logo
logo-text

Download this book within the app

12

เถียนเยวี่ยเพิ่งเสร็จธุระที่วัดหม่านหลง ขากลับไม่ขึ้นเกี้ยว เดินทอดน่องผ่อนคลายอารมณ์ลำพัง จึงมีเวลาสอดสายตาแลผู้คนรอบข้าง จนมาสะดุดตาสตรีนางหนึ่งที่วิ่งมาหยุดกึกใต้ต้นกุ้ยฮวา พร้อมสีหน้าแตกตื่นหันรีหันขวางระแวดระวังภัย นั่นทำให้เขานึกอยากรู้ขึ้นมาว่าสตรีรุ่นเยาว์วัยใกล้เคียงสาวน้อยยอดดวงใจเขา เหตุใดสีหน้าจึงอมทุกข์โศกปานนั้น เมื่อนางทรุดตัวลงแล้วก้มหน้าร่ำไห้เดียวดาย ก็อดไม่ได้ที่จะเข้ามาสอบถามด้วยห่วงใย
ที่ต้องสอบถาม นั่นก็เพราะนอกจากเขาซึ่งสนใจใคร่รู้ความเป็นไปของนาง ยังมีสายตาจากขอทานและอันธพาลละแวกนั้น กำลังมองสตรีตัวคนเดียวนอกเคหสถานยามโพล้เพล้ตาเป็นมัน เขาเกรงนางจะถูกชิงทรัพย์หรือกระทำมิดีมิร้ายเข้า
เถียนเยวี่ยยอมรับว่าตนติดโรคชอบยื่นมือช่วยเหลือผู้คน ค่อนไปทางชอบจัดแจงกับชีวิตคนอื่นให้เข้าที่เข้าทางมาจากหลันซิ่วจูนั่นเอง
เห็นชายหนุ่มหันหน้าไปทางทะเลสาบไม่พูดไม่จา ฟังเยว่ฉิวจึงลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะผละจากไป ตอนนี้นางมีเงินเหลือติดตัวเพียงแค่ซื้ออาหารเท่านั้น ค่ำนี้คงต้องหาที่หลับนอนตามศาลเจ้าอีกสักคืน
“อ้าว...จะไปไหนเสียเล่า ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง ว่าแต่เจ้าคงไม่ใช่คนถูหยาง” ลักษณะท่าทางและการแต่งกายแบบหญิงชนบทของนางบอกเขาเช่นนั้น
“ข้ามาจากไท่ซาเจ้าค่ะ ข้า...มาตามหาสามี” อย่างน้อยนางก็ไม่ได้ตัวคนเดียว หากเขาคิดร้ายจะจับนางไปขาย เขาต้องคิดหนักว่าอาจจะมีคนตามหานางก็เป็นได้
“คงยังไม่พบเขากระมัง” นั่นคงเป็นเหตุผลที่นางนั่งร้องไห้เมื่อครู่
“ข้ารู้ว่าเขาอยู่ที่ใด เพียงแต่ถูกคนมุ่งหมายทำร้าย จะลักพาตัวไปขายเป็นทาสใช้แรงงาน จึงหนีเตลิดมาไม่รู้ทิศทาง”
ค้าขายชีวิตคนอย่างผักปลา เรื่องนี้ต้องถึงหูใครสักคน ให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอดส่องจัดการเสียหน่อยแล้ว! เถียนเยวี่ยคิด
“บอกชื่อสามีของเจ้ามา ข้าจะช่วยเป็นธุระส่งถึงประตูบ้าน อย่างไรเสีย ค่ำนี้ข้าก็ยังว่างไม่มีอะไรทำ อย่ามัวแต่มานั่งร้องไห้ในที่แบบนี้เลย เป็นสตรี เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา เจ้าจะลำบาก”
“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณชาย เพียงแต่...”
“เจ้าคงไม่รู้กระมังว่าโชคดีเพียงใดที่ข้าตั้งใจจะช่วย” ชายหนุ่มยืนกอดอก ราวกำลังนับจำนวนในใจ
ด้วยเกรงว่าความอดทนสำหรับการรอคอยของเขาคงมีไม่มาก ฟังเยว่ฉิวจึงตัดสินใจพูดความจริง “สามีข้าชื่อเผิงเซิ่งอี้”
หญิงผู้มาจากต่างเมืองมองสบเข้าไปในดวงตาคมกล้าซึ่งเจือความอาทรอยู่หลายส่วน ด้วยเหตุนี้กระมัง นางจึงเกิดความเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่หลอกลวงคิดร้ายกับนาง
เผิงเซิ่งอี้...น้ำเสียงของหญิงสาวหนักแน่นชัดเจน อย่าว่าแต่สตรี แม้เป็นบุรุษ หากแอบอ้างโป้ปดเมื่อเจอสายตาเขา ย่อมแสดงความพรั่นพรึงส่อพิรุธออกมา
“ว่าที่ราชบุตรเขยนั่นน่ะหรือ”
“เจ้าค่ะ สามีของข้าคือว่าที่ราชบุตรเขย ข้ามีธุระสำคัญอยากพบเขาสักครั้ง แค่ครั้งเดียว แล้วข้าจะไปจากถูหยาง”
สามีของนางดำรงตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญของแคว้น อีกทั้งเป็นคนใกล้ชิดของเสวี่ยอ๋อง แต่ภรรยาเมื่อพบหน้าสามีแล้วทำไมต้องจากไปด้วยเล่า! เกิดคำถามขึ้นในหัวของเถียนเยวี่ยมากมาย
“ท่านคงไม่เชื่อที่ข้าพูด”
“เชื่อหรือไม่เชื่อ ไว้ข้าจะพิสูจน์เอง เอาอย่างนี้เถอะ...ก่อนเจ้าจะพบหน้าเขา และก่อนเจ้าจะไปจากถูหยาง ขอให้เจ้าวางใจแล้วไปยังที่หนึ่งกับข้าก่อนได้หรือไม่”
ไปกับเขาน่ะหรือ
“ข้า...”
“ถ้านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะเชื่อใจผู้คน ก็ขอให้เชื่อข้าเถิด เพราะต่อให้คนที่เจ้าต้องการพบคือจักรพรรดิ หากข้ารับปากแล้ว อย่างไรเจ้าก็ได้พบ”
เพราะฟังเยว่ฉิวเชื่อใจเถียนเยวี่ย หะแรกที่ชายหนุ่มพามาหยุดยืนอยู่หน้าหอเริงรมย์ นางถึงกับผงะก้าวถอยหลัง ตั้งท่าจะออกวิ่งอยู่แล้วเชียว หากเขาไม่ยื่นแขนมากางกั้นนางไว้พร้อมกับเอ่ยว่า
“นี่ไม่ใช่สำนักนางโลม”
เมื่อยินยอมเล่าเรื่องทุกข์ร้อนทั้งหมดให้เขาฟังตลอดทาง นางจึงกลั้นใจเชื่อเขาอีกครั้ง ไม่นานนักหญิงสาวที่ชื่อกัวเพ่ยซินก็ออกมารับตัวนาง แล้วเดินนำขึ้นไปยังห้องพักชั้นสามของหอสรวงกุสุมา
ภายในห้องหับสะอาดสะอ้านตกแต่งเรียบง่าย เครื่องประดับห้องน้อยชิ้น ทว่าทุกชิ้นล้วนจัดทำประณีตและตั้งวางอย่างบรรจง เงาไม้ของโต๊ะ เก้าอี้ ฉากกั้นขึ้นมันปลาบ เสี้ยวหนึ่งนั้นฟังเยว่ฉิวรู้สึกว่าตัวเองไม่คู่ควรจะได้พักห้องนี้ ขนาดหอสรวงกุสุมาที่เป็นโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่ยังหรูหราโอ่โถงปานนี้ ฐานะทางครอบครัวของเผิงเซิ่งอี้ แม่ทัพคนสำคัญของแคว้น ก็คงจะไม่ต่างกันเท่าใดนัก
หรือนางกำลังพาตัวเข้ามาสร้างปัญหาให้ชายหนุ่ม เรื่องแล้วไม่แล้วไป ดันทุรังโง่งมที่จะพบหน้าเขาให้ได้
“สักพักจะมีคนนำน้ำ เสื้อผ้าชุดใหม่ ชาและอาหารมาให้ท่าน นายข้าคิดว่าท่านคงยังไม่ได้ทานอะไร” เสียงกัวเพ่ยซินกล่าวขึ้น ทำให้หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้อยู่ลำพัง
“ขอบคุณแม่นาง”
ฟังเยว่ฉิวนั่งลงบนเตียง ผิวสัมผัสนุ่มเนียนของฟูกนอนและแพรห่มทำให้ความเมื่อยล้าที่อัดแน่นภายในกายร่ำร้องโอดครวญออกมา....นางเหนื่อยเหลือเกิน คืนนี้กระมังที่นางจะได้นอนเต็มอิ่ม นี่คือสถานที่ปลอดภัยสำหรับนางที่สุดแล้ว หญิงสาวเชื่ออย่างนั้น
สักพัก สตรีสองนางก็เดินเข้ามาในห้อง หนึ่งคนหิ้วถังน้ำไปยังหลังฉากกั้น อีกคนวางถาดสำรับอาหารบนโต๊ะ แล้วถอยกลับออกไป เมื่อไม่มีเรื่องต้องรบกวนพวกนางอีก ฟังเยว่ฉิวจึงย่อกายคำนับกัวเพ่ยซิน จนฝ่ายหลังต้องรีบห้ามปราม ออกปากว่าไม่ต้องเกรงใจ เพราะหญิงสาวเป็นแขกสำคัญของเถียนเยวี่ย
จัดการงานที่เถียนเยวี่ยสั่งแล้วเสร็จ กัวเพ่ยซินไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของหญิงสาว นางบอกขอตัว ฟังเยว่ฉิวจึงเข้าไปชำระล้างร่างกายที่หลังฉากกั้น เสร็จแล้วจึงออกมาทานอาหารในสำรับได้กึ่งหนึ่ง ร่างกายนางอ่อนล้าจนต้องรีบล้มตัวลงนอน ก่อนเปลือกตาจะปิดสนิทด้วยความง่วงงุน ใจก็หวนกระหวัดวนถึงชายผู้เป็นหนึ่งเดียวในดวงใจ
...หากพี่ต้าเผิงพบหน้าเยว่เอ๋อร์ ท่านจะทำเช่นไรหนอ
จวนสว่าง ยังแลเห็นสิ่งใดไม่ชัด ฟังเยว่ฉิวก็ลุกจากเตียง นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรออยู่ในห้อง กระทั่งฟ้าแจ้งด้วยแสงตะวัน กัวเพ่ยซินให้คนมานำทางนางลงไปร่วมโต๊ะอาหารที่ชั้นล่าง นางนั่งรออยู่ครู่หนึ่งก็พบผู้มีคุณ ตามติดมาด้วยเด็กสาวร่างอวบอัดที่สีหน้าไม่สดใส ราวคนอดนอนมาทั้งคืน

Book Comment (2)

  • avatar
    สุภาพรฯ สิงห์คำ

    ชอบมากๆค่ะ

    25/05

      0
  • avatar
    ศุภกิจ ปิ่นเกตุ

    สนุก

    11/11

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters