logo
logo-text

I-download ang aklat na ito sa loob ng app

หญิงหม้ายบ้านสือ

หญิงหม้ายบ้านสือ

กะรัต


1

...มึนหัวจัง
หวังจิ่วชิงลืมตามองเพดานเหนือที่นอนหลายนาทีแล้ว เธอรู้สึกชาหนึบตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นมาจนถึงแผ่นหลังซึ่งชุ่มด้วยเหงื่อจนรับรู้ได้ถึงไอร้อนสะสม อาจเพราะไม่ได้ขยับตัวคล้ายกับว่าเธอนอนนิ่งอยู่บนนี้มาพักใหญ่
กี่วันกันล่ะ...
ภาพจำแรกที่วาบเข้ามาในหัวตอนลืมตาตื่นก็คือกำลังนั่งอยู่ในรถโดยสารบนเส้นทางลงเขา สภาพอากาศนอกหน้าต่างค่อนข้างเลวร้าย ฝนตกหนัก ฟ้าแลบฟ้าผ่าจนเธอต้องหยีตาและสะดุ้งตัวบ่อยครั้ง
ตอนนั้นประมาณบ่ายสาม เธอกลับจากไหว้พระพุทธรูปเก่าแก่ที่วัดบนเขาเพื่อขอพรหลังจากได้รับเมลนัดสัมภาษณ์งานใหม่ รถคันนั้นกำลังพาเธอกับอีกหลายชีวิตมุ่งเข้าสู่ตัวเมือง จุดหมายแรกจะไปเยือนค่ำนั้นคือเอาหนังสือนิยายที่เสี่ยวหนิงฝากซื้อไปให้พร้อมกับกินมื้อค่ำร่วมกัน นี่เป็นนัดแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอจะได้เจอหนูน้อยรั่วรั่ว ลูกสาววัยหนึ่งขวบของเพื่อน
‘ออกจากบ้านอย่าลืมหยิบจ้าวต่งหมิงมาด้วย และขอบคุณล่วงหน้ากับถุงเครื่องรางที่จะเอามาให้รั่วรั่ว’
พวกเธอต่างก็เป็นคอนิยายนักอ่านตัวยงด้วยกันทั้งคู่ แต่เสี่ยว หนิงเน้นอ่านแบบออนไลน์ แม่บ้านที่ต้องดูแลลูกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแทบไม่ได้ออกไปไกลเกินกว่าซูเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน เพราะเธอบอกเพื่อนเรื่องจะสั่งนิยายเอาส่วนลด นิยายเรื่องจ้าวต่งหมิงยอดบุรุษแดนศุภะจึงถูกรวมเข้ามาในลิสต์
‘ลองเปิดอ่านก่อนก็ได้นะ ส่วนนั้นฉันอ่านแล้ว แค่อยากเก็บเล่มไว้ เห็นว่าพิมพ์น้อย อนาคตมันน่าจะแรร์ เนี่ยรอเสี่ยวโต้วมาอัปส่วนของเล่มสาม หลายวันแล้วไม่เห็นเขามาสักที หรือจะรอพิมพ์เล่มสองเสร็จก่อน’
‘เรื่องที่อ่านไปด่าไปน่ะเหรอ’
‘เพราะมันมีจุดที่ไม่ได้ดั่งใจไง พระเอกเก่งเกิ้น อะไรก็ง่ายหมด หันไปทางไหนก็มีแต่คนรักคนช่วย ฉันสงสารฝั่งตัวร้าย เสี่ยวโต้ว กลั่นแกล้งตัวละครของเขาเกินไปแล้ว คนไม่ได้อยากจะร้าย แต่ต้อนซะจนมุมไร้หนทางขนาดนั้น ฉันเลยอยากรู้จุดจบของเฉิงจื้อเร็วๆ จะได้ร่างคำพิมพ์ด่านักเขียนอีก ที่เขาไม่มาอัปนิยายต่อคิดว่าคงเมาคำด่าอยู่แน่ๆ’
‘สรุปว่าด่าไปแล้วหนึ่งรอบ’
‘แน่อยู่แล้ว’
เสี่ยวหนิงจะรู้หรือยังนะว่าเธอเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางกลับบ้าน นอกจากรถลื่นไถล ในหัวของเธอยังเห็นภาพมวลน้ำมหาศาลอัดกระแทกเข้าตัว รู้สึกถึงความทรมานตอนน้ำและฝุ่นดินเข้าปากเข้าจมูก ตอนทั้งร่างจมลงไปรอบตัวมีแต่ความมืดดำ
รถตกเขาทำไมถึงรู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ...
หวังจิ่วชิงยกแขนขึ้นเสมอสายตา อวัยวะทั้งสองข้างไม่มีบาดแผล หญิงสาวพลิกขยับตัว แก้มสัมผัสถึงกลุ่มเส้นผมยาวสยายทั้งที่ตัวเธอซอยผมสั้นระแค่ต้นคอ
ขณะมีคำถามเกิดขึ้นว่าเพราะอะไร...ทำไม แสงสว่างก็สาดเข้ามาในห้อง หญิงสาวหยีตารับแสงที่กระทบหน้ากะทันหัน ตรงช่องประตูมีร่างหนึ่งเลิกแนวม่านแล้วเดินตรงมายังเธอ
ผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบปีมวยผมปักปิ่นไม้พอลวกๆ สวมชุดยาวสีน้ำตาลตุ่นๆ ชุดลักษณะนี้เธอเคยเห็นนักแสดงรับบทชาวบ้านสวมใส่ในซีรี่ส์ย้อนยุคหรือแถวโรงถ่ายที่เคยไปเที่ยว มองอย่างไรก็ไม่ใช่หมอหรือพยาบาล
“รู้สึกตัวแล้วหรือเสี่ยวจวี๋” เจ้าของส่วนสูงไม่เกินหนึ่งร้อยห้าสิบเซนฯ ขยับไปแง้มหน้าต่างพอให้แสงลอดเข้ามาในห้องมากขึ้น
“เอ่อ...” หวังจิ่วชิงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มคำถามไหนก่อนดี ตอนนี้เธอเห็นสภาพห้องที่ตัวเองนอนอยู่เต็มสองตา
...ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่ๆ
อีกคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็คือทำไมคุณป้าเรียกเธอว่า...เสี่ยวจวี๋
“คุณป้าคะ”
“ใช่ป้าที่ไหนกันเล่า เจ้าพูดจาแปลกๆ นะเสี่ยวจวี๋”
“...”
“ทำหน้าเหมือนจำชื่อตัวเองไม่ได้” มือสากกร้านยื่นไปแตะตรงแขนของหญิงสาว แล้วอีกคนก็สะดุ้งตัวรีบขยับหนีสัมผัสของนาง
“เจ้าปลอดภัยแล้วนะ ไม่ต้องกลัว จำได้หรือไม่ว่าเจ้าน่ะจมน้ำเพราะเรือล่มก่อนจะเทียบท่า โชคดีมีคนช่วยทัน เจ้าหมดสติไปสองวันแล้วรู้ไหม ตอนนี้หิวหรือไม่”
จมน้ำ...หมดสติสองวัน พูดอะไรไม่เห็นเข้าใจ เธอนั่งอยู่ในรถโดยสารไม่ได้ลงเรือลงน้ำที่ไหนสักหน่อย
“คุณ...” จู่ๆ ก็มีถ้อยคำแวบเข้ามาพร้อมกับภาพตัดเป็นชอตๆ เหมือนว่าเธอกับคุณป้าคนนี้มีความคุ้นเคยกันดี “ท่านย่าหลิน...”
“ใช่น่ะสิ จากกันแค่ไม่กี่ปี จะจำข้าไม่ได้แล้วรึ เจ้าได้สติข้าก็ค่อยโล่งใจ นึกว่าบ้านสือจะไม่เหลือใครแล้ว” นางหลินเหวินแตะมือลงบนหลังมือสตรีที่นั่งบนเตียงเป็นเชิงปลอบประโลม
บ้านสือ...สือจวี๋
มีคนเรียกชื่อนี้อยู่ในหัวของเธอ
หวังจิ่วชิงหลับตาลง ความปวดมึนลามแล่นทั้งหัวขึ้นมาเสียดื้อๆ หลากหลายเหตุการณ์เหมือนถูกถ่ายเป็นภาพนิ่งผุดวาบขึ้นถี่ๆ นับจำนวนครั้งไม่ได้
“ปวดหัวใช่ไหม ยังตกใจอยู่ล่ะสิ ลงนอนเถอะ เดี๋ยวข้าไปต้มข้าวมาให้ กินอะไรอุ่นๆ รองท้องแล้วค่อยนอนต่อ ได้สติพูดคุยกันรู้เรื่องแบบนี้ข้าค่อยเบาใจหน่อย เจ้าต้องบำรุงตัวเองอีกมากเลยนะเสี่ยวจวี๋ ทำไมปล่อยตัวจนผ่ายผอมดูอมโรคได้ขนาดนี้ ถ้าเจ้าแข็งแรง ลูกในท้องก็จะแข็งแรงด้วยรู้ไหม”
“ลูก...ลูกใคร”
สีหน้าตื่นตกใจบวกสายตาสับสนของสือจวี๋ บีบคั้นความรู้สึกเวทนาของนางหลินเหวินจนต้องยกมือป้ายหยดน้ำตรงหัวตา
“เด็กโง่เอ้ย นี่เจ้ายังไม่รู้สินะ ท่านหมอเวินที่มาดูอาการเจ้ากับอาเจ๋อ เขาบอกว่าเจ้าตั้งท้องได้สองเดือนแล้ว”

Komento sa Aklat (6)

  • avatar
    mustafaareef

    good

    31/08

      0
  • avatar
    สุภาพรฯ สิงห์คำ

    ชอบค่ะ

    24/05

      0
  • avatar
    น้อยอิอิหลอด

    DD you

    18/05

      0
  • Tingnan Lahat

Mga Kaugnay na Kabanata

Mga Pinakabagong Kabanata