logo text
Thêm vào thư viện
logo
logo-text

Tải xuống cuốn sách này trong ứng dụng

05 ความรักไม่อาจส่งเสียง

05
ความรักไม่อาจส่งเสียง
ตื๊ด~  ตื๊ด ~
ผมรอการตอบรับอย่างใจจดใจจ่อ เวลารอบข้างราวกับเดินช้าลงเมื่อปลายสายไม่มีวี่แววจะรับโทรศัพท์ ถ้าครั้งนี้เธอไม่รับคงต้องตัดใจแล้วล่ะ ผมกวาดสายตามองขึ้นไปข้างบนบ้านหลังหนึ่ง ในห้องนั้นยังมีแสงไฟสลัวเปิดค้างไว้อยู่
(ฮะ...ฮัลโหล) เสียงงัวเงียเล็ดลอดมาตามสาย
“ไมล์นอนแล้วเเหรอ”
(อือออ กี่โมงแล้วเนี้ย... โหนี่มันตี2 แล้วนะ)
“อ่า โทษทีเห็นว่าไฟห้องนอนยังเปิดอยู่” ผมบอกปลายสายและยังคงเงยหน้ามองตรงไปบนห้องนอนของไมล์
(แกว่าไงนะ!?)
เสียงกุกกักดังผ่านโทรศัพท์ ไม่นานไมล์จึงโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่างห้องนอน ทำสีหน้าตกใจถึงขีดสุด เพ่งสายตาตรงมายังผมซึ่งอยู่ด้านล่าง ผมส่งยิ้มให้เธอบางๆ
“มาทำอะไรหน้าบ้านคนอื่นดึกดื่นขนาดนี้”
“คิดถึง” ไมล์ชะงักไปกับคำตอบที่ผมให้ เธอยิ้มเล็กที่มุมปากพร้อมเอ่ย
“เข้ามาในบ้านก่อนสิ เดี๋ยวลงไปเปิดประตูให้นะ”
“เอานี่สักหน่อยไหม” ไมล์ยื่นกระป๋องเบียร์มาให้ ผมรับมันมาถือไว้ในมือ เปิดกระป๋องแล้วยกขึ้นมาจิบ เธอนั่งลงบนโซฟาสีขาวสะอาดข้างตัวผม ตั้งแต่เข้ามานั่งภายในบ้านผมไม่สามารถละสายตาออกจากไมล์ได้เลย สมองมันมีความคิดมากมายแล่นวนไปมาอย่างหยุดไม่ได้ มาลองย้อนนึกให้ดีตัวผมตั้งใจจะคุยกับไมล์เรื่องเมื่อช่วงเย็นวันนี้
เหตุผลที่ผมต้องมานั่งอยู่ตรงนี้เพราะหลังจากตอนนั้นผมเอาแต่กังวลกระวาย จะสงบใจยังทำไม่ได้  ไมล์ไม่ได้ติดต่อกลับมาหาผมอย่างทุกวัน ไม่มีแม้แต่ความเคลื่อนไหวใด ๆ ในโซเชียลมีเดีย ผมส่งข้อความหาเธออยู่หลายครั้งแต่ก็ไร้การตอบรับ  ผมนั่งทบทวนเวียนวนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นานจนตัดสินใจมาหาเธอเอง
“สรุปจะมานั่งเงียบในบ้านคนอื่นใช่ไหม”
“เปล่า แกชวนเราเข้าบ้านเองนะ”
“ถ้าไม่มีอะไรก็กลับไปเลย จะไปนอนต่อ” ไมล์จิกตาใส่อย่างเหลืออด คงจะหงุดหงิดที่มาปลุกขึ้นในเวลาแบบนี้ ซ้ำยังมานั่งนิ่งไม่พูดไม่จา
“อย่าเพิ่งไล่กันเลย” ผมเว้นช่วงครู่หนึ่ง “เพราะอยากจะคุยด้วยถึงได้มา”
“รีบร้อนทำไม พรุ่งนี้ก็ได้มั้ง”
ผมยกเบียร์ขึ้นดื่มไปหลายอึกพลางเรียบเรียงประโยคในหัวให้เข้าทาง มันเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพูดออกไปให้ชัดเจน ผมรู้สึกว่ามันช่างพูดยากเย็นเสียเหลือเกิน
“กลัวว่าจะไม่มีพรุ่งนี้มากกว่า เพราะแกไม่ตอบข้อความ โทรมาตั้งหลายรอบก็ไม่รับแถมยังไม่โทรกลับ”
“...”
“ไม่อยากให้แกหายไปอีก หรือทิ้งเราไปเหมือนภีมนะ”
ดวงตาเบิกกว้างสื่อออกชัดเจนถึงความประหลาดใจ เธอรีบก้มหน้ามองกระป๋องเบียร์ในมือ พลางใช้ปลายนิ้วเรียวลูบขอบกระป๋องเล่นราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ตอนนี้ผมไม่สามารถรับรู้ได้ว่าไมล์คิดหรือรู้สึกแบบไหนกับผม อย่างเดียวที่มั่นใจคือผมไม่อยากที่จะสูญเสียคนสำคัญไปจากชีวิตผมอีกเป็นครั้งที่สอง
“เราไม่เคยหายไปจากแกเลยนะ ตลอดเวลาเราอยู่เคียงข้างแกมาเสมอไม่ว่าจะฐานะอะไร จริงอยู่ที่เราเลือกที่จะตัดใจกับแกตั้งแต่โดนแกปฏิเสธแต่เราไม่เคยที่จะเลิกเป็นห่วง เลิกกังวล และเลิกคิดถึงแกเลยนะ” เสียงสั่นคลอที่เปล่งออกไป ผมรู้สึกได้ว่ามันเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกจากก้นบึ้งหัวใจ ไมล์เงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม แววตาเศร้าสอยของเธอเป็นดั่งมีดที่กรีดเฉือนก้อนเนื้อในอกให้แหลกเป็นชิ้น ๆ
“การที่เราต้องรับรู้เรื่องสำคัญจากคนอื่น ซึ่งแกไม่คิดจะเล่าให้เราฟัง มันอัดอั้น ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไงต่อหน้าแก ที่สำคัญมันเจ็บปวดที่ต้องรู้สึกแบบนั้น”
สิ้นคำจากไมล์ผมกระดกเบียร์จนหมดกระป๋องวางลงบนโต๊ะพร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสมือของคนตรงหน้าอย่างเชื่องช้า ดึงกระป๋องเบียร์ออกจากมือของเธอไปวางไว้ เพื่อที่จะได้กระชับมือสองเราให้แน่นเพียงพอที่ผมจะส่งความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้ไมล์ได้รับรู้ เธอจะรู้ไหมนะว่าความอบอุ่นจากเธอนั้นได้โอบอุ้มหัวใจอันบอบช้ำดวงนี้ไว้
 “ขอโทษนะเราแค่ไม่อยากทำให้อึดอัด อีกอย่างเราไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว” ตั้งแต่มีแกเข้ามา... ผมไม่ได้บอกเธอในส่วนสุดท้าย หวังเพียงสักวันมันคงส่งไปถึงเธอ ผมเชื่อว่าคำพูดครั้งนี้หนักแน่นพอที่จะทำให้ไมล์เข้าใจ ผมไม่ได้เพียงพูดเพื่อให้เธอสบายใจแต่ออกไปจากใจจริง
“อือ เราเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะอธิบาย แต่อย่าปฏิเสธความเศร้าที่มีในใจมันไม่ช่วยอะไรนอกจากทำร้ายตัวเอง”
ถูกต้องแล้วล่ะสิ่งที่ไมล์พูดเป็นความจริง ผมปฏิเสธความเศร้าที่มีในใจ ทว่าสิ่งที่ผมปฏิเสธมาตลอดกลับคือความรู้สึกที่มีต่อไมล์ ปฏิเสธความโศกที่สูญเสียไมล์ไปในวันนั้น เพียงเพราะผมปฏิเสธเธอ ผมจึงปฏิเสธตัวเอง และเริ่มต้นใหม่กับคนอื่นทิ้งความทรงจำระหว่างเราไว้ในส่วนลึกสุด
 ผมเสียใจที่เป็นเช่นนั้น
เราสบตากันเนิ่นนานกระทั่งความรู้สึกบางอย่างในตัวผมมันพุ่งพล่านร่างกายเริ่มควบคุมไม่อยู่ ผมค่อย ๆ โน้มตัวลงไปเพื่อจะสัมผัสริมฝีปากอมชมพูของคนตรงหน้า สมองพยายามต่อต้านแต่ไม่เป็นดั่งใจนึกมันยังคงขยับไปเอง แม้จะลังเลว่าควรหรือไม่ควร เสียงในใจจึงตอบแทน ขอผมเห็นแก่ตัวกับเธอสักวัน เพียงแค่นิดเดียว หากเธอไม่ปฏิเสธ... 
ดวงตาไมล์สั่นระริกเมื่อริมฝีปากของเราห่างกันเพียงปลายเล็บ เสี้ยววินาทีนั่นเอง
ปัง!
เราสองคนสะดุ้งเฮือกผลักตัวออกจากกันเมื่อเสียงประตูจากชั้นบนส่งเสียงดัง ผมถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าโล่งอกหรือเสียดายเหมือนกัน ไมล์ลุกขึ้นจากโซฟาไปที่บันไดจังหวะที่เธอกำลังเดินขึ้นไปผู้หญิงวัยกลางคนในชุดนอนก็ปรากฏตัวขึ้น
“แม่ลงมาทำอะไร”
“ยังไม่นอนอีกเหรอลูก แม่เห็นไฟมันเปิดอยู่เลยจะลงมาปิด”
“เพื่อนไมล์มาหา เลยนั่งจิบเบียร์คุยกันนิดหน่อยน่ะ” ไมล์หันมามองทางนี้ ผมจึงยกมือไหว้คุณแม่ของเธอ แม่เธอจ้องเขม็งใส่ผม แต่ก็รับไหว้และยิ้มกลับ
“ดึกแล้วก็รีบ ๆ นอนล่ะ ให้เพื่อนค้างที่นี่ก็ได้กลางค่ำกลางคืนมันอันตราย”
“ค่ะ ๆ แม่ไปนอนต่อเถอะเดี๋ยวลูกสาวจะรีบนอน”
ว่าจบแม่ของไมล์ก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องนอน ผมแปลกใจที่แม่ของเธอไม่ได้ว่าอะไรผมที่มาหาลูกสาวเขาตอนดึกดื่น แถมไมล์ยังพูดได้อย่างสบาย ๆ เรื่องมานั่งจิบเบียร์กับผู้ชาย ถึงจะเป็นเพื่อนแต่ผมก็ผู้ชายนะ ตอนแรกนึกว่าจะไล่ตะเพิดผมกลับบ้านแล้ว ที่ไหนได้บอกให้ผมค้างก่อนช่างเป็นคุณแม่ที่ใจกล้าปล่อยลูกสาวเสียจริง
“เออ เดี๋ยวเรากลับแล้วดีกว่า ไมล์จะได้นอนต่อ”
“อ้อ ว่าแต่แกมายังไง” เธอถาม พร้อมกับเดินมาหยิบเบียร์บนโต๊ะยกดื่มจนหมด
“ปั่นจักรยานมา” ไมล์เบิกตาโตด้วยความแปลกใจ ซ้ำยังถึงขั้นสำลักเบียร์กับคำตอบของผม จะไม่ให้ตกใจได้ไงก็บ้านของเธออยู่ตรงชานเมืองห่างจากบ้านผมที่อยู่ในเมืองตั้งสิบกิโล 
ลงท้ายผมก็ค้างที่บ้านของเธอเพราะเจ้าตัวบอกว่าอันตรายที่จะปั่นจักรยานกลับไป ไว้รอตอนเช้าค่อยกลับยังไงก็อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง...
 หมายความว่าผมจะได้อยู่กับไมล์สองคนในห้องนอนของเธอรึเปล่านะ ?

Bình Luận Sách (106)

  • avatar
    สจ. เบิร์ด

    ดีวดวมด

    10h

      0
  • avatar
    ลัลน์ญดา ฯ.

    ❤️‍🔥💞

    16h

      0
  • avatar
    RungsriKamonchanok

    ชอบมากๆ

    2d

      0
  • Xem tất cả

Các chương liên quan

Chương mới nhất