“บ่าวคิดว่าหากคุณชายรองออกมาชมจันทร์ ถ้าคุณหนูยังไม่หลับ ก็น่าจะออกไปเป็นเพื่อนเขาที่หอจันทร์กระจ่างบ้างนะเจ้าคะ หรือไม่เราก็หาจังหวะออกไปก่อน ถ้าเจอเขา ก็ชวนเขาอยู่ชมจันทร์ด้วยกัน คุณชายรองคงไม่ปฏิเสธคุณหนูแน่เจ้าค่ะ”นางลืมคิดเรื่องนี้ได้อย่างไรไม่แน่หากพักฟื้นจนร่างกายดีแล้ว ชายหนุ่มอาจจะออกจากจวนด้วยเรื่องงานจนเหินห่างจากนางไปในที่สุด ในเมื่อยังมีโอกาส เขาไม่เข้ามา นางก็ต้องเป็นฝ่ายเข้าไปหาเขาเอง!แต่... “จะดีหรือเหมยเหม่ย ข้าไม่อยากถูกมองเป็นหญิงไร้ยางอาย”“หากคุณหนูกังวลเรื่องไม่เหมาะสม บ่าวยืนยันเลยว่าไม่เป็นเรื่องน่าเกลียดสักนิด ในเมื่อคนในจวนก็เหมือนรู้กันอยู่ว่าคุณหนูกับคุณชายรองต้องแต่งงานกันในสักวัน อีกทั้งบ่าวก็อยู่ใกล้ๆ ลองมีคนพูดร้ายสิเจ้าคะ เรื่องถึงหูนายหญิงเมื่อไร นายหญิงไม่เลี้ยงพวกปากพล่อยไว้ในจวนอีกแน่”ด้วยแรงยุของเหมยเหม่ยและความต้องการของหัวใจ คืนถัดมา ฉงอวี้หลิงจึงเอ่ยปากชวนเผิงเซิ่งอี้ออกไปนั่งชมจันทร์ โดยนางตุ๋นน้ำแกงไปให้เขาดื่มบนหอจันทร์กระจ่าง สาวใช้คนสนิทก็นกรู้ นางยืนอยู่ใกล้ๆ สักพักก็ทำทีปลีกตัวเลือนหายไปกับความมืดมิดของราตรีคุยกันเรื่อยเปื่อยได้สักพัก ล้วนแต่เป็นเรื่องสมัยเมื่อตอนทั้งสองเป็นเด็ก จู่ๆ เผิงเซิ่งอี้ก็ถามหญิงสาวขึ้นมา“คลับคล้ายคลับคลาว่ามีคนเรียกข้าว่าพี่ต้าเผิง เจ้าพอจะเคยได้ยินใครสักคนในจวนเรียกข้าเช่นนี้หรือไม่”“ไม่มีนี่” นางตอบโดยไม่เสียเวลาคิดด้วยซ้ำ “ผู้ใดจะกล้าเรียกนายน้อยจวนแม่ทัพเผิงสนิทปากได้เช่นนั้น หรือพี่เซิ่งอี้จำอะไรได้บ้างแล้ว”เผิงเซิ่งอี้ส่ายหน้า“หรืออาจจะเป็นพวกทหารในกอง” หญิงสาวคาดคะเนเท่าที่จำได้...ไม่มี และเสียงที่ติดริมหูก็ไม่ใช่เสียงผู้ชาย เผิงเซิ่งอี้ยิ้มให้ฉงอวี้หลิงที่พยายามจะช่วยเขาหาคำตอบ“ช่างมันเถอะ หลังอุบัติเหตุข้าอาจฝันเลอะเลือนไปบ้าง” ชายหนุ่มผินหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า วันมะรืนพระจันทร์จะเต็มดวง“ท่านยังไม่ล้มเลิกหาคำตอบช่วงที่ท่านหายตัวไปอีกหรือ นั่นจะยิ่งทำให้ท่านปวดหัวนะ” ดูท่าว่าหากความทรงจำไม่กลับคืนมาทั้งหมด ชายหนุ่มก็ไม่มีใจคิดเรื่องอื่น รวมถึงเรื่องแต่งงาน ขนาดองค์จักรพรรดิประทานเวลาพักฟื้นให้ เขาก็มักออกจากจวนไปยังสนามฝึกกำลังพลนอกประตูกิเลนต้านอัคนี หากอยู่ในจวนก็มักไปขลุกอยู่กับท่านย่าของเขา ภายในจวน นางเข้าหาเขาได้ไม่ยาก หากแต่นอกจวนก็ยากจะตามติด“ในทางกลับกันนะเสี่ยวฉง หากเจ้าสูญเสียความทรงจำในช่วงที่หายออกจากบ้านไปนานสองเดือน เจ้าไม่อยากจะรู้เลยหรือว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตเจ้าในช่วงนั้นบ้าง เคยทำเรื่องใดกับใคร มีหนี้แค้น มีบุญคุณที่ต้องชำระคืนหรือไม่”ทันทีที่ก้อนหินกระทบผิวน้ำ ย่อมมีเสียงและเกิดคลื่นแผ่เป็นวงรอบ ทุกลมหายใจของคนผู้หนึ่งนั่นย่อมส่งผลให้เกิดเหตุการณ์อันกระทบกับผู้อื่นได้เช่นกัน“เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก ก่อนพยักหน้ายอมรับว่านางก็อาจจะเป็นเช่นเขา “แต่ว่าการพยายามคิดถึงเรื่องนั้นทำให้ท่านอาการแย่ลง มันก็ไม่ดีไม่ใช่หรือ ในเมื่อท่านปลอดภัยดีแล้ว อยู่ที่นี่แล้ว จะคิดถึงเรื่องนั้นอีกทำไม สู้รอให้เวลาผ่านไป สักวัน ท่านย่อมจดจำเรื่องทั้งหมดได้แน่”สักวันที่ว่ามันจะมาถึงเมื่อไร หากไม่ใช่เพราะเสียงเพรียกหาอย่างอาลัยอาวรณ์นั่นแล้ว เขาคงมองไปยังอนาคตเบื้องหน้าไม่วนเวียนหวนระลึกถึงช่วงเวลาชีวิตที่หายไปอยู่อย่างนี้“หรือพี่เซิ่งอี้ยังเสียดายที่ป้ายหยกประจำตัวของท่านหายไป”“นั่นก็มีส่วน” “ถ้ามีคนขายมัน หยกมันแพะ ลักษณะพิเศษเช่นนั้นย่อมกลายเป็นของสะสมล้ำค่าของใครสักคน อย่างนี้ดีไหม เราก็ส่งประกาศตามหาป้ายหยกตามโรงรับจำนำหรือร้านรับซื้อชื่อดังของแต่ละเมือง นั่นอาจจะทำให้เรารู้ไปถึงต้นตอคนที่ได้หยกชิ้นนี้มาก็ได้” เรื่องของชายหนุ่มย่อมรวมเป็นเรื่องของนางด้วย ฉงอวี้หลิงจึงเน้นย้ำคำว่า ‘เรา’ หมายให้เขารู้ความในใจนางมากขึ้น ว่าทุกเรื่องทุกข์ร้อนของเขา นางไม่เคยนิ่งดูดายในดวงตาคมกล้ามีประกายความหวังวูบหนึ่ง เขาลืมคิดถึงเรื่องนี้ได้อย่างไร “ขอบใจเจ้ามากนะเสี่ยวฉง”เรียวปากอิ่มเต็มยกยิ้ม รู้สึกดีที่ตัวนางทำให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้น “อวี้เอ๋อร์ยินดีทำเพื่อท่าน...ทุกอย่าง ขอเพียงท่านมีความสุขและรู้สึกดี”ในส่วนลึกของจิตใจ เผิงเซิ่งอี้รู้สึกผิดต่อหญิงสาว แม้นางดีกับเขามากมายเพียงไร แต่เขาไม่สามารถตอบแทนน้ำใจนางได้ด้วยการแต่งงาน ชายหนุ่มจึงตบมือเบาๆ ลงบนหลังมือของนาง“เจ้าเป็นน้องสาวที่ดีของข้าเสมอ”นางไม่ต้องการเป็นเพียงน้องสาวของเขา!“หากอวี้เอ๋อร์ไม่อยากเป็นเพียงน้องสาวเล่า” ความเจ็บปวดเป็นแรงผลักดันให้นางกล้าเอ่ยถาม “อวี้เอ๋อร์ยอมเป็นรองก็ได้ เพียงแค่พี่เซิ่งอี้เปิดโอกาสให้อวี้เอ๋อร์ได้อยู่ดูแลปรนนิบัติท่าน”“ข้าไม่อยากทำร้ายเจ้านะเสี่ยวฉง เจ้าเป็นผู้หญิงที่ดี ควรได้รักกับผู้ชายที่พร้อมดูแลเจ้า” เผิงเซิ่งอี้ลุกขึ้นเพื่อจะกลับห้อง ฉงอวี้หลิงก็เลยถลันกายเข้ามาสวมกอดแล้วซบหน้ากับอกเขา“อวี้เอ๋อร์ต้องการเพียงท่านนะ นอกจากท่านแล้ว อวี้เอ๋อร์จะไม่รักใครทั้งนั้น”น้ำเสียงเว้าวอน เรือนร่างหอมกรุ่นนุ่มนวลที่แนบชิด ไม่ได้ทำให้จิตใจชายหนุ่มเตลิดเพริดไป เพราะฉงอวี้หลิงในใจเขานั้น ฐานะหยั่งรากลึกเพียงน้องสาวที่ควรปกป้องเอ็นดู เขาพยายามจะดันร่างนางออก “ข้ายังไม่พร้อม”“พี่เซิ่งอี้รอใครอยู่อย่างนั้นหรือ ทำไมถึงเป็นอวี้เอ๋อร์ไม่ได้” หยาดน้ำตาจากความเสียใจเริ่มไหลริน ฉงอวี้หลิงเงยหน้าถามชายหนุ่มพร้อมตัดพ้อ“ข้าไม่ได้รอใครทั้งนั้น เพียงแต่ข้าไม่ได้รักเจ้าในทำนองนั้น”เขาไม่รักนาง!อย่างไรก็ไม่มีวันรักกระนั้นหรือ!ความปวดร้าวในดวงตาคู่สวยทำให้เผิงเซิ่งอี้รู้สึกปวดใจพอกัน เขาไม่มีเจตนาหักหาญน้ำใจนาง แต่ตอนนี้ก็ฝืนใจตัวเองไม่ได้เช่นกัน การแต่งงานต้องเริ่มต้นที่ความรักของคู่บ่าวสาวไม่ใช่หรือไร “ท่านป้าต้องการยกอวี้เอ๋อร์ให้ท่าน ไม่เกินสิ้นปีนี้แล้ว”“เจ้าไม่ได้รักข้าหรอกเสี่ยวฉง ที่เจ้าหวั่นไหวก็เป็นเพียงความใกล้ชิดและผูกพันเท่านั้น ลองคิดทบทวนให้ดีๆ”“อวี้เอ๋อร์คิดดีแล้ว มั่นใจแล้วว่าหัวใจมีเพียงพี่เซิ่งอี้”ชีวิตคู่อยู่กันจนแก่เฒ่า จะอาศัยความมั่นใจแต่เพียงฝ่ายเดียวได้อย่างไร ชายอื่นอาจจะได้ แต่ตัวเขานี้...ไม่!“ข้าจะคุยกับท่านแม่ เจ้าจะมีความสุขมากกว่าถ้าได้อยู่กับคนที่รักเจ้า” เผิงเซิ่งอี้ประคองสองไหล่บอบบางของหญิงสาว เอ่ยความจริงใจออกมาเพื่อให้นางยอมรับความจริงความสุขของนางคือการได้เป็นฟูเหรินของเขา ถ้าหากเขามีหญิงคนรักอยู่แล้วก็ว่าไปอย่าง หญิงสาวครุ่นคิด หญิงคนรัก! จริงสิ...หรือการที่ชายหนุ่มปฏิเสธนางจะเกี่ยวกับเชือกถักนั่น ของแทนใจคู่รักมีอยู่ไม่กี่สิ่ง ป้ายหยก เชือกถัก ปิ่นปักผม วันที่ชายหนุ่มกลับมาจวนสกุลเผิง ข้าวของที่อยู่ในห่อสัมภาระส่วนตัวซึ่งนายทหารมอบให้มารดาของเขา นอกจากเสื้อผ้าหนึ่งชุดแล้ว ยังมีเชือกถักลายปลาคู่อยู่เส้นหนึ่งหรือความทรงจำที่ขาดหายของเขาจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของเชือกถักเส้นนั้น ชายหนุ่มถึงได้พยายามรื้อฟื้นความทรงจำช่วงสองเดือนกว่านักพี่เซิ่งอี้มีหญิงอื่นในดวงใจที่ไม่ใช่นาง! เพียงแต่เขายังจดจำมันไม่ได้เท่านั้นเอง หากความทรงจำของเขากลับมา ก็ไม่มีทางที่มารดาของเขาจะยัดเยียดนางเพื่อแทนผู้หญิงคนนั้นได้ ทางที่ดีเรื่องแต่งงานระหว่างนางกับเขา ต้องเกิดขึ้นก่อนชายหนุ่มจะฟื้นความทรงจำได้ทั้งหมด และนางต้องไม่ให้เขารู้เรื่องเชือกถักเส้นนั้นเป็นอันขาด!
ชอบมากๆค่ะ
25/05
0สนุก
11/11
0ดูทั้งหมด