ร่างบางรีบก้าวยาว ไปยังรถบีเอ็ม ของขวัญสมัยเรียนที่พ่อซื้อให้ เธอเปิดประตูนั่งประจำที่คนขับ แล้วเคลื่อนมันออกจากรั้วบ้าน ราวครึ่งชั่วโมงถึงหน้าร้านกาแฟบรรยากาศอบอุ่น ด้านหน้าเป็นระเบียงไม้ค่อนข้างร่มรื่น เพราะมีไม้ใหญ่ขึ้นให้ร่มเงา เดินผ่านเข้ามาประตูร้านป็นกระจกรวมถึงหน้าต่าง ดวงตาเรียวสวยกวาดมองรอบๆ เพื่อหาเพื่อนเห็นโบกมือทักทาย นิลลยายิ้มกว้างเดินตรงไปหาทันที พอจวนถึงเท้าหยุดชะงักเมื่อเห็นพี่ชายเพื่อนอีกคน “สวัสดีค่ะ”เธอยกมือกระพุ่มไหว้นัทพล“สวัสดีครับ”นัทพลระบายยิ้มจ้องมองใบหน้าของเพื่อนน้องไม่วางตา“นั่งเลยยัยนิล นัดมามีอะไร”เธอนั่งตามคำเชิญเพื่อน รับรู้ถึงสายตาของชายหนุ่มผู้ร่วมวงมองมาบ่อยๆ “ดา ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วย”นิลลนาเริ่มเข้าเรื่อง“เรื่องอะไรเหรอ”ดาริกาแสดงสีหน้าอยากรู้ ร่วมถึงพี่ชายอีกคนนิลลนาลังเลเล็กน้อย แต่เธอจำต้องให้เพื่อนช่วยจริงๆ“คือ... แกจำได้ไหมว่าก่อนจบฉันเคยบอกแล้วว่าอยากทำอะไร”คนฟังพยักหน้า อดรำคาญไม่ได้ที่คนพูดไม่ยอมบอกให้หมดเสียที“แกมีอะไรก็เล่ามาเลยยัยนิล!”ดาริกาเร่ง“ฉันอยากไปเที่ยวประเทศซากวัย!”ดาริกาหยัดตัวตรงแล้วระบายลมหายใจ ในคำพูดอยากไปเที่ยวแล้วตามตัวมาเช่นนี้ แสดงว่าเพื่อนตัวแสบคงหาข้ออ้างอะไรเกี่ยวกับตัวเธอแน่นอน“แล้ว... มันเกี่ยวอะไรกับฉันเหรอนิล”คนถูกถามรีบกุมมือเพื่อนแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ดา ฉันบอกพ่อกับแม่ไปแล้วว่าแกจะไปด้วย”“อะไรนะ!”ดาริการ้องลั่น จนลูกค้าในร้านหันมองเป็นตาเดียวนัทพลแตะแขนน้องสาวยกนิ้วชู้แตะริมฝีปากตนเองเพื่อเตือนไม่ให้ส่งเสียง ดาริกาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นแผ่วเบา“แกกำลังคิดอะไรอะนิล แกก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน ที่นั้นมีดีตรงไหนมีแต่ทราย”“สวยจะตายดา ไปด้วยกันเถอะนะ”“โนเวย์ ไม่มีทางฉันไม่ไปเด็ดขาด มีแต่ดินแต่ทรายแถมเพิ่งเปิดประเทศจะมีพวกโจรหรือเปล่าก็ไม่รู้”คนพูดเบ้ปาก ลูบแขนตนเองขนลุกเกรียว“จะบ้าเหรอไงยัยดา ประเทศนั้นเขาเจริญแล้วนะ แกนี่เอาข่าวมาจากไหน”“ก็ฉันเห็นข่าวในหนังสืออะ เห็นว่ายังมีพวกโจรปล้นสะดมอยู่เลย”นัทพลคันปาก นี่อาจเป็นโอกาสทำให้ตนเองทำความรู้จักกับเพื่อนน้องสาวก็เป็นได้“ทำไมดาไม่ไปล่ะ เดี๋ยวพี่ไปด้วย”นัทพลยื่นข้อเสนอนิลลนาหันมองพี่ชายเพื่อน รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร และเธอไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น หากต้องเดินทางด้วยกันขอปลีกไปคนเดียวดีกว่า เธอไม่คิดชอบพอกับเขาเลย“พี่นัทจะไปเหรอ?”ดาริกาถามพี่ชาย“ใช่ ก็จะได้ไปเป็นเพื่อนนิลไง”“แน่ใจแล้วเหรอคะพี่นัท งานพี่เยอะไม่ใช่หรือไงจะลาได้เหรอ”ฟังบทสนทนาแล้ว นิลลนาอึดอัดหากไม่ไปแค่แสดงละครก็ได้ ไม่อยากให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อนด้วย เห็นว่าเพื่อนสาวยังว่างไม่ได้หางานทำเลยชวน แต่ดูท่าจะเหลว“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่ต้องไปเป็นเพื่อนนิลหรอก” นิลลนารีบบอก “เอาแบบนี้แกแกล้งทำเป็นว่าไปกับฉันหน่อยได้ไหมยัยดา”“อะไรนะ แกจะบ้าเหรอนิล จะให้หลอกพ่อแม่แกด้วยเหรอ!”มือสองข้างยกพนมเพื่อขอร้อง ดาริกาเมินมองทางอื่นเพราะไม่อยากโดนผู้ใหญ่ตำหนิ หากร่วมมือแล้วพ่อแม่เพื่อนรู้ความจริงมีหวังโดนถล่มจนเละเทะไม่มีชิ้นดีแน่“ช่วยฉันหน่อยนะดา ฉันอยากไปจริงๆ พ่ออนุญาตแล้วด้วยขอแค่มีแกไปเป็นเพื่อนเท่านั้น”“แกอย่ามาโยนขี้ให้ฉันสินิล ถ้าพ่อแม่แกรู้ว่าฉันโกหกมีหวังโดนยำเละแน่”“ถ้างั้นแกก็ไปกับฉันสิ”นิลลนายื่นข้อเสนออีกครั้ง“ไม่เอาหรอก มันร้อนแกก็รู้ว่าฉันไม่ชอบอากาศร้อน”“ร้อนตรงไหน กลางคืนออกจะหนาว อีกอย่างเราพักกันที่โรงแรมในตัวเมืองนะไม่ได้นอนกลางดินกินกลางทรายเสียหน่อย”“เดี๋ยวพอถึงเวลาแกก็พาฉันตะลอนๆ เที่ยวนอนกลางทะเลทรายอีกน่ะสิ ตอนเข้าค่ายอาสาก็ทีหนึ่งแล้วหลอกฉันได้ว่ามีห้องพักอย่างดี ที่ไหนได้กางเต็นท์นอน ยุ่งก็กัด แถมแมลงเต็มไปหมด อากาศก็ร้อนอีกจนฉันแทบจะกลับบ้านเสียตอนนั้นเลย!”คนถูกคอนแคะหน้าเจือน ก็ตอนนั้นคนไม่มีเลยต้องลากเพื่อนไปด้วย ถ้าไม่ครบทางมหาวิทยาลัยไม่ให้ออกค่าย ความจริงก็รู้อยู่ว่าผิด แต่เรื่องตอนนี้มันไม่เกี่ยวกันสักหน่อย“ไปเป็นเพื่อนหน่อยไม่ได้เหรอดา...”เธอเริ่มส่งเสียงออดอ้อน“ไม่ไปหรอก ฉันกำลังจะสมัครงานแล้วนิล แกก็ควรทำเหมือนกันนะ”นิลลนาหน้างอมองเพื่อนแววตาตัดพ้อ“แค่ช่วยก็ไม่ได้เหรอ”“ไม่ได้!”“ก็ได้ จำไว้เลยดา”นิลลนาลุกยืนสะพายกระเป๋าสาวเท้าหนีไปนัทพลมองตามสีหน้าตื่นตระหนกแล้วหันมาทางน้องสาวส่ายหน้าด้วยความงุนงง ตกลงมันยังไงกันแน่ แต่เห็นน้องนั่งเม้มริมฝีปากท่าทางคิดหนัก“ดาจะเอายังไง นิลโกรธแล้วนะ”“รู้แล้วน่าพี่ ขอคิดก่อน”ดาริกาตอบเสียงห้วนสุดท้ายอดรนทนไม่ได้ดาริการีบวิ่งออกนอกร้านติดตามจนกระทั่งจับข้อมือเพื่อนไว้ แล้วระบายลมหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน“ก็ได้นิล ฉันจะช่วยแก”นิลลนาตาโตรีบโผเข้ากอดเพื่อนด้วยความยินดี ในที่สุดสิ่งที่ใฝ่ฝันมานานกำลังจะเป็นจริงแล้ว“ขอบใจมากนะดา”สนามบินสุวรรณภูมิร่างบางก้าวยาวนำบิดามารดามาถึงด้านในสนามบินพร้อมกระเป๋าใบใหญ่สองใบ ลุงแช่มคนขับเป็นผู้ดูแลอำนวยความสะดวกในการเข็นสัมภาระตามเจ้านายทั้งสามมา เสียงฝีเท้าดังแว่วนิลลนาหันมองเห็นเพื่อนกำลังเดินมาพร้อมพี่ชายที่เข็นกระเป๋าใบใหญ่มาดาริกายกมือไหว้บิดามารดาเพื่อนแล้วแสร้งยิ้ม หันมองพี่ชายแล้วส่งสายตาให้ นัทพลรีบกระพุ่มไหว้เช่นเดียวกัน ผู้ใหญ่สองคนรับไหว้แล้วหันมาทางบุตรสาว“เครื่องใกล้ออกแล้วเดินทางดีๆ นะลูก”วิชยุทธบอก“ค่ะพ่อ”“ยังไงพ่อฝากดูแลนิลด้วยนะดา ไปกันสองคนต้องช่วยดูแลกันและกัน”“ค่ะพ่อ ดาจะดูแลให้อย่างดีเลยค่ะ”ดาริการับปากแม้ในใจจะรู้สึกผิดมากก็ตาม“แล้วพี่ชายของดาไม่ไปด้วยเหรอจ๊ะ”นิราพรชำเลืองมองหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าหล่อเหลา ท่าทางภูมิฐาน ดูเหมาะสมกับลูกสาวพอควร“ไม่ไปค่ะ พี่ชายติดงานค่ะคุณแม่” “ได้เวลาแล้ว ไปเถอะ”ดาริกายืนข้างเพื่อนแล้วกระซิบกระซาบ ใจเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึก ตนเองทำผิดมหันต์พอเห็นหน้าพ่อและแม่เพื่อนจิตสำนึกมันด้านดีดันทำงาน รู้สึกคันปากอยากบอกความจริง แต่ทว่ามือของนิลลนากลับสะกิดขมวดคิ้วยุ่งเพื่อห้าม“อย่าเชียวนะยัยดา ฉันไม่ยอมด้วย!”“แกไม่เห็นเหรอพ่อแม่แกเป็นห่วงแค่ไหน”“เถอะน่าเดี๋ยวฉันก็กลับมาแล้ว แกก็เที่ยวที่แคลิฟอร์เนียให้สนุกไปสิ นัดกับหนุ่มที่นั้นไว้ไม่ใช่เหรอ”“เออ ก็ได้ๆ”สองร่างเดินทางเข้าช่องทางผู้โดยสารขึ้นสู่ตัวเครื่อง นิลลนาทอดสายตามองปุ๋ยเมฆแล้วยิ้มสดใส อีกไม่นานคงได้พบกันแล้วเมืองแห่งทะเลทรายไฮดริก ที่นั้นคงมีเรื่องสนุกๆ รอเธออยู่อีกมากเครื่องบินลงจอด ณ ลอสแอนเจลิสสนามบินนานาชาติ สองสาวสายเลือดชาวไทยออกจากช่องผู้โดยสาร นิลลนาหยุดยืนรอกระเป๋าเดินทางพร้อมเพื่อน ราวยี่สิบนาทีสัมภาระถูกลำเลียงออกมา “ฉันต้องเดินทางต่อนะดา แล้วแฟนแกจะมารับหรือยังล่ะ”นิลลนาถามเพื่อน แล้วกวาดตามองหาหนุ่มตาน้ำข้าวที่ดาริกานัด“มาแล้วแหละ ว่าแต่แกไปคนเดียวได้แน่นะ แล้วรู้เหรอว่าขึ้นรถตรงไหน”มือบางยกโบก เธอศึกษามาดีพอไม่มาหลงทางอยู่ที่นี่หรอก “ไม่ต้องห่วงหรอกยัยดา ฉันศึกษามาแล้ว แถมเมืองไฮดริกยังใช้ภาษาอังกฤษเสียส่วนใหญ่ นอกจากชนพื้นเมืองที่ยังคงภาษาท้องถิ่น ฉันไม่ได้ออกไปไหนไกลหรอกแก อยู่ในตัวเมืองแล้วก็เดินทางกับทัวร์ของเมืองเท่านั้นแหละ”ดาริกายังคงกังวล เกรงเพื่อนจะเกิดอันตรายแต่ดูท่าทางนิลลนาไม่ได้รู้สึกหวั่นใจอะไรเลย “ถ้างั้นฉันไปส่งแกก่อนแล้วกันนิล ยังไงก็เป็นห่วง”“ไม่ต้องก็ได้เดี๋ยวแฟนแกมาไม่ใช่เหรอ”
ดีมาก
1h
0อ่านสนุกมากค่ะ
15h
0คือดี
21h
0Xem tất cả