กาลก่อนนี้ เหตุแห่งการกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้มีเพียงเพื่อกราบคารวะสุสานฝังศพพระมารดาและเยี่ยมเยือนคนตำหนักแสงจันทร์ แต่เพื่อสานสัมพันธ์กับนางในดวงหทัย แม้ระยะทางห่างไกลแต่พระหฤทัยที่เปี่ยมไปด้วยไฟเสน่หาแห่งหญิงงาม ทำให้ทรงดั้นด้นกลับเข้าวังหลวง หมั่นส่งถ้อยคำรักและข่าวคราวหาสวี่ชิงหลิงด้วยหมายใจจะปลูกต้นรักให้เบ่งบาน...ทว่าพระองค์ยังไม่ทรงได้เด็ดดอม ดอกไม้งามที่เฝ้าถนอมถูกคว้าไปข่าวจากเมืองหลวงประกาศทั่วแผ่นดินพระเชษฐาเทียนหลงทรงมีใจปฏิพัทธ์หมายมั่นจะเสกสมรสนางเป็นชายารักทางไกล...จบโดยไม่ทันได้เอ่ยคำลากลางท้องพระโรง นางระบำชุดใหม่กำลังเริ่มการร่ายรำ องค์ชายฝานจิ้งทรงยืนตรง ถวายบังคมอย่างนอบน้อม ก่อนเสด็จออกจากท้องพระโรงอันโอ่อ่า...หน้าที่จบสิ้นแล้วเมื่อผู้เป็นนายขยับ องครักษ์คู่พระทัยทั้งสองก็ขยับตาม เห็นพ้องต้องกันที่จะออกไปเที่ยวชมเมืองเหลิงอานในยามค่ำคืน องค์ชายฝานจิ้งทรงเปลี่ยนฉลองพระองค์เป็นทางการมาอยู่ในชุดทรงธรรมดาที่สุด หากยังคงพื้นสีเดิม...สีแห่งรัตติกาล ในสายพระเนตร...เหลิงอานไม่เคยหลับใหล แลผาดเผินบุคคลทั้งสามคล้ายมาจากต่างเมือง คนที่ดำรงพระยศสูงไม่ได้ดำเนินนำหน้า แต่เดินเคียงกันไปเยี่ยงสหาย ทั้งสามซอกซอนเข้าตรอกเล็กตรอกน้อย มิได้ยลโฉมเหลิงอานเพียงถนนสายหลัก อยากจะรู้ชีวิตความเป็นอยู่ราษฎร ต้องไม่มองแต่เพียงด้านที่ฉาบด้วยแสงสวยงามกระทั่งมาหยุดที่หน้าหอคณิกาฮวาหง เสียงฉินลอยล่องลม “จะเข้าไปหรือไม่อี้หวิน...” เหอเซียวไห่ถามทีเล่นทีจริง รู้ว่าคำตอบที่จะได้รับนั้นคืออะไร เขาแค่อยากเย้าแหย่เพื่อนรุ่นพี่เท่านั้น ดังคาด อู๋อี้หวิน ชูหมัดหมายความให้อีกคนหุบปาก “อยากเข้าก็เข้า วันนี้ปล่อยอิสระ” องค์ชายฝานจิ้งรับสั่ง รู้นิสัยเจ้าชู้ขององครักษ์หนุ่มดี พี่ชายคนไหนมีน้องหญิงต้องระวังไม่ให้เขาผู้นี้เข้าใกล้องครักษ์หนุ่มรูปงามทำทียึกยัก ก่อนแล่นตามคำเชิญชวนที่แสนเย้ายวนของสาวงามบาดใจนางหนึ่งเข้าไปข้างใน อู๋อี้หวินส่ายหน้าเอือมระอา “สักวันจะตายเพราะผู้หญิง!”องค์ชายฝานจิ้งทรงแย้มพระโอษฐ์กว้างขวาง “เห็นจะจริงดังว่า บุรุษมักพ่ายแพ้ต่อความงามของสตรี” สายพระเนตรทอดไปยังชั้นสองของหอคณิกา แว่วเสียงฉินยังเคล้าคลอตามสายลมบรรยากาศยามค่ำคืนของวันขึ้นปีใหม่นั้นเย็นสบาย ลมหนาวพัดกลิ่นดอกไม้โชยหอมจางๆ หยางเสียนั่งดีดฉินอยู่ที่ระเบียงชั้นสองของหอคณิกาฮวาหง เสียงระเบิดดังกึกก้องทำให้ตกใจและละความสนใจจากเครื่องดนตรีคู่กายชั่วขณะ หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องนภาที่สว่างไสวด้วยดอกไม้ไฟดวงโต แสงสีเขียวสลับแดงสุกสว่างเรืองรองงามตา ก่อนดับวูบลงหมุนเวียนเปลี่ยนให้ดอกไม้ไฟดวงอื่นได้อวดความสวยงามของมัน ที่ลานกว้างหน้าประตูเมืองคงกำลังเริ่มประกวดพลุและดอกไม้ไฟกันแล้วน่าเสียดาย...นางต้องนั่งติดอยู่ที่นี่ หยางเสียถอนใจยาว ก่อนลดสายตามองลงไปยังบริเวณถนนด้านล่างและได้สบเข้ากับสายตาคู่หนึ่งที่แหงนหน้ามองขึ้นมาพอดีแขกของหอฮวาหงสินะ...หยางเสียเบ้ปาก หันกลับมาสนใจงานในความรับผิดชอบต่อ ค่ำนี้หญิงสาวรู้สึกอารมณ์ไม่ดีนัก ช่างไม่สมกับเป็นวันขึ้นปีใหม่เลยจริงๆ เพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนบุกเข้าประชิดถึงตัว นางยังตกใจไม่หายที่เศรษฐีถังซึ่งเป็นแขกกระเป๋าหนักคนหนึ่งของหอตรงเข้ามาจับแก้มและตะปบช่วงอกนางเต็มมือก่อนพยายามกอดนางด้วยนางน่าจะนึกเอะใจกับท่าทางและสายตากะลิ้มกะเหลี่ยของคนผู้นั้น และระวังตัวมากกว่านี้สักหน่อย แต่เพราะมัวตั้งอกตั้งใจบรรเลงเพลงขับกล่อมให้ดีที่สุด เลยไม่ทันฉุกคิดว่ามีคนวิตถารทำตัวเป็นแมวคอยจ้องจะตะครุบราวกับนางเป็นหนูตัวเล็ก ก็รู้ทั้งรู้ว่านางเป็นชาย! โชคดีที่นางรัดหน้าอกไว้ด้วยผ้าอย่างแน่นหนา แถมยังเอาแผ่นกระดาษพับทบทาบลงไปที่อกอีกที สุดท้ายก็รัดด้วยผ้าอีกหลายชั้น แม้อึดอัดและรู้สึกร้อนจนหายใจไม่สะดวกปานใด...แต่ต้องทำ เอาให้มั่นใจว่าหากถูกใครจับอย่างไรก็คงไม่รู้ว่านางเป็นสตรีแต่เพราะความตกใจและสัญชาตญาณส่วนตัว เมื่อถูกล่วงละเมิดเนื้อตัวหยางเสียเลยซัดหมัดสวนไปหนึ่งที ตาแก่ถังเมาจัดได้ที่จนลืมเอาเรื่องนาง ทว่าจ้าวฮั่นหลางนั้นไม่ยอมให้เรื่องผ่านไปโดยง่าย เขารีบให้คนหิ้วปีกคนตาถั่วขึ้นเกี้ยวออกไปจากหอ และลงโทษนางที่ทำร้ายร่างกายแขกโดยการไล่นางออกมานั่งบรรเลงเพลงนอกระเบียงมานั่งเล่นฉินตรงนี้จะมีกี่คนได้ฟังกันเล่า เสียงฉินจะสู้เสียงพลุได้หรือไร หนาวก็หนาว...เตาไฟเล็กๆ ที่นำออกมาด้วยช่วยอะไรไม่ได้มากนัก นิ้วนางแข็งจนจะดีดสายฉินไม่ไหวอยู่แล้ว ทำไมจ้าวฮั่นหลางไม่เมาบ้างนะ นางจะได้เอาฉินฟาดหัวให้สักทีอู๋อี้หวินราชองครักษ์และรองแม่ทัพฝ่ายขวาประจำด่านเจิ้งถงหลับตาลงเพื่อตั้งใจฟังเสียงเพลงที่แว่วมาตามสายลม ความสามารถด้านดนตรีที่ได้รับการฝึกฝนตั้งแต่เยาว์วัยทำให้ชำนาญในเครื่องดนตรีหลายชนิด หนึ่งในเครื่องดนตรีที่เชี่ยวชาญที่สุดนั้นคือฉิน“ใจไม่นิ่ง เพลงรักแท้ๆ แต่ท่วงทำนองราวกับจะไปรบทัพจับศึก...”องค์ชายฝานจิ้งทรงแย้มพระสรวล ส่ายพระพักตร์ให้กับท่าทางไม่ได้ดั่งใจขององครักษ์คู่พระทัยที่มีสัมผัสด้านดนตรีดีเยี่ยม พระพักตร์คมแหงนขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่กำลังเล่นเพลงรักบนระเบียงหอนางโลม“ก็...เพลงรัก...ปลุกใจให้ไปรบอย่างไรเล่า”บ่ายจัด ในห้องทรงงานตำหนักไท่หนิงจิ้ง ราชอาคันตุกะที่ยังไม่เสด็จกลับแคว้นต่างแยกย้ายกันท่องเที่ยวชมความสวยงามและทัศนียภาพแปลกตาของเมืองเหลิงอาน จักรพรรดิเสินตี้จึงรับสั่งให้พระโอรสเข้าเฝ้า อันประกอบด้วยองค์รัชทายาทเทียนหลง องค์ชายฝานจิ้งและองค์ชายหนานลี้ นานแล้วที่ไม่ทรงเห็นหน้าพระโอรสทั้งสามอย่างพร้อมเพรียงกัน“เจ้าคิดอยากประจำการที่ทัพหลวงหรือไม่...” จักรพรรดิตรัสถามพระโอรสองค์รององค์ชายฝานจิ้งทรงสะดุดกับถ้อยรับสั่ง หางพระเนตรชำเลืองมองพระอนุชา ละม้ายพระหัตถ์ขององค์ชายสามที่ประคองถ้วยพระสุธารสชานั้น...กระตุก!เมื่อพระโอรสพระองค์รองยังนิ่ง จักรพรรดิชราจึงรับสั่งต่อ “ข้าอยากให้เจ้าอยู่ฝึกกำลังไพร่พลที่นี่”องค์ชายฝานจิ้งทรงนิ่งและไตร่ตรอง ก่อนตรัสถามพระบิดา “แล้วแม่ทัพหวู่อิ้งเล่าพ่ะย่ะค่ะ” พระองค์จะทรงอยู่ในฐานะใด ในเมื่อคนที่รั้งตำแหน่งสูงสุดแห่งทัพหลวงยังอยู่
น่าติดตาม
16/01
0สนุกมากๆเลยครับ
17/12
0อ่านสนุกมาก
01/12
0Xem tất cả