logo text
Thêm vào thư viện
logo
logo-text

Tải xuống cuốn sách này trong ứng dụng

เชลยพรหมจรรย์

เชลยพรหมจรรย์

วรดร/วิรัญชนา


Chương 1 ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย

บทที่1.ข่าวร้ายที่หัวใจเกือบสลาย

เสียงจอแจของผู้คนดังเหมือนฝูงนกตอนเย็นๆ ที่ส่งเสียงทักทายกันหลังจากออกจากรังไปหากินมาทั้งวัน...ไม่ต่างกับมนุษย์ พวกเขาเองก็กำลังเดินเลือกซื้ออาหารมื้อเย็น เมื่อเลิกงานที่ทำมาตั้งแต่เช้าเช่นกัน วิถีชีวิตคนใช้แรงงาน...ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเป็นประจำทุกวัน แม่ค้าสาวใหญ่ สาวน้อยส่งเสียงเชื้อเชิญลูกค้าเสียงหวานแจ้ว พ่อค้าหนุ่มใหญ่หนวดเคราเฟิ้มก็ไม่ยอมน้อยหน้า ส่งเสียงร้องเรียกลูกค้ามากหน้าเสียงดังลั่น!! เป็นวัฐจักรที่พะแพงเห็นจนชินตา เมื่อเธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาแม่ค้าที่ขายของอยู่ข้างทางด้วยเหมือนกัน เพราะต้องหาเลี้ยงปากท้องตัวเองเมื่อรายได้ที่เข้ามา ไม่พอเพียงกับรายจ่ายที่จ่ายออก...มันช่วยไม่ได้นี่... เธอไม่ได้เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย ครอบครัวเล็กๆ ของเธอ มี3 ชีวิต เธอกับครอบครัวอาศัยอยู่ในห้องเช่าแคบๆ ของชุมชนแออัดด้านหลังตลาดนัดยามเย็นที่พะแพงตั้งแผงขายของอยู่นั่นเอง...บิดาของเธอนั่นเหรอ ก็เป็นแค่ รปภ. แก่ๆ ของกิจการค้าข้าวขนาดใหญ่ ที่ตัวตึกตั้งตระหง่านอยู่ริมถนน หน้าแหล่งชุมชนแออัด แต่ท่านก็ยังสู้อุตส่าห์กัดฟันเลี้ยงลูกน้อยทั้งสอง แม้จะลำบากเลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็อยู่รอดมาได้ในปัจจุบัน เพราะความจนบีบบังคับ ชีวิตน้อยๆ อย่างพะแพงจึงต้องดิ้นรน เมื่อเลือกเกิดในครอบครัวที่เพียบพร้อมไม่ได้ พระเจ้าถีบส่งเธอมาในครรภ์มารดา แต่พะแพงไม่เคยเสียใจเลยที่ได้อยู่ในครอบครัวเล็กๆ นี้ เสียใจแค่อย่างเดียว... อีกไม่กี่เดือนที่จะถึงนี่ เธอกำลังเรียนจบ ได้ปริญญามาแปะฝาบ้านให้บิดาได้ชื่นใจ แต่มารดาของเธอนั้นกลับหมดวาสนาไปเสียก่อน นางลาลับจากโลกนี้ไปด้วยโรคที่ใครๆ ก็ขยาด เมื่อมันแทบจะรักษาไม่หาย หากเกิดขึ้นกับผู้ใด ‘มะเร็ง’
“ขายดีมั้ยจ้ะคนสวย” เสียงทุ้มๆ แสนจะคุ้นหู พะแพงเงยหน้าขึ้นจากกระทะทอดมันปลากราย...ใช่...เธอมีอาชีพเสริมหลังเลิกเรียน ด้วยการตั้งแผงขาย ‘ทอดมัน’ ที่ใช้เป็นกับข้าวหรือกับแกล้มก็ได้สำหรับผู้คนทั่วไป
หญิงสาวยิ้มอ่อน “พอได้จ้ะพี่ชาย...” เธอตอบตามวิสัยแม่ค้าที่ดี แม้จะไม่ใคร่จะพอใจสายตากรุ่มกริ่มคู่นั้นสักเท่าใด
“วันนี้ของสองถุงเลยนะแพง พี่ว่าจะตั้งวงสักหน่อย ไหนๆ เงินเดือนก็ออกแล้ว...” ไอ้หนุ่มหน้ามนยิ้มกว้าง เขาตามเทียวไล้ เทียวขื่อแม่ค้าสาวมาเป็นปีๆ ที่หล่อนมอบให้ก็แค่รอยยิ้มกับเสียงหวานๆ ยามที่แวะมาซื้อของ นอกนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย
พะแพงก้มหน้าลง แอบเบ้ปากและนึกดูแคลนคนตรงหน้า ชายหนุ่มน่าจะแก่อ่อนกว่าเธอไม่กี่ปี แต่ใบหน้านำอายุไปไกล เนื่องจากติดนิสัยชอบดื่มสุรา มักจะมีเสียงเฮฮาดังมาเข้าหูเธอเป็นประจำ เพราะห้องเช่าที่เขาพักอาศัยอยู่ไม่ไกลจากห้องพักเธอเท่าไร
“ได้แล้วค่ะ 60 บาทค่ะ”
หญิงสาวยื่นถุงหิ้วที่บรรจุถุงใส่ทอดมันร้อนๆ สองถุงส่งให้พร้อมกับยิ้มน้อยๆ
ปลายนิ้วหยาบๆ ไล้หลังมือพะแพงเบาๆ เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ รีบชักธนบัตรในมือของเขายัดใส่กระเป๋าหน้าของผ้ากันเปื้อน ล้วงสตางค์ทอนส่งให้ ก่อนจะทำเป็นง่วนกับการทำงาน จนไอ้หนุ่มนั่นรู้สึกเก้อ จึงจำใจถอย
“ประจำไอ้นี่!! ตอดนิดตอดหน่อยก็เอา...ไม่เกรงใจเราเลย” ป้าร้านไก่ทอดข้างๆ บ่นตามหลัง เมื่อนางเห็นการกระทำของไอ้หนุ่มสุดฉวยโอกาสนั่นเต็มตา
พะแพงยิ้ม “ช่างเขาเถอะป้า ยังไงเสียเขาก็มาอุดหนุนแพงบ่อยๆ”
“สาวที่ไหนจะสนใจมันว่ะ กินแต่เหล้า งานทำบ้าง ไม่ทำบ้าง ใครเอาไปเป็นผัวซวยตายห่า!!”
นางยังคงบ่น เมื่อเห็นหน้ากันจนคุ้นตา เพราะอาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกัน
“นั้นสิยายสาย...หนุ่มๆ สมัยนี้หน้าตาก็งั้นๆ แต่เรื่องขี้เกียจนี่ยกให้เลย...”
“หึ!! ต้องไอ้พะนายมันนั่นล่ะขยันที่หนึ่ง ตาคล้ายมันเลี้ยงลูกดี คนหนึ่งก็ขยันทำงานตัวเป็นเกลียว ส่วนแพงมันก็ขยันเรียน เผลอแปบเดียวใกล้จบแล้วใช่ไหมลูก”
สาวใหญ่ขายไก่ทอดเป็นอาชีพหลัก หันมาถามพะแพงยิ้มๆ นางยกสองพี่น้องเป็นตัวอย่างเวลาที่สั่งสอนคนรอบตัวเพราะทั้งพะแพงกับพี่ชาย ทำตัวดีเป็นแบบอย่างให้เด็กๆ ในชุมชนได้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง
“จ้ะป้า อีกไม่เกิน4 เดือน ช่วงนี้แพงฝึกงาน ยังไงตอนเย็นก็ฝากจองที่ให้แพงด้วยนะจ้ะ แพงอาจจะมาช้า”
หญิงสาวตอบ เธอร้องขอความช่วยเหลือ เพราะช่วงนี้เธอต้องฝึกงาน หากมาช้าทำเลขายของดีๆ ก็จะหมด
“ได้สิ!! มีหนูแพงอยู่ใกล้ๆ ป้าก็พลอยขายดีไปด้วย หนุ่มๆ มันเวียนมากันตลอด”
แม้ค้าด้านข้างทั้งซ้ายขวายิ้มรับ พะแพงเหมือนนางกวัก ไม่ว่าหล่อนจะอยู่ตรงไหน ลูกค้าก็จะแวะมาซื้อหา เนื่องจากหญิงสาวสวยลออตา มารยาทงดงาม มีรอยยิ้มพิมพ์ใจ ขนาดหน้ามันๆ เพราะเหงื่อไคล ผมกระเซอะกระเซิงเพราะมัวแต่ขายของ ออร่าของพะแพงก็ยังพุ่งเข้าตาหนุ่มๆ ไม่ว่าจะมีครอบครัวแล้ว หรือที่ยังโสด เข้าคิวมาซื้อของที่หญิงสาวขาย จนหมดเกลี้ยงทุกวัน
“แพงๆ ลุงคล้ายเป็นลม!! รีบไปดูซิ ตอนนี้เขาหามส่งโรงพยาบาลไปแล้วล่ะ”
ทัดเทพ รปภ. หนุ่มเพื่อนร่วมงานบิดา เขาวิ่งโร่มาแจ้งข่าวร้าย ข่าวร้ายที่ทำให้พะแพงถึงกับตัวชา
“ป้าจ๋า ฝากร้านหน่อยนะจ้ะ ขอแพงไปดูพ่อก่อน”
หญิงสาวเหงื่อตก...ลมหายใจสะดุด เกือบเป็นลมไปแล้วหากตั้งสติไม่ทัน
“ได้ๆ รีบไปเถอะ โธ่!! ตาคล้าย เป็นไงบ้างก็ไม่รู้”
พะแพงวิ่งสลับเดิน เธอโบกมือเรียกจักยานยนต์รับจ้างทันทีที่มองเห็น พร้อมทั้งแจ้งสถานที่ ก่อนจะกระโดดซ้อนท้ายอย่างเร็ว...ความเร็วรถยนต์ว่าเร็วสุดๆ แล้วเพราะสารถีหนุ่ม บิดคันเร่ง วิ่งซิกแซกซ้ายขวา หลังพะแพงร้องขอด้วยเสียงสั่นๆ ยังเร็วไม่เท่ากับหัวใจรุ่มร้อนของเธอเลย เวลานี้คงลอยอยู่ใกล้ๆ บิดา...
หญิงสาวควักสตางค์จ่ายค่าโดยสาร พร้อมทั้งวิ่งซอยเท้าถี่ๆ ตรงไปถามกับพนักงานที่ประชาสัมพันธ์ กำลังยื่นหน้าเข้าไปถาม พอดีกลับเสียงร้องเรียกดังๆ ด้านหลัง
“แพงๆ ทางนี้ พ่อแกอยู่ในห้องฉุกเฉิน”
หญิงสาวหมุนตัวขวับ เธอเดินกึ่งวิ่ง พร้อมกับร้องถามเสียงสั่นๆ
“พ่อแพงเป็นไงบ้างจ้ะลุงเชิด”
เชิดชาย เพื่อนร่วมงานรุ่นพี่ เป็นเจ้านายของคล้าย ส่ายศีรษะช้าๆ ก่อนตอบ
“ยังไม่รู้เลยแพงเอ๋ย ลุงก็เพิ่งมาถึง รถร่วม’ เขาพามาน่ะ”
ชายสูงวัยไม่สามารถให้คำตอบหญิงสาวได้ นอกจากรอนายแพทย์ออกมาจากห้องฉุกเฉินเท่านั้น
หญิงสาวถลาเข้าไปเกาะขอบประตู น้ำตาเอ่อซึม รู้สึกใจหายวูบๆ หากเวลานี้พะนายอยู่ด้วย เธอคงไม่หวั่นกลัวเท่าใด แต่เนื่องจากพะนายตามเจ้านายไปต่างจังหวัด หญิงสาวเลยรู้สึกเคว้งคว้าง...
“เออ...ญาตินายคล้าย แสงโต คนไหนครับ”
หมอหนุ่มใหญ่วัยกลางคนดันประตูห้องฉุกเฉินออกมา พร้อมกับร้องเรียกหาญาติผู้ป่วย...มีพยาบาลสาวสวยเดินถือแฟ้มตามมาด้วย
“แพงค่ะ แพงเอง แพงเป็นลูกสาว” หญิงสาวถลาเข้าไปหา เธอตอบเสียงสั่นๆ
“เชิญทางนี้ครับ...เรามีเรื่องต้องคุยกัน...”
น้ำเสียงของหมอทำให้พะแพงใจไม่ดีเลย แม้ท่านจะพูดเสียงราบเรียบ เพราะคงเห็นความเป็นความตายจนชิน แต่คนที่ไม่ชินคือพะแพงเอง
นายแพทย์วัยกลางคนทรุดนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เขารับแฟ้มประวัติคนไข้จากมือนางพยาบาลมาเปิดดู ก่อนจะผ่อนลมหายใจยาวๆ เมื่อเงยหน้ามองญาติผู้ป่วย
“คนป่วยเป็นโรคไตครับ เท่าที่เราตรวจเจอ...คงต้องพักรักษาตัวจนกว่าจะมีอาการดีขึ้น ไม่ทราบว่ามีบัตรประกันสุขภาพหรือประกันสังคมหรือเปล่าครับ”
พะแพงใจหายวูบ!! บิดาเป็นโรคร้ายที่เธอคิดไม่ถึง ท่านผอมบางเพราะอดหลับอดนอน ไม่คิดว่าจะมีภัยร้ายซ่อนอยู่ในตัว
หญิงสาวสูดจมูกแรงๆ เธอกลั้นสะอื้นก่อนตอบ “มีประกันสังคมค่ะ...”
“ถ้าใช้ประกันสังคมก็จะได้รับการรักษาในระดับหนึ่ง ไม่ทราบว่ามีประกันชีวิตอย่างอื่นไหมครับ มันน่าจะได้รับยาดีๆ มากขึ้น มากกว่าประกันสังคมที่ช่วยได้แค่นิดเดียว” ท่านแนะนำตามความรู้ เป็นการชี้นำวิธีรักษาที่คนไม่เคยประสบไม่มีทางรู้
พะแพงส่ายใบหน้าแรงๆ จนพวงผมด้านหลังไหวไปมา เธอกัดฟันเม้มปาก “ค่ารักษาแพงไหมคะ ถ้าแพงต้องจ่าย ต้องใช้เงินประมานไหนคะ?” เป็นคำถามที่ญาติผู้ป่วยส่วนมากมักจะถามแล้วแต่ละคนก็ต้องสะท้านไปกับคำตอบ เมื่อตัวยาสมัยนี้แพงยิ่งกว่าทอง
“อาการคนป่วยอยู่ในระยะวิกฤต ถึงขั้นต้องเปลี่ยนไต ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคนไข้จะต่อต้านไตใหม่หรือเปล่า แต่ถ้าไม่มีอาการอื่นแทรก...ก็คงยื้อไปได้อีกหลายปี แต่ก็เป็นแสนนะหนู”

Bình Luận Sách (27)

  • avatar
    khkh

    ดูหนังฟัง

    02/08

      0
  • avatar
    Arisara Meelapha

    สนุกค่ะ

    11/05

      0
  • avatar
    จี๊ด พัด ตี้

    ดีมากเลยค่ะ

    22/04

      0
  • Xem tất cả

Các chương liên quan

Chương mới nhất