“อินทิราทำไมพึ่งมา ใกล้แสดงแล้วนะ อาจารย์กังวลแทบแย่กลัวเธอจะเบี้ยวเสียแล้ว” อาจารย์นาฏศิลป์ยิงคำถาม พลางถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นนักแสดงที่ตนวางไว้เดินเข้ามา“ขอโทษค่ะอาจารย์” หญิงสาวยกมือไหว้ แสดงความรู้สึกผิด ก่อนที่อาจารย์จะหันไปเรียกใครบางคนที่ยืนหันหลังให้อยู่ในบริเวณนั้น“คเชนทร์ ช่วยพาอิงค์ไปห้องแต่งตัวหน่อย ป้ากลัวจะไม่ทัน” ชายหนุ่มหันหน้ากลับมาหาอาจารย์กฤษณา พลางเลื่อนสายตาไปสะดุดหยุดอยู่ที่อินทิรา หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวละเอียดใส่แว่นหนา ทำให้หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงสั่นในอกด้านซ้าย ทว่าเก็บอาการแล้วทำทีปั้นหน้ายิ้ม“น้องนี่เอง มารำในงานนี้หรือครับ”“ค่ะ” หญิงสาวดันแว่นขึ้นหนึ่งครั้งก่อนจะก้มหน้ารับ“อิงค์ งานนี้เป็นงานสุดท้ายที่อาจารย์ขอให้เธอมาช่วย เพราะต่อไปเธอก็ไม่ได้เป็นนักเรียน ม.ปลายของอาจารย์แล้ว ดังนั้นวันนี้ทำให้เต็มที่นะ” อาจารย์กฤษณายกกำปั้นขึ้นมาส่งกำลังใจให้ลูกศิษย์“ค่ะ อาจารย์” หญิงสาวหันไปหาอดีตอาจารย์แล้วพยักหน้ารับ“ตามพี่มาด้านนี้ครับ” คเชนทร์ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาว รูปร่างสูงโดดเด่นกว่าใครในบริเวณนั้น เดินนำเธอทั้งสองไปยังห้องแต่งตัวของนางรำ ที่ทางมหาวิทยาลัยได้จัดเตรียมเอาไว้ ปลิวแอบสะกิดอินทิรายิกๆ ก่อนจะกระซิบกระซาบบางอย่าง“พี่เขาหล่อเนอะ”“เบาๆ สิ เดี๋ยวพี่เขาก็ได้ยินหรอก” อินทิราหันไปปรามเพื่อน พลางสังเกตผู้คนรอบๆ สายตานับสิบจับจ้องมายังชายหนุ่ม พร้อมมองเธอและปลิวด้วยสายตาแปลกๆ เสมือนเธอสองคนเป็นตัวประหลาด“เด็กคนนั้นเป็นใคร โชคดีจังเลยนะ ได้เข้าใกล้พี่คเชนทร์ตัวท๊อปของมหาลัยขนาดนั้น” สาวประเภทสองที่แต่งตัวแฟชั้นจ๋า หันไปสะกิดเพื่อนพลางกระซิบอย่างสงสัย“ถึงแล้วนะ นี่ห้องแต่งตัว ดูเหมือนเพื่อนๆ น้องจะแต่งตัวเสร็จกันบ้างแล้ว” ชายหนุ่มหยุดเดิน หลังจากถึงห้องแต่งตัว ก่อนจะส่งยิ้มให้ทั้งสองแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดจา อินทิรายืนมองชายหนุ่มจากด้านหลังเธอรู้สึกคุ้นหน้าเขาราวกับว่าเคยเจอกันมาก่อน แผ่นหลังไวๆ ของเขามีร่างของชายโบราณเข้ามาทับซ้อน เห็นชัดว่ารูปร่างไม่ต่างกันนัก ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยไม่เชื่อสายตาตัวเองก่อนจะยกมือมาขยี้ ทุกอย่างจึงกลับคืนสู่ภาวะปกติ“พี่เขายิ้มให้เด็กสองคนนั้นด้วยแก รอยยิ้มพี่เขาทำให้โลกของฉันสดใส” สาวประเภทสองคนเดิมที่แอบส่งสายตาให้คเชนทร์อยู่ไกลๆ สะกิดเพื่อนเป็นรอบที่สอง“เธอมองอะไรอิงค์” ปลิวถามอย่างแปลกใจ พลางโบกมือไปมาเมื่อเห็นเพื่อนกำลังเหม่อลอย“ฉันรู้สึกคุ้นหน้าพี่เขาอย่างบอกไม่ถูก เราไม่เคยเจอพี่เขามาก่อนใช่ไหมปลิว” อินทิราหันไปถามเพื่อนเพื่อความแน่ใจ“สำหรับเธอฉันไม่รู้หรอกนะ แต่สำหรับฉัน ฉันเคยเจอเขา” อินทิราขมวดคิ้วแปลกใจในคำตอบของปลิว“เจอเขา เธอเจอเขาที่ไหน” สีหน้าตั้งใจของอินทิรากำลังจดจ่อด้วยความหวัง“ในฝันไง ฮ่าๆๆ” คำตอบของปลิวทำให้อินทิราเหลือบตามองบนหนึ่งครั้งแล้วเดินเข้าห้องไปงานที่ถูกจัดขึ้นดูมีมนต์ขลังบางอย่าง แสงสีถูกจัดขึ้นอย่างอลังการ เมื่อนักแสดงทั้งหมดขึ้นมาบนเวที พร้อมกับเสียงดนตรีไทยประโคมกึกก้อง ท่ารำอ่อนช้อยก็วาดท่วงท่าอันสง่างามออกมาให้ทุกคนได้สัมผัส เรียกเสียงปรบมือดังก้อง พร้อมกับทุกคนพากันยกมือถือเก็บภาพไว้ คเชนทร์ยืนมองอินทิราดังต้องมนต์สะกด เขายังคงรู้สึกคุ้นหน้าเด็กสาวคนนี้หากแต่นึกเท่าไรกับนึกไม่ออก พลางยกมือขึ้นมากอดอกสายตาคมเข้มจับจ้องไปยังท่วงท่าของนางรำทั้งหมด หากแต่อินทิราทำให้เขาไม่อยากละสายตาจากเธอ“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า” ชายหนุ่มพึมพำ ก่อนที่กระแสแห่งสัมพันธ์กรรมก่อตัวเป็นมวลสารสีขุ่น พุ่งพรวดเข้ามายังดวงวิญญาณที่สิงสถิตอยู่ ณ ต้นไทรใหญ่อายุหลายร้อยปี หญิงสาวผมยาวดำสนิทสวมชุดนางรำสมัยก่อน สะท้อนดวงตาอันเศร้าสร้อยออกมา เมื่อรับรู้ว่าอดีตคนรักกับน้องสาวได้โคจรมาพบกันในอีกชาติภพ เธอถูกครอบคลุมไปด้วยไฟแห่งโมหะ“คุณพี่อย่าได้หลงมันนะเจ้าคะ คุณพี่เคยสัญญากับข้าว่าจะรักข้าแต่เพียงผู้เดียว” ดวงตาแดงก่ำกัดฟันพูดอย่างแน่วแน่ พร้อมๆ กับเปลี่ยนสภาพเป็นหญิงสาวชุดดำในทันที ไฟแห่งโมหะบันดาลให้เกิดลมกระโชกแรงพัดเข้ามาในงาน ส่งผลให้ม่านสะบัดปลิวกระจาย ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว ในขณะนั้นโคมไฟที่ติดอยู่หลายสิบตัวก็เอนเอียงจวนจะตกลงมา อินทิราหยุดรำหลังจากเสียงดนตรีหยุดบรรเลง นักดนตรีพากันวิ่งหนีเตลิดเอาตัวรอดจากลมปริศนา คเชนทร์มองตรงไปยังอินทิราที่อยู่ในชุดนางรำยืนเด่นอยู่กลางเวทีตามลำพัง อยู่ๆ สองเท้าก็พาเขาวิ่งขึ้นไปนำตัวนางรำที่ว่าลงมาหลบข้างเวที“น้องครับอยากตายหรือไง ทำไมยังยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เห็นโคมไฟบนหัวเหรอ หันไปมองรอบๆ บ้างสิ ว่าเพื่อนน้องเขาหนีไปกันหมดแล้ว” คเชนทร์ลากหญิงสาวเข้ามาหลบ พลางหันไปต่อว่าด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในบัดดลเหมือนเคยรู้สึก กับเธอแบบนี้มานานแสนนานแล้ว“โครม” เสียงของโคมไฟบริเวณเวทีหล่นมาดังสนั่น หญิงสาวก้มหน้าหลับตาพลางถลาตัวเข้าไปสวมกอดชายหนุ่มด้วยความกลัว อยู่ๆ ภาพแปลกๆ ก็ปรากฏเข้ามาในสมอง เขาเห็นตัวเองในชุดโบราณเคยโอบกอดหญิงสาวที่แต่งกายคล้ายชุดนางรำ คเชนทร์มองเห็นตัวเองกำลังปกป้องหญิงสาวจากหญิงชราใจร้ายที่ส่งคนมาทำร้ายเธอ ชายหนุ่มกระชับแรงกอดเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว เขาพยายามเอาตัวเองบังสิ่งของทุกอย่างที่จะเข้ามาโดนตัวหญิงสาว“ที่ท่านเห็นนั่นมันข้า ไม่ใช่มัน” เสียงตวาดแหลมแสบแก้วหูดังลั่นเข้ามาในโสตประสาท ชายหนุ่มกัดฟันเงยหน้ามองหาต้นเสียง หากแต่มองเห็นเพียงข้าวของที่ปลิวว่อนอยู่ในอากาศ“อีกลิ่นทิพย์ ปล่อยผู้ชายของกู อีน้องทรยศ” อินทิราสะดุ้งกับเสียงปริศนาพลางปล่อยชายหนุ่มออก แล้วมองหาต้นเสียง ในขณะที่ลมพัดพาทุกอย่างฟุ้งกระจาย“พี่คะ พี่ได้ยินอะไรแปลกๆ ไหมคะ” ชายหนุ่มกลืนน้ำลายก่อนจะโอบกอดหญิงสาว“ไม่มีอะไรหรอก ก้มหน้าเอาไว้ อย่าเงยขึ้นมา” ครู่หนึ่งเสียงลมกระโชกแรง ค่อยๆ สงบลง คเชนทร์เหลือบมองร่างของหญิงสาวที่ก้มขดตัวอยู่ในอ้อมกอด เขาสัมผัสได้ถึงแรงสั่นเล็กๆ จากตัวของหญิงสาวที่กลัวสุดชีวิต คเชนทร์โอบกอดรอจนกว่าทุกอย่างปกติแล้วค่อยๆ ปล่อยมือออกจากร่างของเธอช้าๆ“น้องครับ ปลอดภัยแล้ว” คเชนทร์เรียกสติหญิงสาวก่อนที่เธอจะค่อยๆ เงยมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ใบหน้านวลในชุดนางรำยิ่งทำให้เขารู้สึกคุ้นหน้าเธอจนไม่อาจละสายตาได้“ลมหยุดแล้วค่ะ” หญิงสาวหันมาบอกอย่างแปลกใจ แล้วถอยตัวออกจากอ้อมอกชายหนุ่ม ก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเดินออกไปหาเพื่อนด้วยความเป็นห่วง คเชนทร์เอามือจับหน้าอกตัวเอง เขากำลังจับจังหวะหัวใจที่กำลังเต้นผิดปกติ พลางขมวดคิ้ว ยืนนิ่งไม่ไหวติงทุกคนที่อยู่ในงานต่างทยอยเดินออกมาด้วยความงุนงง เศษโคมไฟนับสิบแตกกระจายเต็มพื้นต้องคอยระวังที่เท้าด้วยกลัวจะเป็นอันตราย“นี่มันลมอะไรกัน คุณกฤษณาได้ทำการขอเจ้าที่ที่ต้นไทรหรือยัง” ทีมงานเดินเข้ามาถามหลังจากทุกอย่างล่มไม่เป็นท่า“ก็ทำการขออย่างถูกวิธีทั้งหมดแล้วนี่นา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” อาจารย์กฤษณาครูสอนนาฏศิลป์เกิดความสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง การเกิดลมกระโชกแรงเปรียบเสมือนเป็นพายุขนาดย่อม หากไม่ได้เกิดจากสิ่งเร้นลับก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะเกิดจากธรรมชาติ
ดีมาก
4d
0ดีงามมาก
4d
0ดีครับ
5d
0View All