06ส่งไปให้ถึงเธอ“นี่หลับแล้วเหรอ” ผมเอยถามคนที่นอนอยู่ข้างกายโดยไม่ได้หันไปมอง “ยังเหรอก” “จริงๆ ให้เราลงไปนอนข้างล่างก็ได้นะ นอนพื้นก็ยังได้” “ไม่เป็นไร เราไม่ซีเรียสกับเรื่องหยุมหยิมพวกนี้เหรอก” ผมหันหน้าไปมองไมล์ ใบหน้านิ่งเรียบไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด สายตาของเธอจับจ้องไปยังเพดานห้อง ผมได้แต่ครุ่นคิดว่าภายใต้ใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์นั่นกำลังคิดถึงสิ่งใดกันแน่ คนข้างกายเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่จึงนอนตะแคงข้างมาทางผม ดวงตาคู่สวยสบมองผมเนิ่นนานก่อนจะเอื้อนเอ่ยบางอย่าง “ตอนที่ไปเรียนมหา’ลัยแรกๆ เราได้เจอกับคนคนหนึ่ง เขาคนนั้นคล้ายแกมากเลย” “งั้นเหรอ” “คล้ายมากจนเราเผลอรู้สึกดีด้วยเลยแหละ พวกเราเหมือนแฟนกันมากเลยนะ เขาก็ปฏิบัติกับเราเหมือนคนรัก เพียงแต่ว่า แค่เฉพาะตอนที่อยู่ด้วยกันสองคนเท่านั้น” “ก็ดีไม่ใช่เเหรอ” “จะว่าดีมันก็นะ... ดีแหละ ถ้าอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆเขาแสดงออกไปกกว่านี้บ้าง ไม่ใช่ท่าทีห่างเหินกับเราอย่างกับคนที่ไม่สนิท” “...”“จนเราไม่แน่ใจซะแล้วล่ะ ว่าจะมีใครที่ชัดเจนกับเราบ้างไหม เราไม่อยากจะเผลอใจให้ใครเพราะเราไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอย่างที่คนอื่นเข้าใจซะหน่อย เฮ้เราก็เป็นคนหนึ่งที่มีความรู้สึกนะ” น้ำตาเอ่อคลอรอบดวงตาเธอกระทั่งมันท่วมล้นทะลักออกไปดั่งสายน้ำ ผมไม่รู้ว่าไมล์ไปเจอกับผู้คนแบบไหน เขาคนนั้นที่เธอพูดถึงเป็นคนยังไง ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องปลอบประโลมให้เธอคลายความทุกข์ใจออกไปอย่างไร ผมไม่เคยแม้แต่จะสนใจว่าเธอต้องพบเจอกับอะไร ไมล์เองก็มีความเศร้าในใจที่ปิดบังไว้ภายใต้รอยยิ้มอันสดใสงั้นเหรอ... บ้าซะจริง ที่เพิ่งจะมารู้ตัวเอาปานนี้ราวกับเรื่องนี้มันจงใจตอกย้ำความเสียใจที่ไมล์ได้รับจากผม ครั้งที่เคยปฏิเสธเธอไป“ที่น่าแปลกใจก็คือ เราไม่เคยรู้สึกดีกับใครไปมากกว่าแกเลยอ่ะ” เธอพูดประโยคนั่นออกไปด้วยรอยยิ้มแม้ว่าน้ำตายังคงไม่หยุดไหล ไมล์คว้ามือผมไปแนบไว้กับแก้มอันอบอุ่น ไม่สิ ความจริงมันร้อนฉ่าต่างหาก ถ้าให้ผมเดาใบหน้านั้นคงจะแดงก่ำด้วยความเขินอายผมดีใจนะ ที่เธอยังคงรู้สึกดีกับผมมากกว่าใคร ทว่าระหว่างเราก็ยังคงมีกำแพงบางๆซ่อนเอาไว้อยู่ และผมไม่อยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว“ภีมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างทางกลับบ้าน แกคงรู้แล้วใช่ป่ะ”“อืม ก็ลองไปตามอ่านข่าวบ้างแล้ว”“จะว่าไงดีละเรื่องมันกะทันหันแบบไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะ ตัวแข็งทื่อไปเลยตอนรู้ ฮ่าๆ ความจริงพวกเราก็เป็นเหมือนเพื่อนสนิทกันมากกว่าล่ะมั้ง จะเรียกว่าคนรักก็ไม่ใช่แบบนั้นเหรอก ก็สนิทและคุยกันได้หลายๆอย่างแหละนะ ที่พูดก็อยากให้เข้าใจนะว่าไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”“ขอบคุณนะที่เล่ามันออกไป แค่นี้ก็ดีแล้ว” เธอกระชับมือที่กุมไว้ให้แน่นขึ้นไมล์ส่งยิ้มให้ผมบางๆ ผมจึงพลิกตัวพร้อมกับหันหน้าเข้าหาเธอ เป็นอีกครั้งที่เราจ้องตากัน ทว่าครั้งนี้เจ้าตัวดันรีบหลับตาปี๋ ตั้งใจจะหลบสายตาเพื่อแก้เขิน“นอนได้แล้ว ใกล้เช้าแล้วเนี่ย” เธอสั่งเสียงอ่อนใจผมสั่นระรัวเหมือนจะเพิ่งมารู้สึกตัวว่ากำลังนอนร่วมเตียงเดียวกัน แถมไมล์ยังกุมมือผมไว้ไม่ปล่อยอีกต่างหาก ส่วนตัวผมเองไม่คิดจะปฏิเสธความอบอุ่นเช่นนี้จากเธอซะด้วยสิ ก็คงจะขอรับความอิ่มเอมใจนี้ไว้ล่ะนะเอาเถอะมันออกจะข้ามขั้นตั้งแต่ที่ผมเริ่มรุกจะจูบเธอตอนดื่มเบียร์อยู่ข้างล่างนั่นแล้ว ถ้าแม่ของไมล์ไม่ขัดจังหวะซะก่อนจะเกิดอะไรขึ้นเนี่ย ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นจึงข่มตาให้หลับโดยเร็วที่สุดเพื่อสะบัดภาพตอนนั้นออกไปว่าแล้วเชียว ไมล์ทำให้หัวใจผมพองโตมาโดยตลอด...05.56 AMปัง ปัง !เฮือก !ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากห้วงแห่งความฝัน กวาดสายตาไปทั่วบริเวณและตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่ที่บ้านของคนอื่น ที่สำคัญทำไมถึงได้อยู่ในสภาพนอนกอดกันแบบนี้ได้วะ เมื่อคืนแค่จับมือเองนะเว้ย“ไมล์ แม่จะออกไปดูงานข้างนอกนะ เช้านี้หาอะไรกินเองนะลูก”แม่ของไมล์ท่าทางจะอึ้งจนเหวอไป ผมจ้องหน้าหญิงวัยกลางคนที่เปิดประตูเข้ามาตั้งใจจะปลุกลูกสาวของตนทว่ากลับพบผมที่โดนเธอนอนกอดไว้อยู่ ผมเด้งตัวขึ้นจากที่นอนพลางสะกิดคนขี้เซาที่ยังนอนหลับไม่รู้ทุกข์ร้อนอะไร“ถ้างั้นฝากบอกไมล์แทนแม่ด้วยนะ ท่าทางจะไม่ตื่นเหรอก”“คะ...ครับ” ประตูห้องนอนถูกปิดลงอย่างเบามือ ผมหันไปปลุกไมล์แต่ปลุกยังไงก็ไม่ยอมจะตื่นซะที เอาแต่งัวเงีย อืออ่าอยู่อย่างนั้นจนผมเลิกล้มความพยายาม ผมมองออกไปนอกหน้าต่างเลิกผ้าม่านออกเล็กน้อยเพื่อดูบรรยากาศภายนอก ในช่วงเช้าของฤดูหนาวเช่นนี้ท้องฟ้ามีหมอกบางบางปกคลุมทั่วบริเวณ ไหนๆฟ้าก็ยังไม่สว่างเต็มที่ปล่อยให้ไมล์นอนต่ออีกสักหน่อยจะเป็นไรไป ผมเหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาหกโมงเช้า แม้ผมเองจะยังง่วงอยู่ และอยากจะนอนต่อก็เถอะ แต่ต้องรีบกลับก่อนเจ็ดโมงนี่สิ ไม่งั้นโดนแม่บ่นหูชาแน่“อยากจะนอนต่อกับเรารึไง” อยู่ๆ เสียงจากคนที่นอนอยู่กายก็ดังขึ้น ดูเธอไม่ได้มีท่าทางง่วงซึมเลยสักนิดเดียว“อย่าบอกนะว่ารู้สึกตัวแต่ไม่ยอมลุก” ผมถามเสียงเรียบชักจะเคืองที่ปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับแม่ของเธอคนเดียว ยิ่งมารู้ว่าแกล้งหลับมันยิ่งน่าหมั่นไส้“ใช่แหละ ก็ขี้เกียจคุยกับแม่นี่น่า”“จะดีเเหรอ พาผู้ชายขึ้นห้องมาซุกไว้เชียวนะ”“ใครสนกันเล่า ยังไงแม่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้ของเราอยู่ล่ะ... ยังไงก็เถอะ ไม่รีบกลับน่ะไม่ดีนะ ไม่ได้บอกคนที่บ้านว่าจะค้างที่อื่นนี่”“อ่า โอเค งั้นจะกลับแล้ว”ตัดบทจบแค่นั้นเจ้าตัวก็ลงมาส่งข้างล่างและตัวผมก็ปั่นจักรยานมุ่งหน้ากลับบ้านอย่างไม่ได้เร่งรีบ ระหว่างทางมีหลายอย่างที่ไม่เข้าใจวิ่งวุ่นในหัว แต่อย่างน้อยตอนนี้ผมไม่ได้สับสนเรื่องความรู้สึกที่มีต่อไมล์แล้ว ตอนที่ได้เปิดใจพูดคุยกับเธอมันทำให้ผมรู้ว่าเธอไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวผม จึงเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ผมได้รู้ และเธอเองก็คงคาดหวังว่าจะได้รับความเชื่อใจจากผมเช่นกัน ความรู้สึกของผมตอนนี้มันชัดเจนกว่าครั้งไหน ผมจะไม่มีวันปล่อยมันทิ้งไปอีก ต่อให้เธอจะปฏิเสธเหมือนที่ผมทำกับเธอ ผมก็ยังยืนยันที่จะ... รักไมล์เพราะว่า ผมรักไมล์ผมแอบยิ้มอยู่ในใจกับคำสารภาพรักของตัวเองที่อยากจะส่งให้ไมล์
❤️🔥💞
4h
0ชอบมากๆ
1d
0ดีคะ เนื้อเรื่องดีเลย ชอบมากๆ
2d
0ดูทั้งหมด