logo
logo-text

Download this book within the app

6

แต่คนที่รู้ดีว่ามารดาต้องจ่ายมากเป็นสองเท่า ก็หลบเรื่องเหล่านี้ไม่เคยพ้น ถ้าพวกมันรังแกแค่นาง นางก็ทนได้ แต่ถ้าเมื่อไรลามถึงแม่ผู้มีพระคุณแล้ว อย่าหวังว่าเด็กหญิงจะก้มหัวให้
นางก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้แล้ว จะมีหน้ากลับไปพบแม่ได้อย่างไร...
ขณะเด็กหญิงก้มหน้ากำลังคิดไม่ตก หยางเอ๋อร์รีบวิ่งเข้าขวาง ก่อนลูกสาวนางจะโดนรุมรังแก เสียงร้องไห้ของเด็กชายเรียกความสนใจจากท่านครูใหญ่และครูคนอื่นๆ
“เอาอีกแล้วนะหยางเสีย!” ท่านครูใหญ่ร้องเสียงเข้ม พลางมองมายังนางคณิกาเลื่องชื่อ เช่นเดียวกับสายตานับสิบคู่ในบริเวณนั้น มันเป็นสายตาหยามหยันที่บีบหัวในสองแม่ลูกยิ่งนัก
“ข้อขอโทษแทนลูกชายเจ้าค่ะท่านครู ส่วนเรื่องคุณชายเฉิง ข้าจะไปตกลงค่าเสียหายกับทางบ้านของคุณชายเอง” หยางเอ๋อร์โค้งคำนับต่อชายสูงวัย
แล้วหยางเอ๋อร์ก็พาหยางเสียกลับบ้าน ตลอดทางเด็กหญิงไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากถามมารดาว่ามาได้อย่างไร แต่เห็นอาการเงียบของผู้เป็นแม่แล้ว หยางเสียก็นึกหวั่นใจว่านางคงจะโกรธมากเพราะตัวเองสร้างเรื่องเดือนร้อนไม่หยุดหย่อน
หยางเสียพยายามแข็งใจไม่ให้ร้องไห้ออกมาก่อนจะถึงบ้าน ไม่แน่วันนี้ที่นอนของอดีตเด็กไร้บ้านอาจเป็นตรอกข้างหอฮวาหงก็เป็นได้ เด็กหญิงข่มความรู้สึกเสียใจและไม่โทษใคร เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะนางทำตัวเอง อย่างน้อยก็นับว่ายังโชคดีกว่าเด็กเร่ร่อนทั่วไปมากนักที่ได้มีโอกาสมีแม่และชีวิตที่ดี แม้มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม
“ไหนดูซิ เจ็บตรงไหนบ้าง” หยางเอ๋อร์ถามหยางเสียทันทีที่อยู่กันเป็นการส่วนตัว น้ำตาเด็กน้อยร่วงเผาะที่มารดาไม่ตำหนิสักคำ กลับมีแต่ความห่วงใยมอบให้
“ข้าขอโทษ...ท่านแม่ ข้าผิดไปแล้ว” น้ำตาที่พยายามกลั้นไหลราวทำนบแตก หยางเอ๋อร์ดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดมือลูบแผ่นหลังที่สั่นระริกพลางปลอบโยน
“เสี่ยวเสียของแม่ไม่ผิดเสียหน่อย แม่ดีใจมากรู้ไหมที่เจ้าปกป้องแม่” หยางเอ๋อร์ใช้สองมือประคองข้างแก้มที่เปรอะเปื้อนด้วยคราบน้ำตาของลูกสาว “แต่แม่ไม่อยากให้เจ้าชกต่อยกับคนอื่นอีก เจ้าเจ็บที่ตัว แต่แม่เจ็บที่ใจ เพราะแม่ปกป้องเจ้าไม่ได้เลย” หญิงสาวยิ้มอ่อนโยนยิ่งพร้อมกับดึงตัวลูกสาวเข้ามากอดอีกครั้ง “ลูกรักของแม่ คนดีอย่าได้ร้องไห้”
นางเฝ้าปลอบประโลมเด็กน้อยในอ้อมกอดพร้อมกล่าวขอบคุณสวรรค์ที่ดลใจให้หยางเสียยอมอยู่เป็นลูกของนาง
รุ่งเช้าวันถัดมา หยางเอ๋อร์ไม่ให้ลูกสาวไปเรียนหนังสือ แต่ให้หัดคัดตัวอักษรอยู่ในบ้าน ส่วนตัวนางมีเรื่องต้องจัดการที่บ้านสกุลเฉิง หลังจากคุยกันอยู่ครู่หนึ่งผลสรุปออกมาว่านางและเหล่าคณิกาของฮวาหงต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นที่บ้านสกุลเฉิงถือเป็นการไกล่เกลี่ยที่ตกลงกันได้ทั้งสองฝ่าย
ลูกชายด่านางคณิกาปาวๆ แต่ตัวพ่อกลับเชิญนางคณิกามาร่วมงาน หยางเอ๋อร์นึกหยันในใจ งานนี้ไร้ค่าตอบแทน หากแต่คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มที่ลูกสาวนางได้ต่อยปากลูกชายจอมกร่างของเฉิงเปินเป่าผู้ทรงอิทธิพล
เสร็จธุระจากบ้านตระกูลเฉิง หยางเอ๋อร์กับเสี่ยวชุนตรงไปยังบ้านบัณฑิตหนุ่มหลายคน หวังให้พวกเขารับจ้างมาสอนหนังสือลูกนางที่บ้าน ทั้งหมดล้วนทำท่าอึกอัก ก่อนจะปฏิเสธเมื่อคนในบ้านไม่เห็นสมควร ภรรยาบัณฑิตบางคนถึงกับปิดประตูใส่หน้าเลยก็มี ท้ายที่สุดนางก็ต้องพึ่งตัวเอง นางจะสอนหยางเสียให้ได้ดีไม่น้อยหน้าใคร
หยางเสียมักติดตามหยางเอ๋อร์ออกไปทำบุญที่วัดและแจกจ่ายอาหารให้ขอทาน ความมีน้ำใจนี้ยังเผื่อแผ่ไปยังเด็กเร่ร่อนแถวตรอกหอคณิกาสม่ำเสมออีกด้วย
‘อย่ามองคนที่เปลือกนอก คบเพื่อนให้ใช้หัวใจคบ’ นางพร่ำสอนลูกสาว
ทุกบ่ายหลังจากคัดตัวอักษรและอ่านโคลงกลอน หยางเสียยังได้รับการฝึกฝนให้ดีดฉิน และวาดรูปด้วยพู่กัน เด็กน้อยเคยได้ยินพวกหญิงสาวในหอคุยกันเวลามาเดินเล่นในสวนใกล้บ้านว่าหยางเอ๋อร์นั้นอาจเป็นพวกคุณหนูฐานะดีมาก่อน เพราะคนมีฐานะเท่านั้นที่จะส่งบุตรสาวเรียนจนรู้หนังสือและมีฝีมือในด้านต่างๆ ได้ แต่ก็ไม่มีใครรู้อดีตของดาวเด่นหอฮวาหงแน่ชัดเช่นกัน รู้แต่เพียงว่านางถูกผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งพามาอยู่ที่นี่
ด้านหยางเอ๋อร์นั้นไม่เคยลืมวันแรกที่มาอยู่หอฮวาหง เมื่อเจ็ดปีก่อนตอนนั้นนางอายุได้ยี่สิบ เพราะหลงเชื่อลมปากของชายคนรักแท้ๆ จึงไม่นึกถึงคำเตือนของบุพการี กลับหอบเสื้อผ้าหนีตามเขามาเมืองหลวง สาวงามผู้มีชีวิตสะดวกสบายอย่างคุณหนูจากบ้านนอกอย่างนางต้องมากัดก้อนเกลือกินกับบัณฑิตตกยาก เพราะความรักที่มีต่อเขา ทั้งหวังถึงความสุขสบายในอนาคตตามที่ชายคนรักพร่ำสัญญา แม้ขัดสนอับจนหนทางเพียงใด นางก็ยอมสู้ทุกอย่าง หยางเอ๋อร์มีฝีมือในงานปักผ้าจึงพอหาเลี้ยงตัวได้ แต่จะให้อิ่มถึงสองปากก็ฝืดเคืองเหลือทน
เวลาไม่ถึงปีชายคนรักแปรเปลี่ยนราวกับเป็นคนละคน งานการไม่หาทำ เขาเอาแต่ดื่มเหล้าเคล้านารี ทั้งยังติดหนี้โรงพนันบ่อนไพ่ สุดท้ายทำได้แม้กระทั่งบังคับขายผู้เป็นภรรยาให้หอคณิกาเพื่อแลกเงิน
ในระยะแรกนางคร่ำครวญกับชะตาชีวิตและหวังว่าสักวันเขาจะกลับมา จ้าวอันหนิงเจ้าของสำนักนางโลมเมตตาให้เวลานางปรับตัวอยู่หนึ่งเดือนเต็ม ไม่มีวาจาดุด่าหรือทุบตีใดๆ สุดท้ายนางจำยอมด้วยฝืนดันทุรังไปก็ไม่มีประโยชน์ ครั้นจะบากหน้ากลับบ้านก็รังแต่จะเพิ่มความอับอายให้บิดามารดา
กาลเวลาผันผ่านเนิ่นนานไร้ข่าวคราวชายคนที่เคยรัก หัวใจแหลกสลายไม่มีวันย้อนคืนสมบูรณ์ได้ดังเดิม
ด้วยรูปร่างหน้าตาและผิวพรรณที่ดี ทำให้หยางเอ๋อร์ก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่นของฮวาหงได้ไม่ยาก แม้หอคณิกาแห่งนี้มีขนาดเล็กแต่ก็ขึ้นชื่อเรื่องหญิงงามช่างฉอเลาะเอาใจและต้อนรับชายหนุ่มที่มาหาความสำราญทุกระดับ คหบดีน้อยใหญ่ต่างเคยส่งคนมาเลียบเคียงขอซื้อตัวหยางเอ๋อร์ไปเป็นอนุภรรยา
แต่นางเลือกอยู่ที่นี่...ไม่เป็นสมบัติของชายใดอีก
หยางเอ๋อร์รับแขกด้วยความพอใจเป็นหลัก ค่าตัวนางสูง เพราะเล่นเครื่องดนตรีได้ แต่เพลงที่นางเล่นล้วนเป็นบทเพลงทำนองเศร้าสร้อย นางยังขับร้องคำกลอนไพเราะ รู้วิธีเอาอกเอาใจ หลายคนไม่ได้มาหาซื้อความสำราญทางกาย ความสำราญทางใจที่นางมอบให้ผูกใจบุรุษได้ตราตรึง
การไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีนางก็ปฏิเสธมาแล้ว นับประสาอะไรกับเงินก้อนโตที่ต่างสำนักยื่นเสนอมาชักจูงให้นางไปอยู่เป็น ‘ตัวทำเงิน’ ให้ เพราะนางเรียกแขกให้มาเที่ยวที่หอนางโลมได้มากกว่าคณิกานางอื่น แม่เล้าอันหนิงจึงเกรงใจนางอยู่มาก อนุญาตให้มีบ้านเป็นสัดส่วนเฉพาะไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร พร้อมทั้งมีสาวใช้ชื่อเสี่ยวชุนคอยปรนนิบัติเป็นที่อิจฉาแก่หญิงสาวร่วมสำนัก

Book Comment (8)

  • avatar
    วุ่นวายสับสน

    น่าติดตาม

    16/01

      0
  • avatar
    Ram Page

    สนุกมากๆเลยครับ

    17/12

      0
  • avatar
    สกุล'ล เงิน'น

    อ่านสนุกมาก

    01/12

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters