logo text
Thêm vào thư viện
logo
logo-text

Tải xuống cuốn sách này trong ứng dụng

Chương 6 หรือว่าฉันกำลังเป็นโรคประสาท

“ไม่ได้! พ่อให้เวลามามากแล้ว เจ้าต้องนำ มณีนาคราช กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด หากไม่แล้ว ศึกสงครามระหว่างวังบาดาลจะบังเกิด อย่างไรเสียพ่อก็ไม่ยกเลิกคำสั่ง นาคหลวงจะต้องทำภารกิจนั้นจนกว่าจะเสร็จสิ้น” นั่นคือประกาศิตของผู้เป็นใหญ่แห่งคันตะนครบาดาล
สโรธรนาคินทร์ยืนนิ่ง ครุ่นคิดถึงพระดำรัสเจ้าพ่อ สิ่งหนักใจมากสุดในเวลานี้คือ นาคหลวง เขากลัวเหลือเกิน หากเธอคลาดสายตา เขาจะทำอย่างไร
เขาปรายตามองปรทิพย์ เธอกำลังเดินไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ริมระเบียง นางมนุษย์ผู้น่าสงสารไม่รู้ตัวเองว่าได้ครอบครอง มณีนาคราช อัญมณีแห่งคันตะนครบาดาล ซึ่งเป็นต้นเหตุของเรื่องประหลาดทั้งหมด หลังออกจากโรงพยาบาล ปรทิพย์ได้พักฟื้นในโรงแรมริมชล คุณปู่และคุณย่าจึงมีคำสั่งกักบริเวณ ห้ามเธอไปไหนมาไหนเกินกว่ารอบรั้วของโรงแรมโดยเด็ดขาด
“ยัยปอ เลิกเดินได้แล้ว” ฝ้ายหันไปพูดกับปรทิพย์ ที่เดินไปมาอยู่บนระเบียงห้องพักอยู่หลายรอบ ฝ้ายได้ย้ายนิวาสถานมาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าเธอจะเข้าพิธีแต่งงาน
“ฉันอยู่แต่ในโรงแรม เบื่อจะแย่” ปรทิพย์บ่น
“ทนอีกอาทิตย์นะ ให้ผ่านงานแต่งเธอก่อน” ฝ้ายปลอบ
“ฉันเบื่อๆๆ เธอได้ยินไหม”
“ได้ยิน แต่คุณปู่กับคุณย่าเป็นห่วง หากเธอเป็นอะไรไปทำไง”
“เฮ้อ คุณปู่คุณย่า อะไรก็ไม่รู้”
“โรงแรมออกใหญ่โต มีครบทุกอย่าง ทั้งสปาเอย ฟิตเนสเอย ร้านอาหารเอย เดินไปหน่อยก็ทะเล เธอลองไปนอนเปลฟังคลื่นบ้างนะ ดูโรแมนติกจะตาย” ฝ้ายทำหน้าไม่เข้าใจ แต่ทันใดก็ฉุกคิด จึงปรี่ไปใกล้ๆ เพื่อนรักแล้วพูดว่า “เอ๊ะ หรือว่าหงุดหงิด เพราะพี่พงศ์ไม่มาหากันแน่จ้ะ”
“บ้า” ปรทิพย์ขัดเขิน “ใครบอกเธอกัน ฉันเบื่อ อยากออกข้างนอกย่ะ นี่ปากดีนัก” หญิงสาวหยิกฝ้ายด้วยความหมั่นไส้
“โอ๊ย ฉันจะฟ้องคุณปู่ เธอทำร้ายฉัน”
“รีบไปเลย” ปรทิพย์ท้าทาย
“อย่าท้านะ เดี๋ยวฉันต่อสายตรง” ฝ้ายทำเสียงขึงขัง
“ลองสิ” ปรทิพย์ท้าทายเพื่อนรัก
“เสียใจด้วยนะ ยังไงฉันก็ให้เธอไปไหนไม่ได้ คุณปู่คุณย่าสั่งให้ฉันมาเฝ้า ห้ามเธอออกนอกโรงแรมเด็ดขาดจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน”
“ยัยฝ้าย!”
“จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน เข้าจั๊ย...” ฝ้ายย้ำทำหน้าจริงจัง
“นี่ฉันเป็นนักโทษ ตั้งแต่เมื่อไหร่” ปรทิพย์ทำเสียงสูง
“ไม่ต้องประชด เรื่องที่เกิดเมื่ออาทิตย์ก่อนคุณปู่คุณย่าเธอซีเรียสมาก รู้ไหม” ฝ้ายเน้นเสียง
“ซีเรียสอะไรกันนักหนา” ปรทิพย์ย้อนนึกเรื่องเธอเข้าไปนอนโรงพยาบาล เรื่องนั้นทำให้คุณปู่กับคุณย่าร้อนใจ
“คนโบราณเขาถือ คนใกล้แต่งงาน มักมีมาร”
“มารอะไร” ปรทิพย์ยื่นหน้าถาม ประสาคนหัวสมัยใหม่
“มารผจญนะ ไม่เคยได้ยินหรือ” ฝ้ายถอนหายใจยาว อ่อนใจกับแม่สาวนักเรียนนอก
“มารผจญ จะโบราณคร่ำครึไปหรือเปล่า ยัยฝ้าย”
“ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เรื่องแบบนี้เราต้องฟังหูไว้หู” พอฝ้ายหันไป ก็พบแขกผู้มาใหม่ “อ้าว พี่พงศ์ วันนี้ลมอะไรหอบมาคะ”
พงศ์ทัศเดินมาเงียบๆ เมื่อฝ้ายร้องทัก ทำเขารีบยิ้มให้แก้เก้อ “ทำไมฝ้าย พี่มาหาว่าที่เจ้าสาว ต้องมีลมหอบมาด้วยเหรอ”
“พี่พงศ์ไปไหนมาคะ” ปรทิพย์ยืนอยู่ใกล้ หน้าแดงเรื่อทันที
“พี่ตั้งใจมาหาปอ เอาผังโต๊ะงานแต่งของออกาไนเซอร์มาให้แอพพรูฟ ”
“นั่น ถืออะไรมาด้วยคะ” ปรทิพย์ชี้ไปที่ถุงในมือพงศ์ทัศ
“อ๋อ รูปถ่าย สตูดิโอเอามาให้ดูอีกรอบ ก่อนจะจัดอัลบั้ม” พูดจบพงศ์ทัศยื่นถุงให้
“การ์ดเรียบร้อยไหมคะ” ปรทิพย์ถามถึงการ์ดแต่งงาน
นี่ก็อีกเรื่อง เธอแทบไม่ได้แตะ หรือร่วมตัดสินใจอะไร ทุกอย่างเป็นเหมือนบะหมี่สำเร็จรูป แกะซองเติมน้ำร้อน คุณปู่คุณย่า และพี่พงศ์จัดการให้เสร็จสรรพ ตั้งแต่เรื่องพิมพ์ยันเรื่องแจกแขกที่จะมาในงาน
“เรียบร้อย คุณพ่อกับคุณแม่พี่จัดการให้แล้ว อ้อ เดี๋ยวพรุ่งนี้ สตูดิโอจะเอารูปถ่ายมาให้เลือกนะ” พูดจบพงศ์ทัศหันมาทางฝ้าย แล้วแกล้งพูดเย้าทีเล่นทีจริงว่า “ยังอยู่เป็น ก.ข.ค. อีกหรือ”
“ไปก็ได้ ไอ้เรามันหมดประโยชน์แล้ว” พูดจบฝ้ายเดินหนี แต่พลันฝ้ายเหลือบเห็นพระเอกขี่ม้าขาว คนที่ช่วยปรทิพย์จากเหตุการณ์จมน้ำครั้งก่อน ทำให้ฝ้ายอุทานออกมาอย่างลืมตัว
“ว้ายๆๆๆ ยัยปอ เทพบุตรของช้านนนน...” น้ำเสียงฝ้ายตื่นเต้น ทำท่าเพ้อนัยน์ตาชวนฝัน
ปรทิพย์งงกับอาการเพื่อนรัก อยู่ดีๆ ก็กรีดร้อง ทำตาเยิ้มลอยล่อง
“ฝ้าย อะไรกันจ้ะ”
“ยัยปอ นั่น นั่น นั่นไง คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง” ฝ้ายจับแขนปรทิพย์เขย่า พร้อมชี้ให้ดูสโรธรนาคินทร์ แต่เมื่อปรทิพย์มองตาม เธอกลับไม่พบใคร
“ยัยบ้องเอ้ย กินมากเลยฝันกลางวัน” ปรทิพย์อดเหน็บเพื่อนไม่ได้ แล้วหันไปถามพงศ์ทัศว่า “พี่พงศ์เห็นใครไหมคะ”
พงศ์ทัศสั่นหน้า มองไปตามทิศทางที่ฝ้ายชี้ เขาก็พบเพียงความว่างเปล่า
“นั่นไง เขายืนอยู่ตรงนั้น” เมื่อฝ้ายหันไปมองคราใด เธอก็พบสโรธรนาคินทร์ยืนอยู่จุดเดิม
ปรทิพย์คิดว่าเพื่อนอำเล่น จึงไม่ใส่ใจกับอาการ
“พี่พงศ์เราไปกันเถอะคะ ปล่อยยัยบ้องไว้ตรงนี้แหละ”
พงศ์ทัศอมยิ้ม ขำฝ้าย เพราะเขาเองก็ไม่เห็นใคร เขายืนอยู่ที่ระเบียงอย่างนี้ มองไปก็เห็นแต่ทะเลกับชายหาด ดูท่าฝ้ายคงตาฝาดจริงๆ
ปรทิพย์ทิ้งฝ้ายไว้ในห้อง ชวนพงศ์ทัศออกไปกินอาหารเช้าในโรงแรม คราวนี้เมื่อฝ้ายหันไปมองอีกครั้งพบว่าสโรธรนาคินทร์ได้หายไปแล้ว และอีกฟากของโรงแรมร่างบางของศจีพรรณยืนหลบมุม แอบมองพงศ์ทัศและปรทิพย์อยู่เงียบๆ
พงศ์ทัศขลุกอยู่กับปรทิพย์ตลอดวัน ทั้งคู่ช่วยกันเตรียมงานแต่ง หลังมื้อค่ำผ่านไป เธอส่งพงศ์ทัศกลับกรุงเทพแล้ว จึงถือโอกาส ออกมาเดินย่อยอาหาร หญิงสาวเดินมาเรื่อยๆ จนถึงสวน บริเวณที่เคยพบงูตัวใหญ่ วันนี้กับวันนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง เธอจำได้เคยมีพรรณไม้และพุ่มไม้เลื้อยรกชัฏไม่เป็นระเบียบบริเวณนี้ บัดนี้ได้ถูกตัดออก เติมเต็มด้วยการจัดสวนแบบ โปร่ง โล่งตา สไตล์สวนโมเดิร์นแทนที่ ดอกไม้พุ่มเล็กๆ เน้นใส่กระถาง ทางเดินเสริมด้วยหิน ปูหญ้าดูสะอาดตา
สวบ สวบ สวบ เสียงนั้น ทำปรทิพย์สะดุ้ง หันขวับ สัญชาตญาณบอกว่า มีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง แต่เมื่อกวาดตาสำรวจ กลับไม่พบสิ่งมีชีวิตนอกจากสนามหญ้าโล่งๆ
เอาอีกแล้ว...ปรทิพย์นึกระอาตัวเอง อาการประหลาด หูแว่ว ตาฝาด กลับมาอีกแล้ว
“หรือเราจะเป็นโรคประสาท”
ปรทิพย์พึมพำกับตัวเองก่อนตัดสินใจเดินต่อไปเรื่อยๆ ครานี้เธอกลับรู้สึกเหมือนมีคนจ้องมอง หลายต่อหลายครั้งเธอหยุด ยืนเหลียวซ้ายแลขวาแต่ทว่าไม่พบอะไรผิดปกติ
ท้องฟ้ามีแสงแลบแปลบ…ปรทิพย์เงยหน้ามอง อากาศวันนี้แปลกเมื่อกลางวันดูแดดเปรี้ยงไม่มีเค้าลางของเมฆฝน พลัน เสียงลมพัด วู้ๆๆๆ กรรโชกใบไม้แห้งรอบๆ ร่วงกราว อึดใจเดียวฝนก็ตกซู่แรง จนเธอต้องวิ่งหลบในอาคาร
เธอทิ้งตัวนั่งบนม้านั่งก่อนผ่อนหายใจออกมา เธอสรุปเองว่าโรงแรมริมชลเป็นโรงแรมใหญ่ มีแขกและพนักงานมากมาย และเธอเองก็เป็นทายาท หรืออีกนัยหนึ่งเป็นว่าที่เจ้าของโรงแรมในอนาคต ย่อมต้องมีพนักงานหรือคนรู้จักให้ความสนใจเป็นธรรมดา
เธอนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนฝนหยุดตก พระจันทร์ครึ่งดวงโผล่พ้นเมฆ อากาศภายนอกเริ่มเย็นลง ทำปรทิพย์ตัดสินใจกลับห้อง
เมื่อถึงห้องพัก เธอพบยัยฝ้ายนอนแล้ว ยัยฝ้ายเอ้ย ดูสิ นอนไม่เก็บอาการเลย
ปรทิพย์ได้แต่ยืนอมยิ้ม มองเพื่อนรักหลับปุ๋ย
นี่กระมัง คนแก่ๆ ถึงพูดเปรียบเปรยกันว่า กินเหมือนยัดหมอน นอนเหมือนเมาเห็ด
หญิงสาวละสายตาจากฝ้าย เดินเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำแต่งตัวใหม่ แล้วออกมานั่งรับลมอยู่ริมระเบียง เธอไม่ลืมหนังสือเล่มโปรดติดมือมาด้วย อ่านรู้เรื่องมั่งไม่รู้เรื่องมั่ง คงเพราะในหัวมีเรื่องให้คิดเรื่อยเปื่อย จนผล็อยหลับ
ตุ๊บ!
ปรทิพย์สะดุ้งตื่นเพราะเสียงหนังสือตกพื้น
“ตายจริง เผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
หญิงสาวพึมพำ งัวเงียก้มหยิบหนังสือ อากาศริมระเบียงเริ่มเย็นยะเยือก เธอจึงตัดสินใจเดินกลับเข้าห้องนอน
แต่แล้ว...สิ่งไม่คาดคิดก็ปรากฏตรงหน้า
เหวออออ...
ปรทิพย์ตาเบิกโพลง หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
สัตว์ประหลาด!! กำลังยื่นหน้า ทะลุผ่านประตูกระจก
นะ นะ นั่น ตะ ตะ ตัว อะไร
เกิดมาเธอไม่เคยพบเจอมาก่อน หัวมันเหมือนงู นัยน์ตาโปนสีแดง ลำตัวเปล่งออร่า สีเขียวอื๋อ
ปรทิพย์ขนลุกเกรียว
ภาพตรงหน้าเบลอๆ ชัดๆ ราวกับภาพโทรทัศน์ที่ต้องปรับจูนเสาอากาศ แต่อะไรก็ช่าง ว้ายยยย...เจ้าตัวประหลาดนั่น มันมาแล้วววว...เธอสั่นทำอะไรไม่ถูก เมื่อมันก้าวเข้าประชิด กลิ่นสาปสางรุนแรง จนเธอต้องกลั้นหายใจ
ปรทิพย์พยายามอ้าปากส่งเสียง แต่เหมือนริมฝีปากถูกรูดซิป แขนขามีปฏิกิริยาสัมพันธ์ไปด้วย คือ หนักอึ้งจนยกไม่ไหว ตัวประหลาดกำลังอ้าปากกว้าง นั่น ทำเธอเบิกตาค้าง!
คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วยยยย....
เธอหลับตาปี๋ ความกลัวชอนไชไปทั่วอณูร่าง
“ยัยปอ! ยัยปอ!....”
เสียงเรียกของฝ้ายดังถี่ๆ ติดต่อกันหลายรอบ
“กรี๊ดดดด....” เมื่อลืมตา ปรทิพย์หวีดร้องทันที
“ยัยปอ เป็นอะไร” ฝ้ายจับตัวเพื่อนเขย่าอย่างแรง หวังให้เธอมีสติ
ปรทิพย์ชะงัก เงยหน้ามองฝ้าย สีหน้าตื่นตระหนก
“ฉะ ฉันยังอยู่...”
“ฝันร้ายเหรอ”
ฝ้ายยื่นหน้าถาม เมื่อเห็นปรทิพย์เหงื่อกาฬแตกชุ่ม
ผ่านไปครู่ใหญ่ ฝ้ายเห็นปรทิพย์ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ จึงยกมือตี เพี๊ยะ!! ที่แขนอย่างแรง “นี่ เจ็บไหม”
“โอ๊ย เจ็บนะฝ้าย”
“ไง ตื่นแล้วใช่ไหม เธอนอนละเมอ ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ฝ้ายขมวดคิ้ว รู้จักกันมาหลายปี นอนด้วยกันก็หลายหน ไม่เคยเห็นปรทิพย์นอนละเมอมาก่อน
“ฉันนะหรือ นอนละเมอ” ปรทิพย์ทำหน้าไม่อยากเชื่อ
“เธอว่าฉันโกหกหรือ” ฝ้ายพูดพร้อมทำหน้าเคร่งขึม
ปรทิพย์เงียบ เอียงคอไปมา ทำตาลอย สีหน้าเหมือนคนเป็นเมาค้าง
“เอาล่ะ ฟังตั้งแต่ต้นเลยนะ ฉันตื่นมา เห็นเธอยืนหลับตรงโน้น แล้วก็เดินวกกลับมายืนหลับ ครางฮือๆ ตรงนี้ ฉันเรียกตั้งนานกว่าเธอจะตื่น” ฝ้ายเล่า น้ำเสียงจริงจัง พร้อมแอ็คติ้งประกอบ
“อย่างงั้นหรือ ฉันคงฝันร้าย” ปรทิพย์สีหน้าเคร่งเครียด ก่อนพูดต่อว่า “แต่ฝ้าย มันเหมือนจริงมาก มันน่ากลัว...มัน...มะ...”
“พอแล้ว ฝันก็คือฝัน นอนได้แล้วจ้ะสาวน้อย เพิ่งตี 3 มีอะไร เอาไว้คุยพรุ่งนี้”
“แต่...” ปรทิพย์ยังค้างคาใจ อยากเล่าให้เพื่อนฟัง แต่ฝ้ายตัดบท จูงมือเธอ กดตัวให้นอนราบบนเตียงกว้าง
“นอนซะ กู๊ดไนท์”
ฝ้ายกล่าวด้วยน้ำเสียงบังคับแกมขู่เข็ญ ก่อนหยิบผ้าห่มให้ จากนั้นเธอได้ล้มตัวนอนเคียงข้าง และหลับไปในที่สุด ทิ้งให้ปรทิพย์นอนมองเพดานครุ่นคิดจนหลับไป
ณ คอนโดมิเนียมหรู กลางกรุงเทพมหานคร
คืนนี้พงศ์ทัศหัวใจร้อนรุ่ม ไม่อาจข่มตาหลับได้ ดวงตาเข้มยังคงมองเพดาน ในใจครุ่นคิดสับสน
ไม่น่าเลย ไม่น่าเลย เขาเฝ้าบอกตัวเองซ้ำๆ กลับไปกลับมา ก่อนยันกายขึ้น ชะโงกมองร่างบางที่กำลังหลับพริ้มอยู่ข้างๆ
นี่เอง ต้นเหตุแห่งเรื่อง
พงศ์ทัศเสียใจที่ปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิด กิเลสหอมหวานเย้ายวนปลุกเร้าอารมณ์ ทลายกำแพงศีลธรรมไปชั่วขณะ
“พี่พงศ์ ทำไมยังไม่นอนอีกคะ” ศจีพรรณขยับร่าง
เสียงหวาน ปลุกพงศ์ทัศตื่นจากภวังค์ความคิด
“พี่กำลังจะนอน” พูดจบ เขาก้มจุมพิตหน้าผากหญิงสาว
“พรรณหนาวจัง” ศจีพรรณออดอ้อน ก่อนเคลื่อนกายเข้าซบ อกกว้างของพงศ์ทัศ
“นอนได้แล้ว”
“พี่พงศ์กอดพรรณหน่อย”
ศจีพรรณกระซิบแผ่ว เอื้อมมือโน้มคอฝ่ายตรงข้ามลงมาจุมพิตเร่าร้อน ความนุ่มเนียนเนื้อสาว ปลุกเร้าความต้องการให้คุโชน
พงศ์ทัศอยากปฏิเสธ แต่แรงฤทธิ์พิศวาสกระพือ ทำเขาจำยอมพ่ายแก่กิเลส ปล่อยให้มันถาโถมใส่ครั้งแล้วครั้งเล่า จวบจนทุกอย่างสงบนิ่ง
ศจีพรรณหลับไปอย่างอ่อนแรง ทิ้งให้พงศ์ทัศนอนลืมตาโพลง
อีกไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ จะถึงวันแต่งงาน จะทำอย่างไรดี
อีกครั้งที่สมองของพงศ์ทัศ เริ่มสั่งงานสับสน
ผู้กองหนุ่มเหมือนคนเดินวนในเขาวงกต หาทางออกไม่ถูก หากย้อนเวลากลับไปได้ วันนั้น เขาบอกตัวเองว่าจะไม่ยอมไปหาศจีพรรณเป็นอันขาด นาทีนี้ พงศ์ทัศหวั่นใจเหลือเกิน จะสามารถเก็บเรื่องศจีพรรณให้เป็นความลับได้อีกนานเท่าไหร่ เขาลุกจากเตียงไปหยิบกรอบรูปคู่ของเขาและปรทิพย์ขึ้นมองเนิ่นนาน ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้ะวจับกรอบนั้น คว่ำไว้บนโต๊ะตามเดิม
เรื่องระหว่างเขากับศจีพรรณเกิดในคืนนั้น
แม้ผ่านมานับเดือน เขายังจำได้ดี ศจีพรรณโทรให้ช่วย เพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับผู้หญิงคนหนึ่งในผับ จนถูกตำรวจจับขึ้นโรงพักทั้งคู่
“พี่พงศ์ ช่วยพรรณด้วย ช่วยด้วย...”
“ใจเย็นๆ บอกพี่สิว่าตอนนี้อยู่ไหน”
”พรรณอยู่โรงพักทองหล่อ”
เสียงตามสาย ทำให้เขาต้องรีบขับรถไปรับศจีพรรณ และช่วยไกล่เกลี่ยเหตุทะเลาะวิวาท จนยอมความเลิกแล้วต่อกัน
เมื่อจบเรื่องบนสถานีตำรวจ ศจีพรรณไม่ยอมกลับบ้าน ต่อรองให้พาไปนั่งฟังเพลง เขาเคลิบเคลิ้มไปกับบรรยากาศ เผลอดื่มเหล้าจนขาดสติ มารู้สึกตัวอีกครั้ง พบตัวเองนอนเปลือยเปล่า ก่ายเกยกับศจีพรรณในคอนโด
เรื่องนี้ทำเอาพงศทัศน์ปวดเศียรเวียนเกล้า เพราะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ศจีพรรณเกาะราวกับปลิง ข่มขู่จะฟ้องปรทิพย์ตลอดเวลา หากไม่ยอมทำตามคำขอ
หากเป็นผู้หญิงคนอื่น เขาคงสลัดได้ง่ายดาย แต่ผู้หญิงคนนี้คือ ศจีพรรณ น้องสาวของปรทิพย์ คู่หมั้นที่กำลังจะแต่งงานในไม่กี่วันข้างหน้า
ณ คันตะนคร
เมืองบาดาลอยู่ลึกลงใต้พิภพใต้ท้องมหาสมุทรลงจากพื้นโลกหลายร้อยโยชน์ อันเป็นแหล่งอาศัยของเหล่าพญานาคตามเรื่องเล่าขานนิยายปรัมปราของคนไทยมาช้านาน
ณ ท้องพระโรง
มีการประชุมของสภาขุนนาง มีท้าวโภคินนาคาธิราชประทับเป็นประธานสูงสุด แบ่งซ้ายขวาเป็นฝ่ายบริหารของส่วนราชการต่างๆ อีกหลายสิบตน จากนั้นลดหลั่นลำดับชั้นกันลงไปเป็นเสนาบดีและขุนนางน้อยใหญ่
หลังจากประชุมงานราชการแล้ว ท้าวโภคินนาคาราชได้ให้ ท่านทัพธร มหาอำมาตย์เข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ เพื่อปรึกษาหารือ เรื่องท้าวสโรธรนาคินทร์และมณีนาคราช
“ท่านทัพธร เรากลุ้มจริงๆ เรื่อง มณีนาคราช”
“ฝ่าพระบาท ตอนนั้น เจ้าน้อยยังทรงพระเยาว์”
“เจ้าน้อยเลอะเลือน ได้มอบ มณีนาคราช ให้นางมนุษย์ไปเมื่อ 17 ปีโลกมนุษย์มาแล้ว ดูสิวันก่อนเจ้าน้อยมาหา ขอร้อง จะจัดการเรื่องนี้เอง พูดแล้ว เฮ้อ...” ท้าวโภคินนาคาธิราชตรัส
“ฝ่าพระบาท พระทัยเย็นไว้ กระหม่อมส่งนาคหลวงไปจัดการแล้ว”
“หากนางมนุษย์ตาย มณีนาคราชก็จะกลับคืนสู่เจ้าน้อย ขอบใจมากท่านทัพธร แต่เรื่องสำคัญตอนนี้คือ อีกหนึ่งอาทิตย์ ราชทูตพาราตะนครจะมาถึงนครของเรานี่สิ” สีพระพักตร์ของท้าวโภคินนาคาธิราชเป็นกังวลเห็นได้ชัด
“เรื่องนั้น ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระหม่อม”
“เฮ้อ เราหนักใจจริง เจ้าลูกคนนี้ เรื่องนางมนุษย์นั้น เราขอให้ท่านทัพธรเป็นธุระด้วย และให้จัดเตรียมงานต้อนรับราชทูตจากพาราตะแทนเรา หวังว่าเมื่อถึงวัน ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา”
“รับด้วยเกล้า” มหาอำมาตย์น้อมรับพระบัญชา
เนื่องด้วยพาราตะนครเป็นเมืองบาดาลใหญ่มีแสนยานุภาพทางการทหาร เมืองบาดาลน้อยใหญ่ต่างตกเป็นเมืองขึ้น คันตะนครเองโชคดีที่เป็นเมืองพี่เมืองน้อง โดยมี มณีนาคราช พันธนาการสองเมืองนี้มาแต่โบราณ
กฎมณเทียรบาลของคันตะนครกำหนดไว้ว่า รัชทายาท ทุกพระองค์ ต้องอภิเษกสมรสกับ เจ้าหญิงหรือเจ้าชายแห่งพาราตะนครบาดาลเท่านั้น
แต่ปัญหาใหญ่ของคันตะนครบาดาล เวลานี้คือมณีนาคราช ของหมั้นองค์รัชทายาท ท้าวสโรธรนาคินทร์ ได้ถูกมอบให้นางมนุษย์ ตั้งแต่ท้าวสโรธรนาคินทร์ยังเยาว์วัย ด้วยพระองค์ไม่รู้ถึงความสำคัญ เรื่องนี้เมื่อรู้ถึงพระเนตรพระกรรณท้าวโภคินนาคาธิราช จึงทรงกริ้วเป็นการใหญ่

Bình Luận Sách (70)

  • avatar
    อา'า บัง'ง

    ดีมากๆ

    4d

      0
  • avatar
    La Yi Chan

    100

    4d

      0
  • avatar
    Ridwan Lx

    ดีๆมาก

    4d

      0
  • Xem tất cả

Các chương liên quan

Chương mới nhất