“ไอ้ฟิล์ม!!!”เสียงเรียกชื่อจากปิ่นทำให้สติฉันกระเจิดกระเจิงทั้งๆที่ใช้เวลาพยายามนั่งรวบรวมมันมาเป็นเวลาสองชั่วโมงแล้ว ฉันหันไปมองปิ่น ก่อนจะตอบเสียงเนือยๆเนื่องจากเอฟเฟกต์จากเหตุการณ์หน้าแตกเป็นผุยผงเมื่อช่วงเที่ยงยังคงตามหลอกหลอน“ว่าไงปิ่น” ฉันหยิบหนังสือเรียนวิชาแคลคูลัสขึ้นมาอ่านสมการฆ่าเวลาเพื่อรอเรียนวิชาภาษาอังกฤษ“แกดังใหญ่แล้วนะฟิล์ม” ดัง? อาการงงงวยตรงเข้าเล่นงานจนทำคิ้วฉันขมวด“ดังอะไรอ่ะปิ่น เรางงว่ะ”“…” ไอ้ปิ่นไม่ได้อธิบายอะไรให้ฉันฟัง มันทำเพียงแค่กวักมือเรียกฉันให้ขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์หน้าจอเกือบหกนิ้วมาให้แล้วชี้นิ้วใส่มันถี่ๆ‘ขาโหดวิศวะ ปะทะ เฟรชชี่หน้าใส’ฉันอ่านชื่อเพจ ก่อนจะอ่านทวนซ้ำอีกรอบ นี่มันอะไรเนี่ย!“อะไรวะเนี่ย” ฉันแผดเสียงเมื่อกดเข้าดูรูปโปรไฟล์ของเพจที่ว่ารูปฉันที่ยืนเถียงกันกับรุ่นพี่สองคนนั้นเมื่อช่วงเที่ยงไงล่ะ ฉันเลื่อนนิ้วดูข้อมูลบนเพจ มันเขียนบอกว่า ‘เพจนี้เป็นเพจแฟนคลับของน้องผู้หญิงปีหนึ่งในรูปนะคะ น้องใจกล้ามาก ได้ใจพวกพี่ไปเต็มๆเลย พวกพี่ชอบน้องมากที่กล้าต่อกรกับ ‘พี่เฟียต’ รุ่นพี่ปีสี่ดีกรีขาโหดของคณะเรา น้องสุดยอดมากค่ะ <3’เดี๋ยวก่อนนะ!“…” ฉันหันมองไอ้ปิ่นที่ยักไหล่แต่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ก่อนจะเลื่อนดูข้อมูลบนเพจอีกเพจที่ว่านี้เพิ่งตั้งขึ้นมาใหม่เมื่อตอนบ่ายนี้เอง ตอนนี้ยอดไลค์เพจอยู่ที่สองพันต้นๆ! แถมยอดแชร์รูปที่ฉันยืนวิวาทกับพวกรุ่นพี่ก็ราวๆห้าร้อยกว่า เหมือนโดนหมัดน็อคพุ่งเข้าแก้มขวาอย่างจัง สมองฉันมึนงงไปชั่วขณะหนึ่ง“นี่มันอะไรกันวะปิ่น เฮ้ย!” ฉันรีบยัดโทรศัพท์มือถือคืนใส่มือปิ่นพลางสอดส่ายสายตามองไปทั่วบริเวณที่มีคนเดินผ่านไปมา บางคนหยุดยืนเพื่อถ่ายรูปฉัน บางคนซุบซิบนินทาฉันอย่างโจ่งแจ้ง และบางคนก็มองฉันด้วยท่าทีแปลกๆ นี่มันเกิดเหตุการณ์บ้าอะไรขึ้นเนี่ย ใครก็ได้ช่วยอธิบายฟิล์มที!“สงสัยพวกรุ่นพี่ชอบที่แกด่าพี่คนนั้นล่ะมั้งฟิล์ม” ไอ้ปิ่นบอกก่อนจะสไลด์ดูคอมเม้นต์ใต้รูป “เนี่ย.. มีคนคอมเม้นต์แกเยอะแยะเลยว่ะฟิล์ม”“จริงดิ?” ฉันถามเสียงสูง ไอ้ปิ่นยื่นโทรศัพท์พลางเลื่อนหน้าจอเพื่ออ่านคอมเม้นต์ให้ฉันฟัง“พี่คนนี้เม้นต์ว่า ‘พี่ขอสมัครเป็นเอฟซีน้องด้วยคนนะ น้องเจ๋งมากที่กล้ามีเรื่องกับพี่เฟียต สุดยอดเลยครับน้อง’ ฮ่าๆ! ตลกอ่ะฟิล์ม” ปิ่นหัวเราะลั่น แต่ฉันดันไม่ขำด้วยฉันมาที่นี่เพื่อมาเรียนหนังสือนะ ไม่ได้ต้องการมาเพื่อมีเรื่องกับใคร อีกอย่างตอนนั้นที่ฉันเถียงพี่เขาไปก็เพราะรู้สึกไม่เห็นด้วยกับการล็อกที่นั่งกินข้าวทั้งๆที่มันเป็นของสาธารณะ แต่พอมารู้ว่ามีชื่อพี่เขาสลักไว้อยู่บนโต๊ะกินข้าว เลยกลายเป็นว่าฉันเป็นฝ่ายผิดที่ไปว่าพี่เขาฉันลองเสิร์ชหาชื่ออีตาพี่เฟียตอะไรนั่นในเว็บมหาวิทยาลัยดูแล้ว เขาเป็นหลานอธิการบดีที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ โต๊ะกินข้าวภายในโรงอาหารดอยดาวทุกโต๊ะได้มาจากการที่ครอบครัวของเขาบริจาค ซึ่งพี่เฟียตเป็นคนที่ค่อนข้างสันโดษ ชอบกินข้าวคนเดียว เลยขอพ่อว่าให้สลักชื่อเขาไว้ที่โต๊ะอาหารโต๊ะหนึ่งในดอยดาวก่อนที่เขาจะเข้าปีหนึ่งที่นี่“ทำไงดีอ่ะปิ่น เราไม่ได้อยากเป็นแบบนี้นะเว้ย” ฉันเขย่าแขนปิ่นแรงๆเพราะเริ่มกลัวสายตาของคนที่มองมาอย่างล้นหลามทั้งรุ่นเดียวกันและรุ่นพี่ปีสูงๆ“ทำใจให้สบายเถอะฟิล์ม ความจริงแล้วแกก็ไม่ได้ผิดอะไรนะ ที่แกไปเถียงพี่เขาเพราะต้องการความเท่าเทียม ไม่เห็นจะมีอะไรที่ทำให้แกเสียหายสักหน่อย”“แต่ว่า..” ฉันเริ่มอิดออด“เฮ้ย! เป็นไงบ้าง” แต่ยังไม่ทันได้โอดครวญไปมากกว่านี้ พาร์ทกับแก้วที่เพิ่งไปเข้าห้องน้ำเสร็จก็กลับมา“ฟิล์มดังใหญ่แล้วนะ มีเพจเอฟซีด้วย” ปิ่นยื่นโทรศัพท์ให้พาร์ทกับแก้วดู“เฮ้ย! เจ๋งอ่ะ มีเอฟซีด้วย เพื่อนฉันดังแล้ว!” แก้วเดินเข้ามากอดคอฉันพร้อมกับเขย่าไปมา“พอเลยๆ เราไม่ได้อยากดังแบบนี้นะเว้ย” ฉันดึงมือแก้วออกจากลำคอ“แล้วนี่ฟิล์มจะทำยังไงต่อไป จะไปขอโทษพี่เขาป่ะ” พาร์ทถามขึ้น นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากกลั้นใจให้ตายๆไปตอนนี้เลยพูดถึงเรื่องขอโทษแล้วฉันก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากที่รู้ว่าโต๊ะตัวนั้นมีชื่อพี่เฟียตสลักอยู่ ฉันก็เกิดอาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกจนดึงยัยแก้วให้ลุกออกมาแล้วเดินหนีพี่เขาทันที แถมก่อนจะเดินออกมาฉันยังได้รับรอยยิ้มพิฆาตของพี่เฟียตกลับมาเป็นรางวัลให้คิดมากกว่าเดิมอีกด้วย
ชอบตอนท้ายอะ ดีมากกกก👍
12h
0สนุกมากค่ะๆๆๆๆ😻
2d
0กลับมาต่อเนืัอเรื่องก่อนค่า😭 ค้างคาาา
2d
0View All