หมดเวลาทำงานวันแรกของพนักงานใหม่อย่างตาหวาน หลายคนทยอยกลับบ้านและยังเหลือบางส่วนที่ยังทำงานหน้าหมุ้ยกันตามยถากรรมในยามที่เคลียร์งานยังเสร็จ แต่ปัญหานี้กลับไม่ใช่สำหรับตาหวานผู้จัดสรรเวลาตัวเองได้เป็นอย่างดี"จะกลับแล้วเหรอครับน้องตา" คนสนิทของประธานชนินธรเดินออกมาจากห้องทำงานของฝ่ายบริหารก็เลี้ยวตัวเข้าหาเลขาคนใหม่ของเจ้านาย"กลับแล้วค่ะพี่เจษ" ยิ้มตอบด้วยท่าทีผ่อนคลายเมื่อหมดเวลาทำงานในช่วง 5 โมงเย็นแล้วยังมีเวลาเหลือพอทำจ๊อบระยะสั้นๆ อย่างอื่นได้อีก"แล้วกลับยังไงเหรอ""รถเมล์ค่ะ ง่ายๆประหยัดด้วย" ตอบด้วยรอยยิ้มด้วยความดีกับการเริ่มงานวันแรกและได้รับการต้อนรับจากพนักงานของบริษัท"น้องตาคนรุ่นใหม่นะครับ ลดภาวะโลกร้อนให้สังคมด้วย" เจษเข้าใจแบบนั้นที่จริงตาหวานต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งที่จริงมีรถแบรนด์ญี่ปุ่น 1 คันที่ดาวน์ไว้ด้วยน้ำพักน้ำแรงไว้ใช้อำนวยความสะดวกในยามเดินทางไกล“กลับแล้วนะคะ”“กลับบ้านดีๆนะครับน้องตา” เป็นคำอวยพรให้อีกฝ่ายกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับมีจุดหมายปลายทางไปที่อื่น เมื่อตาหวานเดินพ้นผ่านตึกทำงานชนินธรก็เปิดประตูออกมาเพราะมีจุดประสงค์จะชวนกลับด้วยกัน"เจษ”“ครับบอส”“เลขากูไปไหน" ส่องสายตามองหาเลขาหน้าห้องที่หายไปในเวลาไม่กี่นานทีหลังเลิกงาน"กลับบ้านแล้วครับ"ชนินธรหมุนตัวกลับเข้าห้องกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกไปยังระเบียงห้องทำงาน ทว่าดวงตาคมเห็นตาหวานนั่งรออยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่อยู่ห่างออกไปไม่มากก็รีบเดินลงบันไดออกไปหน้าบริษัทไม่กี่ก้าวก็ถึงที่นั่งรอรถ แต่มันก็ไม่ทันตาหวานขึ้นแล้วรถเคลื่อนตัวออกไป ใบสมัครกรอกระบุว่าตาหวานมีรถยนต์ ทำไมต้องนั่งรถเมล์ ได้แต่สงสัยมันคงเป็นเรื่องส่วนตัวของตาหวาน“ไวซิบ” ยืนเท้าสะเอวมองรถเมล์คันเก่าขับเคลื่อนออกไปรุ่งเช้าวันถัดไป"หาวแต่เช้าเลย" ตาหวานเดินเข้าออฟฟิศด้วยใบหน้าไม่สดชื่นคล้ายคนนอนไม่เต็มอิ่มเดินมาพร้อมกับเจษในเวลา 07.45 นาทีเพื่อแสกนนิ้วเข้าทำงานเหมือนเช่นปกติ"พี่เจษ มาเช้าจังนะคะ" คนตัวเล็กที่มีรอบดวงตาคล้ำโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเอื่อยไร้แรงกระฉับกระเฉง เจษคือบุคคลเดียวที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องแสกนนิ้วหรือตรอกบัตรลงเวลาเข้างานเพราะว่าเป็นทุกอย่างให้ชนินธร ฉะนั้นการเข้าออกงานตามใจตัวเองอาจจะเป็นขี้ปากคน เจษเลยเข้าออกงานเหมือนพนักงานท่านอื่นยกเว้นบางวันที่ต้องขับรถให้เจ้านายหรือไปธุระด้านนอกก็เท่านั้น"วันนี้พี่ต้องรีบมาเตรียมเอกสารให้บอส""เอกสาร" ค่อนข้างงงในเมื่อตัวเองก็เป็นเลขาของชนินธรมีเอกสารส่วนไหนที่ตาหวานไม่รู้หรือไม่ได้ทำ ทั้งยังกลัวตัวเองจะเลือนเล่อเผลอทำงานไม่เรียบร้อย"อีก 1 อาทิตย์บอสต้องไปภูเก็ต" ไม่รู้เลยว่าชนินธรต้องไปภูเก็ต ตาหวานพยักหน้าแล้วเดินขึ้นชั้นบนเตรียมตัวทำงาน ถือเป็นเรื่องที่ดีจะต้องไม่เห็นหน้าผู้ชายเฮงซวย แม้จะยังไม่รู้สึกอึดอัดเท่าไหร่แต่หากเจ้านายหนุ่มไม่อยู่ในวงโคจรของดวงตาก็คงทำงานสบายใจมากขึ้นตาหวานอ้าปากหาวแล้วหาวอีกด้วยความง่วง โด๊บกาแฟเพื่อให้ตัวเองสดชื่นไปแล้ว 3 แก้ว ทว่าก็ยังไม่หายง่วงสักที อาการง่วงง่าวหาวนอนอยู่ในสายตาของประธานหนุ่มผ่านกล้องวงจรปิด"เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ" เปิดประตูออกมาเมื่อสังเกตเลขาอยู่เป็นเวลานานและเมื่อออกมาก็เห็นตาหวานอ้าปากหาวเบิกกว้างอยู่อย่างนั้น เมื่อเจ้านานโผล่หัวออกก็ต้องทำตัวให้เป็นปกติเพราะไม่อยากโดนตำหนิกับอาการที่เป็นอยู่“งานใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ”“ถามว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ” แค่นเสียงถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงคล้ายดุแต่ก็ไม่เชิง"นอนดึกไปหน่อย" ก้มหน้าก้มตาพิมพ์เอกสารวาระการประชุมสรุปผลต่างๆ เพื่อยื่นให้บอร์ดผู้บริหาร โดยสายตายังคงจดจ้องมองร่างแน่งน้อยอยู่อย่างนั้นเป็นเวลาหลายนาที"...."เป็นแบบนี้อยู่นานหลายวัน ตาหวานมาทำงานด้วยอาการง่วง แม้มันจะไม่กระทบกับการทำงานเธอสามารถทำในสิ่งที่รับมอบหมายเป็นอย่างดี แต่อีกคนเริ่มสงสัยว่าเลขาหน้าห้องที่มีตำแหน่งเป็นอดีตแฟนเก่าไปทำอะไรมาลักษณะเหมือนคนอดหลับอดนอนแล้วก็เป็นแบบนี้มาหลายวัน ขอบตาเริ่มคล้ำดูผอมลงเล็กน้อยกว่าวันแรกที่เข้ามาทำงาน เป็นอีกวันที่ตาหวานอยู่ในสายตาของชนินธร โดยอีกฝ่ายไม่เป็นอันทำการทำงานเพราะจดจ่ออยู่กับอีกคนก๊อกๆๆ“….” หันมองไปยังประตู ชนินธรยังอยู่ที่บริษัทช่วง 6 โมงเย็น“ได้เรื่องแล้วครับบอส” เจษยิ้มแฉ่งมาแต่ไกลพร้อมไอแพดเครื่องใหญ่ส่งให้เจ้านายที่กำลังยืนดูดบุหรี่นอกระเบียงด้วยท่าทีเรียบนิ่ง“มือกูไม่ว่าง” หมายถึงมือที่ไม่ว่างหนึ่งข้างคีบบุหรี่หนึ่งข้างล้วงกระเป๋ากางเกง แปลว่าลูกน้องอย่างเจษต้องเป็นคนเปิดในสิ่งที่ชนินธรให้ไปสืบมา“บอสดูนะครับ” จอไอแพดขนาดใหญ่แสกนหน้าเป็นการปลดล็อคแล้วหันไปให้อีกฝ่ายเปิดรูปให้เจ้านายหนุ่มดูหลังจากส่งคนไปตามดูเมื่อวานนี้และได้เรื่องมาอย่างที่เจษว่าถือว่ามันทำงานตามคำสั่งได้ดี“มันอยู่ตรงไหนว่ะ” พ่นควันขาวรดใบหน้าเจษ บุคคลที่ไม่ดูดบุหรี่สำลักควันตัวโยกไอแพดแทบหลุดมือแค่กๆ!!“บอส พ่นออกมาได้” ต่อว่าเจ้านายเพราะเขากำลังโดนชนินธรโดนแกล้งทั้งยังเป่าควันรอบที่สองใส่หน้าเขาอีกครั้ง แค่กๆ!! เจษใช้มือปัดควันออกอีกรอบเพื่อให้กลิ่นของสารนิโครตินลอยออกไปจากบริเวณนี้“ผมไม่บอกแล้วนะบอส หายใจไม่ออก”“มึงขู่กูเหรอ”“ใครจะไปกล้าขู่บอส ที่นี่อยู่แถวพระราม 9 ห่างจากบริษัท 15 กิโล” บอสหนุ่มขมวดคิ้วที่ได้ยิน“อยู่แถวร้านไอ้ธาร ทำไมกูไม่เคยเห็น” ครุ่นคิดสักพักก่อนจะใช้คนสนิทกลับไปเอาของที่บ้านมาให้ ชนินธรไม่อยากย้อนไปย้อนมาสู้นั่งรอและทำงานไปพลางๆดีกว่า19.15 นาที"อ่าวมาไวจังพี่ตา""วันนี้รถไม่ติด" ตาหวานรับจ๊อบเป็นพนักงานเสิร์ฟในผับแห่งหนึ่งหลังจากพอมีเวลาว่างมาสมัคร เพราะที่นี่จ่ายเงินเป็นรายวันอีกทั้งเป็นเพียงพนักงานพาร์ทไทม์เท่านั้น ค่าแรงวันละ 300 บาท ไม่รวมติปจากลูกค้าได้วันละ 500-1,000 ถือเป็นเงินค่อนข้างมากทีเดียวและทำเฉพาะช่วง 20.00-02.00 เลยเป็นสาเหตุของการพักผ่อนไม่เพียงพอการมาถึงที่ทำงานก่อนเวลา ทำให้ตาหวานใช้นาทีที่เหลือนั่งพักสายตาหลับพักผ่อนโดยตั้งปลุกนาฬิกาตื่นก่อน 10 นาที ในช่วงไร้เวลาการพักผ่อนต้องสะสมชั่วโมงแห่งการหลับให้มากที่สุดเพราะอาชีพหลักยังไงก็ต้องเป็นเลขาให้อดีตแฟนเก่าอย่างชนินธร"ทำงานๆ ตาหวาน" ตบหน้าตัวเองหน้ากระจกห้องน้ำหญิง ชโลมล้างหน้าเพื่อให้ตื่นตัวและออกไปปฏิบัติหน้าที่ วันนี้คือวันศุกร์สุดสัปดาห์ แน่นอนว่าเหล่าบรรดานักดื่มทยอยมาใช้บริการสังสรรค์ฟังเพลงและนั่งสนทนากันมากกว่าวันปกติ ถือเป็นเรื่องดีแขกเยอะยิ่งได้ติปเยอะ คิดมาแล้วก็ดีใจอยู่มากไม่มีเวลาพักผ่อนแต่มีรายได้มากขึ้นก็ถือว่าคุ้มกับการอดหลับอดนอน“ตา เอามิกเซอร์ไปเสิร์ฟลูกค้าโต๊ะ 42 แล้วนี่น้ำแข็งโต๊ะ 40” เสียงชายหนุ่มที่ทำงานในแผนกเครื่องดื่มส่งให้ตาหวานนำไปเสิร์ฟ“ค่ะพี่ป๋อง มิกเซอร์โต๊ะ 42 น้ำแข็งโต๊ะ 40” ทวนตัวเองจะได้ไม่ลืม หากเสิร์ฟผิดโต๊ะแล้วเผลอไปเปิดแปลว่าต้องเป็นคนจ่ายเงินเอง รีบเข้ามารับเครื่องดื่มออกไปเสิร์ฟลูกค้าวันนี้ค่อนข้างหัวหมุนวิ่งไปวิ่งมาตาแทบลาย แม้จะเหนื่อยอยู่มากก็ต้องอดทนเพราะคำๆเดียวคือเงิน“มิกเซอร์ได้แล้วค่ะ” วางลงพร้อมเปิดฝาโซดาและน้ำเปล่า ลูกค้าท่านนี้ถือเหล้ามาเองเป็นยี่ห้อที่ตาหวานไม่คุ้นและไม่รู้จักด้วยซ้ำแต่ดูแล้วคงแพงน่าดู“ชงเลยไหมคะ” มองชายหนุ่มที่มานั่งดื่มคนเดียว ในขณะที่บรรยากาศมืดๆตามสไตล์ของผับ ลูกค้าท่านนี้กลับใส่หมวกแก๊บสวมแว่นตาดำ“อืม เข้มๆ”“ค่ะ” เทเหล้าโซดาผสมน้ำนิดหน่อย ตาหวานทำมันค่อนข้างคล่องอาจเป็นเพราะเธอทำมาหลายคืนเลยเริ่มชิน จากนั้นก็ปลีกตัวออกไปดูแลลูกค้าท่านอื่น แน่นอนว่าเด็กเสิร์ฟหน้าตาดีอย่างตาหวานมักเป็นที่แทะโลมจากบรรดาแขกหัวงู เวลาส่งแก้วเหล้ามือนิ่มๆก็มักโดนแขกจับมืออยู่บ่อยครั้ง หนักหน่อยก็จับสะโพกหรือแกล้งๆสัมผัสก้น ทว่าอีกฝ่ายก็ต้องอดทนและทำเป็นเพิกเฉย การทำงานแบบนี้ยังไงมันก็ต้องมี โดยไม่รู้ว่าทุกอริยบทที่ถูกกระทำอยู่ในสายตาแขกคนเมื่อสักครู่“น้อง” แขกอีกโต๊ะเรียกตาหวานไปบริการ คราวนี้เป็นหนุ่มรุ่นใหญ่หุ่นท้วมๆ มีพุงไทป์เสี่ยหื่นกามไม่มีผิด“รับอะไรเพิ่มไหมคะ” กล่าวถามตามหน้าที่ ทว่าถูกดึงมือขยับเข้าใกล้ แม้อยากจะดึงกลับก็ไม่กล้าทำต้องฝืนขยับรอฟังในสิ่งที่แขกต้องการว่าต้องการสั่งหรือใช้งานอะไร“เพื่อนเสี่ยสนใจ”“….” เลิ้กคิ้วสงสัย“รับไหม” ตาหวานอึ้งกับคำถามที่ส่อว่าเธอขายตัวหรือเปล่า พยายามคิดในแง่ดีว่าคงไม่ใช่เรื่องอย่างว่า“รับอะไรคะ” ถามกลับย้ำให้แน่ชัดว่าคงจะเข้าใจอะไรผิด ทว่าอีกฝ่ายกลับหัวเราะเหมือนตาหวานเป็นตัวตลกและมองว่าเธอกำลังแกล้งอัพค่าตัวให้สูงขึ้นฮ่าๆๆๆ“ไม่เอาน่า เท่าไหร่”“….” มองลูกค้าด้วยสายตาไม่พอใจ ตาหวานกำลังถูกถามซื้อตัว“ปกติเสี่ยจ่ายครั้งละห้าพัน แต่สำหรับหนู..." ใช้สายตาหื่นกามมองร่างแน่งน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าเป็นการอ่านกิน ลิ้นหนาน่าเกลียดเลียรอบริมฝีปากออกอาการชัดว่าต้องการผู้หญิงตรงหน้า"....."
อ่านสนุกมากค่ะ
13d
0ดีมากก
11/08
0ดีมากก
08/08
0Xem tất cả