกายลุกวาวเมื่อเงยพักตร์ตั้งตรง พระสุรเสียงก้องกัมปนาทราวอสนีบาต เงาปฤษฎางค์เ132
แสงยามเช้ายังไม่ทันจับขอบฟ้ากว้าง หยางเสียก็ตื่นนอน นางผลัดเปลี่ยนมาอยู่ในชุดเครื่องแบบทหารเพื่อเตรี133
ปัง!
ประตูเรือนพักเปิดผางออกอย่างไม่กริ่งเกรงว่าคนในห้องจะตื่นตกใจหรือเป็นการรบกวนคนเจ็บมากมายเพียงใด134
การรบพึงปรับแผนตามกลศึก ก่อนหน้านั้นทัพหวู่สื้อเถาแพ้ก็เพราะตามไล่ตีเมื่อข้าศึกแกล้งถอย ด้วยอารมณ์คั135
แผ่นดินจะฟื้นคืนจากกลียุค คงต้องโค่นจอมทัพอย่างหรูจื้อเถียนและกำลังทหารของเขาให้ได้เท่านั้น!
นานที่บร136
เพลงกระบี่ว่องไวราวสายฟ้า แรงอาฆาตแค้นต่อคนแซ่ฉิน ส่งผลให้อาวุธสังหารในมือเซวียนฟงมิพลาดเป้าหมาย
ฉินห137
“อ๋องสาม...ดี รู้วันนี้ได้ก็ดี ต่อไปนี้ข้าไม่มีอาที่คิดกบฏให้ต้องมาเกี่ยวพันนับญาติกันอีก!”
ตรัสยังไม138
แรงวายุพัดหวีดหวิวนำพาความหนาวเหน็บคลี่คลุม ลมหนาวพรูพัดเกล็ดละอองพราวพิสุทธิ์เข้ากระทบพระพักตร์ ของ139
ผ่านไปอีกสองชั่วยาม หยางเสียยังคงเพ้อพร่ำ หลายครั้งนางทำท่าจะรู้สึกตัว หากแต่เรียกเท่าไรนางก็ไม่ยอมต140
องค์หญิงเหม่ยหงทรงลืมเนตรมาครู่ใหญ่แล้ว ความเงียบภายในกระโจมกอปรกับทรงนิ่งไม่ขยับพระองค์จึงทำให้พอได141
หยางเสียผวาเฮือก อาการปวดชาเหมือนมีเข็มปักตรึงร่างไม่ให้ขยับได้สะดวกนั้นเข้าจู่โจมทันทีเมื่อกะพริบตา142
องค์ชายฝานจิ้งทรงนิ่งกับการตัดสินใจของสวี่ชิงหลิง “เจ้ายอมจากไป อย่างนั้นรึ”
“เพคะ หม่อมฉันจะไป และจะ143
“ข้ากำลังจะไปจากเจิ้งถง จะไปจากความรักของพระองค์กับเจ้าตลอดกาล หวังว่านี่คงเป็นข่าวดีสำหรับเจ้า ข้าย144
ข่าวการชนะศึกขององค์ชายฝานจิ้งสะพัดแพร่ไปทั้งแผ่นดิน ปวงชนเยินยอพระปรีชามากล้ำ ยินดีถวายเคารพยำเกรงม145
“องค์ชายจะทรงมีแต่หยางเสียหรือมีใครต่อใครอีกมากมายก็เป็นเรื่องของพระองค์ เราทำผิดมามากแล้วนะแม่นมเฟิ146
ราชองครักษ์กงจื่ออิ้งนอนพังพาบอยู่บนลานหินหน้าพระตำหนักไท่เฉียนในสภาพโลหิตอาบร่าง ที่เบื้องหลังเขามี147
องค์ชายฝานจิ้งกำลังกริ้วยิ่งนักกับรายงานเร่งด่วนที่ทรงได้รับก่อนจะ เสด็จออกจากเหลิงอาน รายงานที่ทำให148
และเมื่อขนิษฐาทั้งสองนางได้กลับไปแล้ว ที่กระโจมคงเหลือทิ้งไว้เพียงพระวรกายสั่นเทา
‘วันนั้นเท่าที่หม่อ149
เมื่อความตายถูกหยิบยื่นให้ตรงหน้า เฟินเตี๋ยเข้าไปกอดด้านหลังของนายสาว แม้จะคร่ำครวญรำพันมากปานใด องค150
พระราชพิธีราชาภิเษกเถลิงถวัลยราชสมบัติจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ลดขั้นตอนและรายจ่ายแห่งความฟุ่มเฟือยจากบ151
องค์รัชทายาทหยาซ่างทรงเสด็จกลับไปยังแคว้นเสี้ยนเมื่อพระอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว ต้าฉางส่งทหารจากเจิ้งถง152
หยางเสียถูกพาลงมาจากภูเขา มีท่านหมอมาตรวจอาการ
“โธ่เอ๊ย...อาเสีย” ฉิงถันกล่าวด้วยน้ำเสียงเวทนา ก่อนจะ153
ห้องทรงงานเล็ก พระตำหนักไท่หนิงจิ้ง
“เจ้าว่าอย่างไรนะ...” แววพระเนตรโชนแสงขัดกับวงพักตร์อิดโรยสบเข้าเ154
ยามค่ำ แสงเทียนทอประกาย บนเตียงเล็กซึ่งเคยมีแต่ความโดดเดี่ยวเศร้าซึม หยางเสียนอนซบอิงอยู่ในอ้อมอุระอ155
เพื่อนบ้านใกล้เคียงต่างแตกตื่นที่บ้านของนางฉิงถันมีแขกพิเศษจากแคว้นต้าฉางมาเยือน สงครามทำให้เกิดความ156
เมื่อลูกน้อยชันษาย่างเข้าขวบเดือน จักรพรรดิฝานจิ้งก็ทรงพาหยางเสียกลับคืนสู่เหลิงอาน กลับคืนสู่บ้านที157
หยางเสียคิดถึงถ้อยพระเสาวนีย์แนะนำของพระชนนีเล่ยหยูกับพระชนนีซือหนี่เมื่อหลายวันก่อนที่นางพาองค์หญิง158
ในห้องทรงพระอักษรตำหนักแสงจันทร์ บนพระแท่นยาวมุมห้อง จักรพรรดิฝานจิ้งทรงเอนพระวรกายพลางทอดพระเนตรยัง
น่าติดตาม
16/01
0สนุกมากๆเลยครับ
17/12
0อ่านสนุกมาก
01/12
0สนุกมากเลยค่ะ
17/10
1สนุกค่ะ
05/10
0สนุกมากค่ะ
27/09
0ดีมาก
22/09
0สนุก เนื้อหาดี
30/08
0