“มาสิ ผมจะแนะนำคุณให้ทุกคนรู้จัก” เหม่ยอี้ก้าวเข้ามายืนกลางห้องพลางก้มหน้าลง แต่ก็ยังเหล่สายตามองสีหน้าของทุกคนเป็นระยะ ๆ“เอาละ ทุกคนฟังผมทางนี้” ซือเหลินกล่าวขึ้น “นี่คือฟางเหม่ยอี้ เธอจะมาทำงานแทนหลิ่งฟาง”ทุกคนพยักหน้าเข้าใจ หญิงสาวจึงก้มหัวลงพร้อมกับพูดว่า“ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะคะ”“ที่นั่งของคุณมุมโน้น” ผู้จัดการเย่วพูดขึ้นก่อนที่จะเดินไป ในขณะที่เหม่ยอี้พยักหน้ารับแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของเธอ สายตาทุกคนจ้องมองเป็นตาเดียวจึงทำให้เธออดสงสัยไม่ได้ว่าจ้องเธอเรื่องอะไร“เอ่อ...”“ได้ข่าวว่าผอ. จิ้นฝูเป็นคนสัมภาษณ์เธอจริงมั้ย ?” ฮุ่ยลี่หนึ่งในพนักงานของแผนกเอ่ยถามขึ้น ซึ่งสีหน้าของทุกคนก็รอฟังคำตอบจากเธอ เหม่ยอี้กะพริบตามองเก็บข้อมูลอย่างงง ๆ หมายความว่าผู้ชายที่สัมภาษณ์เธอคือ ผอ. จิ้นฝู ! !“อืม” หญิงสาวพยักหน้าตอบ“ว้าว ! น่าอิจฉาจังเลย” เสียงของฮุ่ยลี่พูดด้วยความเสียดาย“นั่นสิ” อีกคนจึงเริ่มเสริมขึ้น“ทำไมเหรอ ?” เธอถามอย่างสงสัย“เธอมาใหม่ยังไม่รู้สินะ ว่าผอ. จิ้นฝูเป็นขวัญใจของสาว ๆ ในบริษัทเราเลยละ และทุกคนก็ฝันที่อยากจะเดทกับเขาสักครั้งหนึ่ง !” เหม่ยอี้ยิ้มให้ก่อนที่จะหลบสายตาลง หมายความว่าความหวังของเธอแทบเป็นศูนย์เลยด้วยซ้ำ เมื่อผู้ชายคนนี้เป็นขวัญใจของทุกคน และเขามีสิทธิ์ที่จะเลือกผู้หญิงที่ดีกว่าเธอด้วยซ้ำสวรรค์ไม่เข้าข้างเธอเลย !“งั้นเหรอ”เหม่ยอี้ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ ใจเริ่มแผ่วและหมดหวังลง...ความรักหนอหายากที่สุด และ...ชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันแล้วจริงๆ“ใช่น่ะสิ !”“อ่ะแฮ่ม !”เสียงกระแอมของผู้จัดการเย่วดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง“ทำงานกันได้แล้ว อยากให้ผมรายงานเบื้องบนมั้ย”เท่านั้นทุกคนที่ต่างลุกขึ้นยืนจ้องเหม่ยอี้รีบขยับตัวลงทำงานทันที เหม่ยอี้หันไปหาหญิงสาวข้าง ๆ ตัวเธอพร้อมกับพูดขึ้น“เอ่อ...นี่คือเอกสารที่ฉันต้องทำใช่มั้ย ?”ฮุ่ยลี่มองก่อนจะพยักหน้า“ใช่แล้ว งานตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนเลยละ นี่เหลือนิดเดียวแล้วเราต้องเคลียร์ให้เสร็จภายในวันนี้ ตั้งแต่หลิ่งฟางลาออกไปงานที่แผนกก็เสร็จช้าลงเลย”“อ้อ” หญิงสาวขานรับก่อนที่จะขยับตัวมานั่งทำงานต่อ นับว่าเป็นโชคดีตอนที่เธอฝึกงานในบริษัทแห่งหนึ่งได้มีพื้นฐานของการทำงานมาอยู่บ้าง เลยไม่ต้องรออะไรมา เหม่ยอี้ตั้งใจว่า เธอจะทำงานให้ดีที่สุด !“นายตัดสินใจกับเรื่องนี้ยังไง” เฟยหลงเอ่ยถามขึ้นในขณะที่นั่งไขว่ข้างอยู่ที่โซฟาตัวใหญ่ ตรงข้ามหน้าเขาคือจิ้นฝู ที่ยังนิ่งเงียบไม่พูดแต่ยิ้มออกมาประธานหนุ่มเลิกคิ้วมองญาติผู้น้องที่ถอนหายใจออกมา เขาจึงเป็นฝ่ายที่เกริ่นขึ้นเองอีกครั้งหนึ่ง “สินค้าที่ออกไปยังไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีมากนัก แล้วแบบใหม่นายคิดว่าผู้บริโภคจะสนใจอย่างนั้นเหรอ ?” นับว่าเป็นความเสี่ยงอย่างสูงที่จะเปิดตัวสินค้าชิ้นใหม่ในขณะที่ผลตอบแทนชุดเก่ายังไม่ดีพอ ทั้งที่ผ่านมาแบรนด์สินค้าจากบริษัทก็ขายดีมาตลอด“ผมคิดว่าสินค้าของเราไม่ใช่ทุกคนไม่ชอบ เพียงแต่ว่าราคาสูงเพิ่มมากขึ้นจากเมื่อปีที่แล้ว เลยทำให้ผู้ซื้อลดลงไปด้วย” จิ้นฝูกล่าวทำให้เฟยหลงหยุดคิด นั่นเป็นความจริงเพราะราคาเสื้อผ้าแต่ละชุดที่ออกสู่ตลาดมีราคาสูงกว่าปีก่อน เนื่องจากต้นทุนที่สูงเป็นทุนเดิมทำให้ราคาขายจึงสูงเพิ่มขึ้นไปอีก“ผมคิดว่าเราต้องมาดูที่ต้นทุนการผลิต” จิ้นฝูเสนอ“งั้นเราต้องดูแบบเสื้อผ้าอีกที แล้วมาดูต้นทุนการผลิตว่าใช้วัสดุประเภทไหนบ้าง” เฟยหลงกล่าว “แล้วแบบชุดอันนี้...ฉันคิดว่ามันยังไม่ดูแปลกใหม่หรือสะดุดตาเท่าที่ควร และมันแทบไม่ต่างจากแบบเดิมเท่าไหร่เลย นายจัดการให้แผนกออกแบบนำกลับไปแก้ไขให้เรียบร้อยด้วย”จิ้นฝูคิดอยู่แล้วว่าเฟยหลงต้องพูดออกมาแบบนี้ “โอเค”“จริงสิ วันนี้นายจัดการไปงานเลี้ยงของซูลี่แทนฉันด้วยนะ”เฟยหลงพูดพร้อมกับหยิบการ์ดเชิญที่อยู่ในแฟ้มส่งให้จิ้นฝูหนุ่มเจ้าสำราญอึ้งนิดๆ เพราะหญิงสาวที่ชวนเฟยหลงใช่สาว ๆ ธรรมดาเสียที่ไหน แต่เป็น...ซูลี่เป็นรุ่นน้องสมัยเรียนมหาวิทยาลัยและเป็นถึงนักเปียโนระดับประเทศที่หนุ่ม ๆ นั้นอยากจะออกเดทด้วย โอกาสดี ๆ แบบนี้หาได้ยากไม่น่าปฏิเสธไปเลย“พี่ไม่ไป ?”“ฉันไม่ชอบ ถ้าไปเท่ากับใส่ใจ”เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น ราวกับไม่ใส่ใจความรู้สึกของคนชวนสักนิด แต่ที่พูดมาก็มีเหตุผล จิ้นฝูรู้ดีว่าซูลี่คิดยังไงกับเฟยหลง แม้จะหลายปีมาแล้วแต่ดูเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด“แล้วจะให้ผมไปแทน ?” จิ้นฝูถาม ซึ่งเขาเองก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะทุกคืนก็ออกไปเที่ยวที่ผับประจำหรือไม่ก็จัดปาร์ตี้ที่คอนโด ฯ แต่ถ้าทำแบบนี้เท่ากับหักน้ำใจของซูลี่เป็นอย่างมาก“แบบนี้เธอจะเสียใจนะ”“เธอโทรมาชวนแต่ฉันบอกซูลี่ไปแล้วว่าไม่ไป ก่อนที่จะได้บัตรเชิญอีก” เฟยหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ พร้อมกับลุกขึ้นจากโซฟาจิ้นฝูลุกขึ้นตาม “แล้วถ้าผมไม่ไปล่ะ”“ก็แล้วแต่นาย ยังไงฉันก็ไม่ไปอยู่แล้ว” ประธานหนุ่มตอบโดยที่ไม่คิดมากสักนิด เล่นทำจิ้นฝูทึ่งเหมือนกัน“โอเค ผมจะไปให้แล้วกัน และจะบอกเธอว่าพี่ติดงานด่วน อย่างน้อยก็รักษาน้ำใจเธอหน่อย”จิ้นฝูพูดก่อนที่เอื้อมมือไปหยิบซองการ์ดเชิญแล้วเปิดออกอ่าน “แล้วพี่ไม่คิดมองผู้หญิงคนไหนบ้างหรือ”เฟยหลงหันมามองจิ้นฝูพร้อมกับส่ายหน้า“นายไม่จำเป็นต้องยุ่ง”หนุ่มเจ้าสำราญหัวเราะ “งั้นผมไปทำงานต่อก่อนนะ”เฟยหลงเพียงแค่พยักรับเท่านั้น ก่อนเดินมานั่งที่ทำงานต่อ ทว่าคำถามของจิ้นฝูยังคงวนอยู่ในหัว ทำให้เขาหัวเราะขึ้นมา...ความรักน่ะเหรอ…จะไปสนทำไมกัน ?
ชอบค่ะ
5d
0เยี่ยม
5d
0เริศสสสส
10d
0Xem tất cả