logo
logo-text

ดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ภายในแอพ

ยอดพธูจอมทัพ

ยอดพธูจอมทัพ

กะรัต


1

ราตรีซึ่งฟ้าสลัวไร้ดวงดาว จันทร์เสี้ยวเดียวดายบนนภาเสียงเกือกม้ากระทบผืนดินดังกึกก้อง ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บของเหมันต์ สองมือของเผิงเซิ่งอี้กำเชือกบังเหียนควบม้าวิ่งตะบึงราวสายฟ้าฟาด ใจรุมร้อนดั่งไฟสุมขอนกับจดหมายแจ้งข่าวร้ายว่าท่านย่าของเขาสิ้นใจแล้ว
ทัพหลวงของหมิงอานเพิ่งมีชัยเหนือหนานลู่ ความดีใจคงอยู่เพียงครู่เวลาหนึ่งกลับต้องพานพบเจอเรื่องร้ายกะทันหัน สายตาเด็ดเดี่ยวของ แม่ทัพสกุลเผิงจดจ้องไปบนเส้นทางที่ไร้จุดหมายท่ามกลางค่ำคืนมืดดำ ปุยหิมะลอยล่อง กระไอเย็นเสียดลึกแทงใจทว่ามิอาจเทียบเท่าความเจ็บปวดแห่งการสูญเสียครั้งนี้ได้
ชายชาติทหารออกทำศึกไม่อาจรับประกันว่าจะมีชีวิตรอดกลับไป
แต่เผิงเอ้อร์ชนะศึกจวนจะได้กลับบ้านอยู่แล้ว ไฉนเลยท่านย่าไม่รอเผิงเอ้อร์เล่า!
ความตายของคนซึ่งรักยิ่งส่งผลให้น้ำตาหยดหนึ่งถูกกลั่นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
ขณะใจจดจ่ออยู่กับบุคคลทางบ้าน เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังฝ่าความสงัดเงียบกลางขุนเขาเข้ามาในโสตประสาท นายทหารติดตาม ผู้หนึ่งตกจากหลังม้า
“พวกเราถูกลอบโจมตี!” อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น
เขาและผู้ติดตามควบม้าออกจากเขตแดนหลานลู่อย่างเป็นความลับ เวลากระชั้นชิดไม่มีคนนอกล่วงรู้แน่ว่าพวกเขาจะมุ่งตรงไปยังที่ใด
ขณะกำลังคิดเป็นกังวล ธนูดอกหนึ่งเฉียดผ่านหน้าของเผิงเซิ่งอี้ ชายหนุ่มตะโกนท่ามกลางความมืดมิดจันทร์อับแสง “ไปให้ถึงเมืองไท่ซา!”
เส้นทางร้างไร้ผู้คน กำลังพลตามของเขาเหลือแค่สองนาย กองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ไล่หลังก็ไม่สามารถคาดเดาได้ว่ามากน้อยเพียงไร เผิงเซิ่งอี้มือหนึ่งกุมบังเหียน มือหนึ่งชักกระบี่ข้างเอวขึ้นมาเตรียมพร้อม ควบม้าหนีได้ระยะอีกเพียงอึดใจ เขาและผู้ติดตามก็ต้องดึงเชือกรั้งคอม้าศึกให้หยุดเพราะมีกลุ่มคนชุดดำนั่งบนหลังม้าขวางทางอยู่
สายตาคมดุจอินทรีสอดส่องหาช่องทางหลบหนี คนน้อยย่อมไม่เป็นการดีที่จะปะทะโดยตรง เผิงเซิ่งอี้ส่งสัญญาณให้นายทหารสองนายแยกกันหลบหนี พลุไฟในมือผู้ติดตามถูกจุดขึ้นบังเกิดแสงสว่างสีส้มดวงใหญ่บนท้องฟ้าพอให้เห็นเส้นทางรอบด้าน ไม่รอช้า แม่ทัพหนุ่มรีบควบม้าศึกตะลุยเข้าไปในป่าสนข้างทาง
เสียงสั่งให้ฆ่าหมายซึ่งชีวิตดังระงมแนวป่า นกกาบนต้นสนสูงหวาดบินดังไปทั้งทิวเขา ด้วยความเร็วที่ควบบังคับม้าไปตามเส้นทางคดเคี้ยวทำให้ลูกธนูหลายดอกพลาดเป้า กระทั่งเวลาต่อมาเผิงเซิ่งอี้ก็พ้นจากเขตป่าสน คมอาวุธในมือปะทะฟาดฟันใส่ผู้ประสงค์ร้ายที่ติดตามไม่ลดละ
จนเมื่อสี่เท้าของม้าย่ำย่างมาถึงสุดเขตพสุธา ลูกดอกของไม้หน้าสามดอกหนึ่งก็แหวกอากาศพุ่งเข้ากลางอกเผิงเซิ่งอี้ แรงปะทะทำให้เจ้าของร่างสูงพลิกพลัดตกจากหลังม้ากลิ้งตัวลงมาตามลาดไหล่เขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะจับเป็นก้อนน้ำแข็ง คมดาบครูดลากบนแผ่นน้ำแข็งเป็นทางยาวหวังให้เป็นหลักยึด ทว่าไม่เป็นผล เมื่อร่างสูงใหญ่กระแทกเข้ากับหินก้อนหนึ่งโดยแรง สติสัมปชัญญะที่เคยมีดับวูบลงพลัน...
หิมะ...มองไปทิศทางไหนล้วนมีแต่สีขาวพราวพร่างของหิมะไกลสุดลูกลูกตา นี่คือฤดูกาลของความอ้างว้าง แม้แต่สัตว์ก็ยังต้องจำศีล ต้นไม้ใบหญ้าก็ล้วนแห้งเหี่ยวซุกซ่อนเหง้าหัวตัวตนใต้ผืนดิน ตะวันเบื้องบนให้แสงแดดอ่อนจาง ความอบอุ่นดูจะห่างไกลจากทั่วถิ่นบริเวณนี้ไปสักระยะใหญ่
“เฮ้อ...” ฟังเยว่ฉิวระบายลมหายใจอุ่นออกมาจนเกิดเป็นควันสีขาว อย่างไรไม่รู้ได้ เช้านี้ใจนางร่ำร้องให้คว้าเสื้อขนสัตว์ออกมาจากกระท่อมและมุ่งตรงมายังเขาลูกนี้ แม้ท่านพ่อออกปากทักท้วงแล้วก็ตามที
‘หิมะยังตก เจ้าจะออกไปทำไมรึ’
‘เยว่เอ๋อร์จะไปหาบัวหิมะ ท่านพ่ออย่าห้ามเยว่เอ๋อร์เลย ออกไปสิบวัน เยว่เอ๋อร์เจอบัวหิมะแค่สองต้น ฤดูหนาวยาวนานเช่นนี้ขืนอยู่แต่ในกระท่อมก็เสียเวลาเปล่า ได้บัวหิมะมาทำยาให้ท่านพ่อแล้วยังสามารถเก็บไว้ขายได้อีก เยว่เอ๋อร์ไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่’
ฟังเยว่ฉิวออกจากกระท่อมด้วยความหวังเต็มเปี่ยมว่าจะเจอบัวหิมะอีกสักต้นสองต้น และสิ่งที่นางต้องการก็สมดั่งใจคิด เมื่อเดินจนร่างกายอุ่นร้อนด้วยหยดเหงื่อ นางพบหินก้อนใหญ่ซึ่งหิมะปกคลุมแทบจะมิด บนรอยแตกของหินนั้นมีสมุนไพรชั้นเลิศชูก้านอวดดอกสีขาวดุจเกล็ดหิมะท้าลมหนาว
อารามดีใจหญิงสาวจึงก้าวอย่างรวดเร็วมุ่งตรงไปเบื้องหน้าทว่าก้าวขายังไม่ถึงจุดหมายก็ถลาล้มลงกับพื้นเพราะสะดุดเข้ากับสิ่งหนึ่ง
ไม่ใช่กองผ้า ไม่ใช่สัตว์ป่า แต่เป็นคนผู้หนึ่งที่ถูกหิมะคลุมร่างแทบมิด นางรีบคู้ขาขดคืนมาแนบอกอุ่น
ฟังเยว่ฉิวไม่เคยเห็นคนตายมาก่อน ภาพตรงหน้าจึงสร้างความตกตะลึงพรึงเพริดยิ่ง
ถ้าหากคนผู้นี้ยังไม่ตายเล่า และอาจจะตายจริงๆ ก็ได้หากนางไม่สนใจจะช่วย คิดดังนั้นแล้วฟังเยว่ฉิวจึงรีบใช้มือปัดหิมะบนตัวคนผู้นั้นออก
ผู้ชาย...ตัวเขาเย็นชืด ทั้งร่างคล้ายถูกแช่แข็ง ทว่ายังมีเสียงของลมหายใจแผ่วพลิ้ว หญิงสาวรีบพลิกร่างเขาขึ้นมาจึงพบโลหิตแดงฉานย้อมหิมะจนจับตัวแข็ง บนอกของชายหนุ่มมีบาดแผลถูกยิงด้วยหน้าไม้ซึ่งหักคาอยู่ ใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่ก็ไม่อาจบดบังความคมคายสมชายชาตรีของเขาไปได้
“ท่าน...” นางเขย่าและเรียกเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้สติ จึงใช้อุ้งมืออุ่นสองข้างทาบไปยังสองแก้มคมสันหวังเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ดวงหน้าซึ่งไร้สีเลือด
“ท่านจะตายไม่ได้ รู้สึกตัวสิ” ฟังเยว่ฉิวยังเรียกขานและเขย่าร่างของชายหนุ่มไม่หยุด นานเท่าไรแล้วที่เขานอนหมดสติอยู่ที่นี่ หญิงสาวกวาดตามองรอบบริเวณ ในหัวเร่งคิดหาหนทางจะช่วยชีวิตชายแปลกหน้า
จู่ๆ ปุยหิมะก็ตกจากฟากฟ้าอย่างต่อเนื่องราวอยากกลั่นแกล้งเขาให้สิ้นลม ด้วยความร้อนใจว่าร่างกายเขาจะทานทนความหนาวเหน็บได้อีกไม่นาน ฟังเยว่ฉิวจึงลากร่างสูงใหญ่ด้วยกำลังที่มีทั้งหมดเข้าไปอิงแนบกับหินก้อนใหญ่ นางถอดเสื้อคลุมขนสัตว์ของตนเองห่มร่างเขาไว้ แล้วหากิ่งไม้มาถมทับเพื่อป้องกันสัตว์ป่าที่อาจจะมาทำร้ายเขาได้ อีกทั้งช่วยกันความเย็นยะเยือกของหิมะที่ตกมากระทบ นางจะกลับไปขอความช่วยเหลือจากท่านพ่อ ขืนช้ากว่านี้ บุรุษรูปงามซึ่งนางพานพบด้วยความบังเอิญเพราะมุ่งหวังจะเก็บบัวหิมะคงมีแต่ร่างไร้ลมหายใจแน่แท้
นางต้องช่วยเขา...
เมื่อฟ้าลิขิตให้นางได้พบเขา...เขาจะต้องไม่ตาย!

บัวหิมะในที่นี้หมายถึงบัวหิมะที่เป็นดอกสีขาว (เสวี่ยเหลียน) เป็นพืชล้มลุกอายุประมาณ ๕-๖ ปี ใบห่อยอดคล้ายผักกาดหอม ลำต้นสูงประมาณ ๑๕-๓๕ เซนติเมตร ลำต้นใต้ดินเป็นแบบเหง้า เจริญได้ดีในสภาพอากาศหนาวเย็น จะแทรกขึ้นอยู่ตามร่องหิน โขดหินและไหล่เขา ดอกบัวหิมะมีรสขมเล็กน้อย ป้องกันอาการไข้ ขับสารพิษ ลดอาการเจ็บปวด บำรุงเลือด ฟื้นฟูสภาพไต และ เป็นยาอายุวัฒนะ ปรับความสมดุลของร่างกาย

หนังสือแสดงความคิดเห็น (2)

  • avatar
    สุภาพรฯ สิงห์คำ

    ชอบมากๆค่ะ

    25/05

      0
  • avatar
    ศุภกิจ ปิ่นเกตุ

    สนุก

    11/11

      0
  • ดูทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด