logo
logo-text

Download this book within the app

2

“แม่! แม่จ๋า!”
เด็กน้อยตะโกนสุดเสียง สะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ ภาพฝันชัดเจนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน ไม่รู้คืนวันผ่านมานานเท่าไร นับแต่วันที่ซัดเซพเนจรข้ามเมืองน้อยใหญ่จนมาถึงเหลิงอาน เมืองหลวงแคว้นต้าฉาง ความเป็นเด็กทำให้ผู้ใหญ่หลายคนเอ็นดูให้ติดสอยห้อยตาม ทั้งเดินเท้า นั่งรถม้า หรือแม้กระทั่งล่องเรือมาตามลำน้ำสายหลักของแคว้น สิ่งที่เด็กน้อยพอจะตอบแทนผู้มีพระคุณเหล่านั้นได้ ก็มีเพียงออกแรงช่วยงานเล็กน้อยเท่าที่เด็กสามารถทำได้เท่านั้นเอง
เด็กน้อยมาถึงเหลิงอานได้สามวันแล้ว และจำต้องแยกจากผู้ใหญ่ใจบุญที่ยอมให้ร่วมทางมา ด้วยภาระหนักจากการทำมาหากินเลี้ยงตัวไม่เอื้ออำนวยให้จุนเจือใครได้อีก เด็กน้อยจึงต้องช่วยตัวเองอีกครั้ง
อาเสีย...แสงอรุโณทัยของแม่ ผู้เป็นมารดาเรียกหนูน้อยแบบนี้
เมื่อหิวหนักก็ไปขอข้าวที่วัดกิน หรือไม่ก็ขอจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาด บางครั้งก็ได้ บางครั้งก็ไม่ได้ บ่อยครั้งที่นางขอใช้แรงงานแลกอาหารมา แต่ไม่เคยคิดจะลักขโมยเลยสักครั้ง
แต่เด็กขอทานมีมากนักในเมืองหลวง ความต้องการอาหารมีมากกว่าคนที่จะจุนเจือ การแก่งแย่งและช่วงชิงกันเท่านั้นคือหนทางประทังชีวิต คนอ่อนแอเป็นคนที่ต้องทนหิวไปอีกมื้อ เมื่อคืนวานอาเสียก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
พระอาทิตย์ยังไม่พ้นขอบฟ้า บรรยากาศรอบตัวขมุกขมัวด้วยไอหมอก เด็กหญิงกอดกระชับผ้ากระสอบเก่าขาดวิ่นที่หามาได้จากกองขยะให้กระชับกับร่างกายเพื่อกันความหนาวเย็น ได้เวลาจะต้องไปจากที่นี่แล้ว เพราะอีกไม่นานจุดที่ใช้นอนเป็น ‘บ้าน’ มาตลอดคืนจะกลายเป็นแผงขายผักเพื่อเลี้ยงปากท้องเจ้าของสถานที่แท้จริง
เด็กหญิงกุมท้องด้วยความหิว รู้สึกถึงการบีบตัวของกระเพาะ ตามตรอกยังเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมอันแสนโหดร้ายอีกหลายคน บ้างโดดเดี่ยว...บ้างมีพวกมีพ้อง เด็กน้อยย่ำเท้าไปตามถนน จุดหมายปลายทางคือวัดใหญ่กลางเมือง หวังว่าเช้านี้คงจะได้อาหารสักนิดก็ยังดี
แม้ฟ้าเพิ่งสาง แต่ประตูหน้าวัดก็แน่นขนัดไปด้วยขอทานทั้งชายหญิง เด็กและผู้ใหญ่ ความหิวโหยชักพาให้ทุกคนมารวมตัวกัน เมื่อประตูวัดเปิดออก ทุกคนต่างเบียดเสียดเพื่อแย่งกันเข้าไปโดยไม่สนว่าคนที่ถูกผลักจนล้มลงไปนั้นจะเป็นเด็กหรือคนแก่
อาเสียถอดใจ เดินถอยออกมาจากหน้าวัด เด็กหญิงตัวเล็กและผอมอย่างคนขาดอาหารไม่ควรเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง ในตลาดน่าจะมีหนทางจะหาอะไรใส่ท้องได้บ้าง เด็กน้อยตัดสินใจถอยหลังหันกลับไปทางเดิม
ตลาดยามพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน เด็กหญิงแวะเข้าไปถามตามแผงค้าขายต่าง ๆ
“ขายแรงแลกอาหาร...ขายแรงแลกอาหารเจ้าค่ะ” ปากน้อยๆ พร่ำวนซ้ำไปซ้ำมาขอความเห็นใจจากผู้ใหญ่ใจบุญ
เดินเกือบรอบตลาดกว่าจะได้หมั่นโถวมาหนึ่งลูก เด็กหญิงห่อมันใส่ชายเสื้อกุมไว้แน่น ตั้งใจหาที่หลบไปนั่งกิน แต่พอก้าวขาเดินเข้าไปในตรอก อาหารที่เพิ่งได้มาก็หลุดลอยเพราะเด็กชายตัวโตผลักอาเสียจนร่างผอมเล็กกระเด็น หมั่นโถวลูกน้อยกลิ้งหลุนๆ ไปตามพื้น
มือใหญ่คว้าไปถือไว้ “ของข้า”
“ไม่ใช่!” อาเสียเถียง ทว่าอีกคนไม่สนใจ ฟันซี่โตนั้นกัดลงบนอาหารที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานของนาง มันกินไปอย่างหิวโหย แม้อาเสียตัวเล็กกว่าแต่แรงฮึดสู้นั้นมี เด็กหญิงเอาหัวพุ่งเข้ากลางลำตัวเด็กอ้วน หมั่นโถวลูกสีนวลเป็นอิสระอีกครั้ง คนตัวเล็กกว่ารีบคว้าเข้ามากัดได้เพียงหนึ่งคำก็ถูกกระชากแขน พลันรู้สึกเจ็บจนชาที่หน้า นางถูกฝ่ามือใหญ่ตบเข้าเต็มแรง อาเสียร้องโอยแต่ก็ยังสู้ยิบตา
สุดท้ายเด็กน้อยแพ้หลุดลุ่ย สูญทั้งหมั่นโถวแถมยังถูกกำปั้นรัวทุบจนน่วมไปทั้งตัว เด็กหญิงน้ำตาไหลพรากคลานออกมาจากตรอกเล็กข้างทาง มีบางคนที่หันมามอง...แต่ก็แค่นั้น การชกต่อยเพื่อแย่งอาหารกันเป็นเรื่องที่เห็นจนชินตาของเด็กเร่ร่อนข้างถนน อาเสียปล่อยโฮ
...เมืองหลวงไม่เห็นน่าอยู่อย่างที่คิด
ขณะเดียวกันนั้น หยางเอ๋อร์เพิ่งกลับจากไปทำบุญที่วัด เป็นเวลาอย่างน้อยสามวันในหนึ่งอาทิตย์ที่หญิงสาวจะทำอย่างนี้ เงินที่ได้จากหยาดเหงื่อแบ่งไปทำบุญ นางอธิษฐานจิตทุกวันทุกคืนให้ชีวิตในภพหน้าไม่เป็นดังเช่นทุกวันนี้ นางออกจากที่พำนักก็เฉพาะยามเช้า ที่อาณาจักรของหยางเอ๋อร์ นางมีชื่อเสียงเลื่องลือและเป็นที่หมายปอง ทว่าเมื่อออกมาสู่โลกภายนอกสิ่งที่ได้รับมีเพียงสายตาดูแคลนหยามเหยียด
พ้นตรอกถัดไปก็จะถึงที่พำนักของนางแล้ว แต่หยางเอ๋อร์สะดุดหูกับเสียงร้องไห้และไม่อาจตัดใจทำเมินเฉยได้ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปจนเกือบสุดตรอก และได้พบเด็กคนหนึ่งซุกตัวอยู่ข้างเข่งใส่เศษผัก นางค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ตัวเด็กคนนั้น
ใบหน้าเล็กที่บวมปูดนั้นเงยขึ้น ผมเผ้ากระเซิง ตาคู่เล็กจ้องมองมาอย่างหวาดหวั่น ร่างบางกระจ้อยเริ่มสั่นเทาด้วยความกลัว หยางเอ๋อร์ทรุดตัวลงนั่งข้างๆ มือเรียวขาวจนเกือบซีดนั้นยื่นออกไปหมายจะสัมผัสตัวของเด็กน้อย
อาเสียเขยิบตัวถอยหนีด้วยความระแวง กว่าจะพาร่างกายบอบช้ำหลบเข้ามาในตรอกได้ช่างยากเย็น
“หิวไหม” เสียงอ่อนหวานถามขึ้น เด็กหญิงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นมอง ดวงหน้าที่อยู่ใกล้
น้ำเสียงอ่อนโยนนัก ท่าทางเป็นคนใจดี
“หิวสิ...” เด็กน้อยตอบคำถามนั้นอย่างแผ่วเบาพร้อมยื่นมือผอมแห้งออกไปรอรับอาหารด้วยความหวัง
“ไปกับข้า” นางชวน อย่างน้อยก็ควรจะทำแผลและมอบอาหารให้เด็กคนนี้ก่อน
มือเล็กที่ยื่นมารอนั้นหดกลับทันควันพร้อมตอบเสียงห้วน “ไม่!”
หยางเอ๋อร์จึงถามขึ้น “ทำไม กลัวพาไปขายหรือไร”
เด็กน้อยพยักหน้ารับตามซื่อ ก้มหน้ามองพื้นดิน มิรู้อย่างไรหยางเอ๋อร์จึงเกิดความรู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยยิ่งนัก อาจจะเป็นเพราะความเด็ดเดี่ยวไม่เชื่อคนง่ายนักกระมัง
“ไม่ขายหรอก จะให้กินข้าว นี่เจ้าเป็นหญิงหรือชายล่ะ” หญิงสาวถามเนื่องจากสภาพที่เห็นนั้นแยกเพศได้ยาก แต่พอเดาอายุได้น่าจะราวสิบปี
“ผู้หญิง...”
คำตอบทำให้หยางเอ๋อร์รู้สึกพอใจ นางเชยคางเล็กๆ ขึ้นพิศ อาบน้ำอาบท่าเสียหน่อยก็จะน่ามอง หญิงสาวลุกขึ้นพร้อมยื่นมือให้ เด็กหญิงครุ่นคิดอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนยื่นมือเล็กผอมที่เขรอะไปด้วยฝุ่นผงให้จับ
“กลับบ้านกัน” หญิงสาวบอก แต่อาเสียกลับนิ่งไม่ก้าวขาเดิน หยางเอ๋อร์ถึงชักชวนอีกครั้ง “ไม่อยากกินข้าวแล้วหรือ”
ความหิวทำให้เด็กน้อยพยักหน้า นางยินยอมเดินตามผู้หญิงหน้าตาสะสวยพร้อมทั้งใจดีไป
เมื่อถึงประตูข้างสำนักนางโลมฮวาหง หยางเอ๋อร์พาเด็กหญิงจากท้ายตรอกเดินลัดเลาะผ่านสวนไปยังบ้านพักหลังเล็กด้านหลังหอ ในสวนมีหญิงสาวมากหน้าหลายตาออกมานั่งกินมื้อเช้าและพูดคุยกันที่โต๊ะหิน ทุกคนต่างสนใจมองดาวเด่นของหอจูงเด็กตัวผอมกะหร่องในเสื้อผ้าขะมุกขะมอมเดินผ่านไป
“พาเด็กที่ไหนมา” หญิงร่างอวบอิ่มที่สวมชุดสีฉูดฉาดถามขึ้น อาเสียหันไปตามเสียง
“เด็กใหม่หรือ...ขี้ริ้ว” อีกคนถามและสรุปอย่างไม่รอคำตอบ
“ผู้ชาย...” หญิงสาวคนที่จับมือแน่นบอกออกไป อาเสียไม่พูดอะไร ปล่อยให้นางจูงเข้าไปในบ้านหลังเล็ก
“ผู้หญิงนะ ไม่ใช่ผู้ชายเสียหน่อย” อาเสียที่ทนเงียบมาตลอดทางแย้งขึ้น
“รู้...แต่ถ้าอยากอยู่กับข้าต้องเป็นผู้ชาย”
เด็กหญิงทำหน้างวยงง “ยังไม่ได้บอกว่าจะอยู่...แค่มากินข้าว” ขาคู่เล็กก้าวถอยหลัง
“อืม...กินข้าว” หยางเอ๋อร์เว้นจังหวะ คิดว่าไม่ควรเร่งรัดเด็กน้อยจนเกินไป “กินข้าว...ทำแผลก่อน แล้วคุยกัน” หญิงสาวดวงหน้าสวยแถมยังน้ำใจงามฉุดแขนน้อยให้กลับมายืนกลางห้อง ก่อนเดินย้อนกลับออกประตูบ้านไป สักพักนางกลับเข้ามาพร้อมอาหารพูนถ้วย อาเสียรีบรับมาเมื่อนางยื่นให้ก่อนชะงักด้วยนึกได้ว่าต้องพยายามรักษาอาการ
ต้องค่อยๆ กินช้าๆ อย่างระมัดระวัง ต้องทำตัวดีๆ น่าเอ็นดู ผู้ใหญ่ไม่ชอบเด็กกิริยาไม่งาม...แม่เคยสอนไว้
เมื่อกินเสร็จ หยางเอ๋อร์ก็ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดตามใบหน้าอาเสียอย่างเบามือ เด็กน้อยครางด้วยความเจ็บ แผลกำลังระบม
“เดี๋ยวจะต้มยามาให้กิน แต่ต้องไปอาบน้ำก่อน...เหม็น” หญิงสาวย่นจมูก
อาเสียพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
“เจ้ามีชื่อหรือไม่” หยางเอ๋อร์ถามขึ้นหลังจัดการเช็ดฝุ่นไคลออกจากใบหน้าน้อยๆ จนเหลือแต่รอยฟกช้ำที่เห็นได้ชัดเจน...แผลคงไม่ได้มีแค่ที่หน้า หญิงสาวคิด
“แม่เรียกข้าว่าอาเสีย...เสียที่แปลว่าแสงยามรุ่งเช้า” นางบอกด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ อย่างน้อยชื่อก็เป็นสิ่งยืนยันว่ามีตัวตน ไม่ได้อยู่อย่างไร้ที่มา
“ข้าหยางเอ๋อร์...หยางที่แปลว่าพระอาทิตย์” แวบหนึ่งดวงหน้างดงามฉายแววเศร้าสร้อย
พระอาทิตย์ควรจะสดใสไม่ใช่หรือ แต่ทำไมน้ำเสียงและสีหน้านางถึงได้เศร้านัก อาเสียคิดในใจ
“เจ้าอยากจะอยู่กับข้าไหมแม่หนูน้อย” หลังจากพิศดูอยู่นาน หยางเอ๋อร์ก็เอ่ยปากตามความตั้งใจแต่แรกที่พาเด็กน้อยกลับมาบ้านด้วย “อยู่นี่...กับข้า หรือกลับไปที่เดิมของเจ้า” น้ำเสียงเจือความปรานีล้น
อาเสียมองชามข้าวที่บัดนี้มีแต่ความว่างเปล่า มือน้อยลูบท้องซึ่งอัดแน่นไปด้วยอาหาร ก่อนเงยหน้ามองหญิงสาวผู้อารีอีกครั้ง ข้างนอกอด อยู่ที่นี่อิ่ม แต่...ไว้ใจได้หรือ
นางเป็นเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีใครเคยสนใจไยดี จู่ๆ มีคนเมตตาอยากจะ ชุบเลี้ยง นางรู้สึกดีใจมาก การได้อยู่เป็นหลักแหล่งหมายถึงความปลอดภัยในชีวิต ไม่ต้องแย่งที่ซุกหัวนอนกับใคร ทว่าเรื่องราวที่เคยได้ยินมา มีเด็กกำพร้าหลายคนถูกผู้ใหญ่พาไปจากข้างถนนแต่ชีวิตพวกเขากลับประสบเรื่องเลวร้ายยิ่งกว่าการเป็นเด็กเร่ร่อนตัวคนเดียว
หญิงสาวอ่านแววตาเด็กน้อยออก แววตาที่ไม่ต่างจากนางนักเมื่อนานมาแล้ว

Book Comment (8)

  • avatar
    วุ่นวายสับสน

    น่าติดตาม

    16/01

      0
  • avatar
    Ram Page

    สนุกมากๆเลยครับ

    17/12

      0
  • avatar
    สกุล'ล เงิน'น

    อ่านสนุกมาก

    01/12

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters