logo
logo-text

Download this book within the app

5

ชีวิตในบ้านหลังหอคณิกาฮวาหงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย หยางเสียสามารถดูแลตัวเองได้ นางมีพี่เลี้ยงชื่อเสี่ยวชุนมาอยู่เป็นเพื่อนก่อนจะเข้านอนในทุกคืน ส่วนหยางเอ๋อร์จะกลับเข้าบ้านเมื่อยามโฉ่ว ถึงตอนนั้นเด็กน้อยก็ได้นอนกอดผู้เป็นแม่หลับอย่างเป็นสุข
ชีวิตทุกวันช่างแสนสุข หยางเสียได้กินอิ่มนอนหลับ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าดีๆ สิ่งที่หยางเอ๋อร์ห้ามอย่างเดียวคือ ห้ามเข้าไปในส่วนของหอคณิกา เมื่อเดือนก่อนหญิงสาวได้พาหยางเสียไปเข้าเรียนยังสำนักศึกษาแห่งหนึ่ง นางอยากให้ลูกมีความรู้อ่านออกเขียนได้ ตัวนางนั้นรู้หนังสือดีแต่ติดขัดเรื่องเวลาไม่ตรงกัน ส่วนใหญ่นั้นพอลูกตื่นก็ถึงเวลาที่นางหลับสนิท หยางเสียเป็นเด็กรู้ความจึงไม่ทำตัวให้นางต้องลำบาก นอกจากนี้ยังโชคดีที่มีเสี่ยวชุนคอยดูแลแทนนางอีกคน
ชีวิตในหอฮวาหงเป็นสุขจริง แต่เมื่อห่างอกแม่ไปสู่โลกภายนอกแล้ว หยางเสียก็ได้เรียนรู้ถึงอีกด้านหนึ่งของจิตใจอันมืดบอดและคับแคบของมนุษย์ร่วมโลก ซึ่งดูเหมือนว่ามันจะเลวร้ายกว่าตอนที่ยังเป็นเด็กขอทานเร่ร่อนในตลาดเสียอีก
เรื่องนี้เริ่มต้นมาจากผู้ใหญ่บางคน
‘ท่านครูยอมให้เด็กจากหอนางโลมมาเรียนร่วมกับลูกของพวกข้าได้อย่างไร’
‘ท่านครูแน่ใจได้หรือว่าเด็กคนนี้จะไม่ชักจูงลูกหลานของข้าไปในทางที่เสื่อมเสีย’
‘แม่เป็นนางคณิกา...โตขึ้นเด็กคนนี้ก็คงคุมสำนักนางโลมที่แม่มันทำงานอยู่ นักเลงคุมสำนักจำเป็นจะต้องมีความรู้ด้วยหรือไร’
คำพูดราวคมมีดกรีดลึกลงบนหัวใจดวงน้อย อยู่ในหอคณิกาแล้วอย่างไร ยามนางอดอยาก ยามนางเจ็บปวดปางตาย ก็ไม่เห็นว่าคนนอกหอคณิกาหน้าไหนจะยื่นมาช่วยเหลือ คิดดังนั้นหยางเสียจึงย้อนกลับไป
‘พวกท่านเป็นหมอดูรู้อนาคตหรือ ถึงเดาได้ว่าโตขึ้นข้าจะเป็นได้แค่นักเลงคุมหอฮวาหง ลูกท่านป้าจะชั่วจะเลว แล้วข้าเกี่ยวอะไรด้วย ถ้าจะว่าข้าชักจูงพวกนั้นได้ ก็ต้องโทษพวกเขาด้วยที่โง่ให้ข้าจูงจมูกเอง’
เถียงไปแล้วผู้ใหญ่พวกนั้นก็สวนกลับ มาจากนรกแท้! และอีกสารพัดคำหยาบคายพรั่งพรูที่ฟังแล้วแสนจะเสียดแทงใจ คำต่อว่าต่อขานลามไปถึงท่านครูที่เริ่มทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ เรื่องเลยเถิดไปถึงหยางเอ๋อร์ในที่สุด หญิงสาวถูกท่านครูเรียกมาพบและจำต้องจ่ายเงินค่าเล่าเรียนให้ท่านครูเพิ่มอีกกระบุงโกย หยางเสียจึงได้เรียนรู้อีกหนึ่งเรื่อง...ผู้ใหญ่บางคนนั้นเห็นแก่เงิน และมารดาจะไม่เดือดร้อนถ้านางรู้จักสงบปากสงบคำ
จากที่เคยรับมือกับบรรดาผู้ใหญ่ หยางเสียต้องหันมารับมือกับพวกเพื่อนร่วมชั้นแทน ผู้ใหญ่เหล่านั้นสอนลูกของพวกนางว่าควรจัดการกับเด็กที่แปลกแยกอย่างไร
ถ้าเด็กถูกเพื่อนแกล้งบ่อยเข้า ก็คงไม่อยากมาเรียน
แต่ดูเหมือนวิธีนี้จะใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างหยางเสีย
ในช่วงแรกนั้น เด็กหญิงในคราบเด็กชายกลับบ้านพร้อมแผลฟกช้ำเล็กน้อย หากการต่อสู้เป็นแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับคนที่ขนาดตัวเสมอกันนั้น หยางเสียสู้ได้ นางตัวสูงเมื่อเทียบกับเด็กผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ถ้าเทียบกับเด็กผู้ชายแล้ว นางรู้ตัวว่าตกเป็นรองในเรื่องความบอบบางของรูปร่าง
“เจ้าเป็นอะไร!” มารดาถามด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบหาหยูกยามาทาให้วุ่นเมื่อหยางเสียกลับจากสำนักศึกษาพร้อมรอยจ้ำตามแขนขา
“หกล้มขอรับ” ขืนบอกความจริง ผู้มีพระคุณคงได้ร้อนใจอีก
หากแต่รอยเก่ายังไม่ทันหาย รอยใหม่ก็ผุดติดตัวกลับมาทุกวัน การหลบหน้ามารดาและสวมใส่เสื้อผ้าตัวโคร่ง พอจะปิดบังได้ แต่ก็ปิดได้ไม่นานนัก
“อ้าว...รอยอะไรอีกล่ะนั่น!”
“ข้าตกต้นไม้...และพวกเพื่อนก็มักจะเล่นแรงไปหน่อย ตามประสาเด็กผู้ชายน่ะขอรับ” หยางเสียให้เหตุผลฟังดูเข้าท่าที่สุด
แต่ไหนเลยสิ่งที่เกิดกับเด็กน้อยจะสามารถเล็ดลอดผ่านสายตาของคนอาบน้ำร้อนมาก่อนได้ โดยเฉพาะกับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ด้วยแล้ว
หยางเอ๋อร์ตัดสินใจไปซุ่มดูแถวสำนักศึกษาเวลาเลิกเรียน แล้วนางก็ได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
“ไอ้ลูกนางโลม ไอ้ลูกเต่าตะพาบเหม็นเน่า พวกข้าเกลียดขี้หน้าเจ้านัก”
หยางเอ๋อร์เห็นเด็กผู้ชายตัวผอมสูงตรงเข้าผลักไหล่ของหยางเสีย นางเกือบจะถลันออกไปอยู่แล้ว แต่ลูกสาวนั้นว่องไวพอตัว หยางเสียผลักเด็กชายกลับออกไปจนฝ่ายนั้นถึงกับเซ
“ข้าก็เหม็นขี้หน้าเจ้าเหมือนกันนั่นแหละ คนอะไรแห้งเหมือนไม้คานหาบถังอาจม” ลูกสาวนางตอบโต้
“เจ้ามันลูกนังคณิกาขายตัวไม่มีศักดิ์ศรี” คนถูกผลักไม่ลดละที่จะทำให้คนที่เขารังแกรู้สึกเจ็บปวด
หยางเอ๋อร์เจ็บข้างในอก เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม สามารถเอ่ยวาจาทำร้ายอีกฝ่ายได้เจ็บขนาดนี้เชียวหรือ ที่ว่าสำนักศึกษาสร้างบัณฑิตนั้นคงไม่จริงเสมอไปกระมัง
“ไอ้ลูกเต่า! เป็นนางโลมแล้วอย่างไร หนักส่วนไหนของเจ้า ถ้าหนักนักข้าจะจัดการให้มันเบาเอง” กำปั้นไวเท่าคำด่า หยางเสียออกหมัดสวนไปจนคนปากไม่ดีหน้าหงาย ก่อนล้มลงก้นจ้ำเบ้า คนหาเรื่องก่อนร้องไห้จ้า เลือดสดๆ ไหลซึมจากมุมปาก
หยางเสียได้รู้วันนี้ว่าหมัดตัวเองก็หนักเอาการ เด็กหญิงตั้งท่าเตรียมพร้อมรับการถูกรุมเพราะนอกจากเจ้าแห้งที่กำลังร้องไห้ราวเด็กสามขวบอยู่ที่พื้น ยังมีลูกน้องของมันอีกสองคนกำลังยืนตะลึงอ้าปากหวออยู่ ทุกวันที่นางมีรอยฟกช้ำดำเขียวกลับบ้านก็เพราะโดนพวกนี้เล่นทีเผลอนั่นเอง บางครั้งก็เข้ามาทีละสอง แบบหมาหมู่รุมสามก็เคยโดนมาแล้ว มีบางครั้งที่หยางเสียเห็นเพื่อนหลายคนอยากจะยื่นมือเข้าช่วย แต่ดูเหมือนทุกคนทำได้แค่อยาก ไม่มีใครอยากเดือดร้อนเพราะบิดาของเฉิงซีกังเป็นเจ้าของโรงรับจำนำรายใหญ่ แถมยังมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับท่านเจ้าเมืองอีก หลีกเลี่ยงการมีเรื่องกับลูกคนใหญ่คนโตเป็นข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นของการเรียนที่สำนักศึกษาแห่งนี้ เพราะค่าเล่าเรียนนั้นไม่ใช่น้อย

Book Comment (8)

  • avatar
    วุ่นวายสับสน

    น่าติดตาม

    16/01

      0
  • avatar
    Ram Page

    สนุกมากๆเลยครับ

    17/12

      0
  • avatar
    สกุล'ล เงิน'น

    อ่านสนุกมาก

    01/12

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters