logo
logo-text

I-download ang aklat na ito sa loob ng app

2

‘ตอนนี้เธอตั้งท้อง...ท้องเพราะสือจวี๋มีสัมพันธ์กับผู้ชายคนนั้นน่ะนะ’
คำถามนี้วนเวียนซ้ำๆ ในหัวตั้งแต่ลืมตาตื่นตอนรุ่งเช้า
เมื่อวานหลังจากกินข้าวต้มของท่านย่าหลิน เธอก็นอนอยู่คนเดียวเงียบๆ ในบ้านหลังนี้ สมองคิดไปล้านแปดพยายามจับต้นชนปลายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กระทั่งจินตนาการเตลิดไปไกลว่ามันคงเป็นห้วงฝันที่อยู่ลึกใต้จิตสำนึก ตอนนี้ตัวเธออาจกำลังโคม่านอนอยู่บนเตียงที่โรงพยาบาลสักแห่ง
หรือไม่แน่เธออาจถูกพวกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวมาทดลองทางวิทยาศาสตร์แบบเคยอ่านในนิยาย
แต่คืนที่ผ่านมาเธอก็ได้คำตอบบางส่วน ทุกเรื่องราวในชีวิตของ ‘สือจวี๋’ ไหล่บ่าเข้ามาให้รับรู้ปะปนกับความทรงจำเดิม เพื่อตอกย้ำให้ตัวเธอได้รู้และยอมรับว่าจากนี้ไปทั้งสองคือคนเดียวกัน
เธอเห็นชีวิตของสือจวี๋ตั้งแต่เจ้าของร่างนี้เกิด
เจ้าของร่าง...คิดแล้วเหมือนเธอเป็นวิญญาณเร่ร่อนมาสิงสู่ร่างคนอื่นอย่างไรอย่างนั้น
คาดว่าคงเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเธอพร้อมสือจวี๋ แล้วอะไรสักอย่างก็เหวี่ยงให้เธอเข้ามาอยู่ในร่างที่ตลอดระยะเวลาสิบห้าปี ใช้ชีวิตอยู่แต่ในหมู่บ้านไท่โหยว อำเภอซ่างเหอ เมืองผิงโจว แคว้นฉางฝู
ชื่อหมู่บ้าน อำเภอ เมือง แคว้น ไม่เคยมีอยู่ในความทรงจำของเธอที่เกิดเดือนสิงหาคม ปี 1994 ประเทศไต้หวันเลยสักนิด
เธอมั่นใจแปดในสิบส่วนแล้วว่าตัวเองย้อนมาใช้ชีวิตยุคโบราณ แต่ที่ตรงนี้ในอนาคตจะกลายเป็นประเทศอะไรก็ไม่อาจจะรู้ได้
‘ได้โปรดรักลูกของข้า โปรดถนอม ปกป้องและเลี้ยงดูเขา’
นี่คือประโยคที่เธอได้ยินจากสือจวี๋ ตอนพวกเราทั้งคู่ลอยเคว้งคว้างอยู่กลางกลุ่มหมอกควันสีขาว หญิงสาวพร่ำครวญขอร้องซ้ำๆ จนเธอต้องรับปาก เมื่อสมหวังดั่งใจสือจวี๋ก็ลอยห่างออกไปแล้วหายวับในทันที
สือจวี๋เกิดฤดูลี่ชิว สะใภ้บ้านสือช่วงกำลังตั้งท้องฝันว่าได้รับจวี๋ฮวา ดอกสีแดงจากชายชราผู้หนึ่ง ตอนจวี๋เอ๋อร์ตัวน้อยของครอบครัวเกิดมา นางก็มีปานแดงจางๆ บนแก้มข้างซ้าย สือซานจึงตั้งชื่อลูกสาวคำเดียวว่าจวี๋
อาภัพแรก สือฟูเหรินมีเวลาได้ดูแลลูกน้อยแค่สามปี ในฤดูร้อนปีนั้นนางก็ตายเพราะธาตุในกายเย็นเกินไปส่งผลให้หัวใจวายเฉียบพลัน ท่านหมอบอกเหตุจากการกินแตงหวานปริมาณมากเกิน
ตามความคิดของคนมาจากโลกยุคสมัยใหม่ คาดว่าสือฟูเหรินคงจะมีโรคประจำตัวธาตุในกายไม่สมดุลอยู่ก่อนแล้ว อีกทั้งหลังคลอดลูกร่างกายนางก็มักจับไข้หนาวสั่นง่าย
อาภัพสอง บิดาซึ่งอายุมากกว่าฟูเหรินร่วมสิบปีก็ป่วยเรื้อรังด้วยโรคเกี่ยวกับปอด ตอนสือจวี๋อายุสิบสี่ เขาใช้สังขารอมโรคฝืนเดินทางไปเมืองเฟิงโจวเพื่อเรียกร้องเรื่องสัญญาแต่งงานระหว่างลูกสาวกับลูกชายบ้านสกุลเฉิง ตอนนั้นสือจวี๋ถูกฝากฝังไว้กับครอบครัวท่านย่าหลินซึ่งอยู่ข้างบ้าน
เฉิงซุ่นเป็นพี่น้องร่วมสาบานของสือซาน คนอายุมากกว่าจับพลัดจับผลูทำการค้ามือขึ้นจากทุนตั้งต้นที่สือซานให้ยืม จึงย้ายไปตั้งรกรากที่เฟิงโจว เขาแต่งงานกับลูกสาวบัณฑิตชราผู้หนึ่งให้กำเนิดลูกชายหญิงอย่างละคน
ตามเงื่อนไขสัญญาใจว่าจะเกี่ยวดองด้วยลูกของทั้งสองบ้าน เฉิงซุ่นจึงพาเฉิงหยางปิงวัยสิบเจ็ดปีมาที่หมู่บ้านไท่โหยว สือจวี๋ตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกพบ เต็มใจจะแต่งงานกับชายหนุ่มรูปงาม ผิดกับอีกคนที่แสดงสีหน้าให้รู้ว่าเขารังเกียจหญิงบ้านนอกผู้มีปานแดงบนหน้า
สือจวี๋แต่งไปสกุลเฉิงตอนอายุสิบห้าตามความเห็นชอบของเฉิงซุ่นที่ต้องการรักษาสัญญาเดิม สือซานตายในอีกหนึ่งปีถัดมา ตอนสือจวี๋อายุสิบเจ็ด พ่อสามีก็ประสบเหตุร้ายตายไปอีกคน
เวลาสองปีในเมืองเฟิงโจวช่วงเฉิงซุ่นยังอยู่นางได้พบพานความสุขบ้าง ส่วนเรื่องราวชีวิตหลังจากนั้น...
หวังจิ่วชิงคลึงนิ้วบนข้างขมับ ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
สือจวี๋เป็นผู้หญิงที่เกิดมาพร้อมชะตาชีวิตแสนลำเค็ญ คุณสมบัติแบบนี้ชวนให้คิดถึงนิยายแนวตายแล้วเกิดใหม่ยอดวิวหลักหลายล้านบนแพลตฟอร์มออนไลน์เสียจริง
ถ้าสือจวี๋มีโอกาสกลับมาพลิกชะตาชีวิตด้วยตัวของนางเอง เธอก็เป็นคนหนึ่งแหละที่อยากยุส่งให้นางแก้แค้นคนพวกนั้นให้สาสม หรือถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่ต้องพาตัวเองเข้าไปพัวพันกับคนสกุลเฉิงเสียเลย
คิดถึงเสี่ยวหนิงจัง...หากเธอมีโอกาสเล่าเรื่องนี้ให้เสี่ยวหนิงฟัง เพื่อนรักก็คงลงความเห็นไม่ต่างกัน
พวกเธอเป็นเด็กกำพร้า เติบโตในสถานดูแลเยาวชนของรัฐ เสี่ยวหนิงพบรักได้แต่งงานกับสามีที่ดี แม่สามีก็รักใคร่ยินยอมให้ลูกชายแยกบ้านอยู่กับภรรยาและลูก
เสี่ยวหนิงมีชีวิตที่มีความสุขดีแล้ว ตัวเธอที่ยังมีลมหายใจในร่างของคนอื่น และยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับไปใช้ชีวิตของหวังจิ่วชิงอีกไหม ตอนนี้มีหนทางเดียวคือต้องทำชีวิตปัจจุบันของสือจวี๋ให้มีความสุขเช่นกัน
หวังจิ่วชิงบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบแล้วลุกลงจากเตียง หญิงสาวจัดเสื้อผ้าบนตัวให้เรียบร้อยรัดกุมดีแล้วก็เดินออกมายังห้องกลางของบ้าน บ้านหลังนี้มีสองห้องนอน หนึ่งห้องครัว เดินออกไปนอกชายคาราวสามเมตรก็เป็นห้องส้วมขนาดกว้างแค่หนึ่งเมตร ตรงมุมหลังบ้านมีเล้าไก่เก่าโทรมอยู่หนึ่งหลัง
สือจวี๋ตายไปแล้ว ส่วนเธอตายแล้วเกิดใหม่หรือจะเรียกว่าสลับร่างย้ายวิญญาณก็ตามแต่ ชื่อพวกเธอออกเสียงใกล้เคียงกันนับเป็นโชคชะตาล่ะมัง
จิ่ว...ชื่อนี้ครูในสถานเลี้ยงเด็กเป็นคนตั้ง หวังให้เธอมีอายุยืนยาว ส่วนจวี๋ฮวาท่ามกลางสารทฤดู ก็เป็นตัวแทนคำอวยพรให้มีชีวิตยืนยาวเช่นกัน
ดวงวิญญาณของเธอพึ่งพาร่างของสือจวี๋ เพื่อยังคงอยู่ร่วมกันบนโลกต่อไป นับแต่นี้เธอจะใช้ชีวิตในชื่อ...สือจิ่ว
เปิดประตูบ้าน ก็พบคนผู้หนึ่งกำลังเดินผ่านรั้วไม้ไผ่เข้ามา
“อาเจ๋อ”
ถานเจ๋อเป็นหลานชายพ่อเฒ่าถานกับท่านย่าหลิน
...อีกคนที่มีชะตาชีวิตแสนอาภัพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสือจวี๋

ฤดูลี่ชิว ประมาณวันที่ 8 สิงหาคม เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง
จวี๋ฮวา ดอกเบญจมาศ ที่มาของชื่อสือจวี๋
久 จิ่ว แปลว่า ยาวนาน ส่วนจวี๋ฮวา 菊 ออกเสียงคล้ายกับคำว่า 居จวี แปลว่า บ้าน,ยังคงอยู่

Komento sa Aklat (6)

  • avatar
    mustafaareef

    good

    31/08

      0
  • avatar
    สุภาพรฯ สิงห์คำ

    ชอบค่ะ

    24/05

      0
  • avatar
    น้อยอิอิหลอด

    DD you

    18/05

      0
  • Tingnan Lahat

Mga Kaugnay na Kabanata

Mga Pinakabagong Kabanata