logo
logo-text

Download this book within the app

10

“ข้ามั่นใจแล้วเชียวว่าต้องถูกใจท่าน” อย่างไรเสีย อีกไม่กี่เดือนก็ต้องร่วมหอห้องแต่งเป็นสามีภรรยา องค์หญิงหงหญ่าแม้เป็นพรหมจรรย์ แต่ก็สิบแปดพรรษาแล้ว ใช่ไม่รู้เรื่องเสน่หามารยาของสตรีซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมากมายจากเหล่าสนมนางในของพระบิดาและพระเชษฐา ในเมื่อว่าที่สวามียังเครียดเกร็ง วางตัวเป็นการเป็นงานต่อว่าที่ภรรยา หัตถ์เรียวบางก็ยื่นไปกุมมือชายหนุ่มไว้ แล้วชักชวนให้เขาเดินชมสวนเป็นเพื่อนพระองค์
“ท่านชอบอุทยานแบบนี้ หรือว่าแบบที่อยู่ฝั่งตะวันตกของวัง”
“สวยทุกที่พ่ะย่ะค่ะ” เขาแค่บอกว่าสวย แต่ไม่ได้บอกว่าชอบที่ใด เพราะคำว่าอุทยานมันใหญ่โตเกินไปสำหรับคนนิยมความเรียบง่าย ที่มีเพียงหอจันทร์กระจ่างไว้หย่อนใจ
ในพระทัยองค์หญิงหงหญ่า แม้นสมรสกับเผิงเซิ่งอี้แล้ว ก็จะไม่ย้ายไปอยู่จวนสกุลเผิงที่คับแคบและไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีการปรับปรุงต่อเติมนานมากแล้ว เพราะแม่ทัพเผิงฉานตันขึ้นชื่อเรื่องมัธยัสถ์และสมถะ อีกทั้งก็ปรนนิบัติใครไม่เป็น และไม่เห็นเป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องลดองค์ไปทำเรื่องเช่นนั้น
พระองค์คิดที่จะขอตำหนักหลังใหม่ใกล้วังหลวงจากพระเชษฐาเพื่อเป็นเรือนหอ เวลาองค์จักรพรรดิทรงเรียกใช้ ชายหนุ่มจะได้เข้าเฝ้าอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังได้อยู่ใกล้พระมารดา พอพระทัยประทับในที่ซึ่งไม่ต่างจากตำหนักหลังเดิมในเขตพระราชฐานชั้นใน หากทรงสุขภาพกายใจดี ก็จะมีทายาทให้ตระกูลเผิงเร็วๆ ครอบครัวฝ่ายสามีนั่นแหละต้องเห็นดีกับทุกเรื่องที่ปรารถนาให้เป็นไป
สายลมพัดพากลิ่นกลีบไม้หอมอวลตลบรอบบริเวณ หทัยดวงเล็กมีแต่ความแช่มชื่น เฝ้าฝันถึงวันจะได้สมรักกับหนึ่งในเอกบุรุษของแคว้น ทว่าหัวใจของอีกคนที่อยู่เคียง กลับมีแต่ความแห้งแล้งดั่งฟ้าขาดฝน เฝ้ารอว่าสักวันเขาจะลืมตาตื่นขึ้นมาบนเตียง แล้วพบว่าเรื่องราวทั้งหมดก็แค่ภาพฝันชั่วข้ามคืน...

แสงสุรีย์ลับลาขอบนภา
จวนแม่ทัพเผิงจัดเลี้ยงสังสรรค์วันคล้ายวันเกิดของเผิงเซิ่งอี้เป็นการภายในเฉพาะสหายสนิทของครอบครัว หลังร่ำสุราและส่งเสด็จเสวี่ยอ๋อง รวมถึงสหายรักต่างทยอยกลับเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มยังคงนั่งทอดอารมณ์ที่หอจันทร์กระจ่างตามลำพัง ไร้บ่าวไพร่รายล้อมกาย
ดวงดาวและจันทรายังกระจ่างสดใส ทางช้างเผือกยังพาดทาบท้องฟ้าแจ่มชัด เสียงหรีดหริ่งเรไรจากป่าต้นกุ้ยชำแรกเข้ามาในโสตประสาท
ใกล้สิ้นยามห้าย ฉงอวี้หลิงที่เฝ้ามองเผิงเซิ่งอี้มาครู่ใหญ่ หวังอยากเข้าไปปรนนิบัติเอาอกเอาใจเขาให้สมกับหน้าที่ของคนร่วมเรียงเคียงหมอน จึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาชายหนุ่ม
“อวี้เอ๋อร์รินเหล้าให้นะท่านพี่” นางคว้าเจี่ยทองคำ ซึ่งเป็นของกำนัลล้ำค่าจากเสวี่ยอ๋องมาจากมือเผิงเซิ่งอี้ เมื่อนางรินเหล้าเสร็จ ชายหนุ่มก็คว้าไปแล้วดื่มรวดเร็ว เพื่อย้อมใจตัวเองให้เมามายจนลืมสิ้นความกังวล
“กลับห้องของเจ้าไปเถอะ”
ชายหนุ่มยังคงหมางเมินกับนางเช่นเดิม ฉงอวี้หลิงเม้มปาก น้อยใจอยู่มากที่เขาเข้าวังไปหาองค์หญิงหงหญ่า ถึงสีหน้าเขาจะไม่แช่มชื่นกลับมา แต่นางก็ไม่พอใจอยู่ดีที่ตัวเองถูกแบ่งปันเวลาซึ่งก็มีอยู่น้อยนิดอยู่แล้วจากเขา
หากคำว่านางบำเรอนั้นหมายถึงการพลีร่างบำรุงแลสนองกามารมณ์แก่ชายไม่อิดเอื้อนยามเขาเรียกร้อง นางก็คงมิสมกับคำว่านางบำเรอแน่แท้ เพราะชายหนุ่มไม่แม้แต่จะเป็นฝ่ายแตะต้องนางก่อนเลยสักครั้ง!
นางกอดเขา เขาจึงกอดตอบ แต่กระนั้นก็เพียงชั่วครู่ ชายหนุ่มไปที่ห้องนอนของนางเพื่อร่วมเตียงเพราะคำสั่งของมารดาเขา
ร่วมเตียงที่ไม่ใช่...ร่วมอภิรมย์
แม้นางอยากมีลูกชายให้เขามากเพียงไร แต่เกือบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาไปที่ห้องนางแค่สี่ครั้ง และทั้งสี่ครั้งก็เพียงขึ้นเตียงแล้วพลิกตัวหันไปอีกทาง อย่างนี้แล้วนางจะเอาลูกชายจากที่ใดมาสร้างความมั่นคงให้ตัวเองกันเล่า!
เพราะน้อยเนื้อต่ำใจว่าตัวเองไร้ค่า ไม่อาจผูกมัดเขาได้ ทำให้นางแอบร้องไห้คนเดียวบ่อยครั้ง ตอนที่นางอยู่ในฐานะน้องสาวยังได้รับความเอ็นดูจากเขามากกว่าตอนนี้เสียอีก สามียอมร่วมเตียง แต่ไม่ร่วมรัก พูดไปใครจะเชื่อ เป็นนางเสียเองที่กระหายอยากลิ้มรสความหฤหรรษ์ในอ้อมกอดเขาสักครา ถ้าหากปริปากร้องขอออกมาก็รังแต่จะสร้างความอับอายให้ตัวเอง
“อวี้เอ๋อร์อยากอยู่เป็นเพื่อนท่านพี่ ให้อวี้เอ๋อร์นั่งมองท่านอยู่ห่างๆก็ได้ อย่างน้อยเราสองก็ได้ร่วมชมพระจันทร์กันสักครั้ง และอีกอย่างอวี้เอ๋อร์ก็มีของขวัญจะมอบให้ท่าน” ฉงอวี้หลิงยื่นมือไปแตะแขนของชายหนุ่ม
แค่เรื่องสมรสพระราชทานก็กวนใจเผิงเซิ่งอี้มากแล้ว เพราะเขาไม่เคยมีใจให้ฉงอวี้หลิงเยี่ยงชู้สาว จึงยังทำใจแตะต้องนางตามคำสั่งของมารดามิได้ เขาสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกัน หากถึงวันที่ต้องแต่งงานกับองค์หญิงหงหญ่า เขาจะกระทำห่างเหินกับพระองค์ดังเช่นทำกับนางหรือไม่
เผิงเซิ่งอี้สบสายตาเว้าวอนและเต็มไปด้วยความรักใคร่ของหญิงสาว หนนี้เขาไม่ควรใจร้ายกับนางเกินไป...คิดดังนั้นชายหนุ่มก็พยักหน้า
ฉงอวี้หลิงจึงยิ้มเต็มวงหน้า แล้วทรุดตัวลงนั่งบนม้านั่งหินอ่อนด้านซ้ายมือ
“อวี้เอ๋อร์ทำถุงเงินใบใหม่ให้ท่านพี่” นางยื่นถุงเงินผ้าไหมสีน้ำเงินแกมม่วงให้ชายหนุ่ม แม้เขาจะรับมันไปแล้ววางไว้บนโต๊ะ ไม่ได้กล่าวชื่นชมอะไรมากมาย เท่านี้นางก็ดีใจมากแล้ว
เผิงเซิ่งอี้ดื่มสุราไปอีกร่วมไห เพียงเขาสุขใจที่ได้ดื่มและยังมีนางนั่งเป็นเพื่อนเงียบๆ ก็พอ เมื่อชายหนุ่มดื่มจนพอใจ ก่อนจะฟุบหลับลงบนโต๊ะหินไปเสียก่อน ฉงอวี้หลิงก็เรียกเล่าหลางให้มาช่วยนางพยุงเขากลับห้อง
เมื่อถึงห้องนอนของเผิงเซิ่งอี้ ฉงอวี้หลิงก็ออกปากไล่เล่าหลางและบรรดาสาวใช้ประจำเรือนไปนอน ปล่อยหน้าที่ปรนนิบัติชายหนุ่มเป็นของนาง เหมยเหม่ยนั้นรู้ใจนายสาวดีอยู่แล้วว่ายากเพียงไรที่นางจะเข้ามาในอาณาเขตส่วนตัวของแม่ทัพหนุ่มได้ ลับหลังเล่าหลาง นางก็รีบหับปิดประตู แล้วถอยกายกลับไปยังเรือนนอนของตน
เผิงเซิ่งอี้นอนแผ่อยู่บนเตียง ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์สุรา ไร้แรงกายควบคุมตัวเองและสร้างกำแพงความเหินห่างใดๆ กีดกั้นนางอีก อย่างนี้นี่เล่าที่นางอยากให้เป็น!
ฉงอวี้หลิงปลดเปลื้องเสื้อตัวนอกของตนเองออกจนเหลือแต่เอี๊ยมและกางเกงแพรขาว หญิงสาวนั่งลงที่ริมเตียงโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เขา
“ท่านพี่” นางลูบไล้ฝ่ามือบนใบหน้าเขาด้วยความหลงใหล ชายหนุ่มส่งเสียงครางเบาๆ “อวี้เอ๋อร์รักท่าน รักมานานแล้ว”
หญิงสาวซบหน้าลงบนแผ่นอกกว้าง เสียงหัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะข้างหู นางยิ้มอย่างสุขสมใจกับความใกล้ชิดที่รอมาเนิ่นนาน นางไม่เคยอยากทำตัวเป็นหญิงไร้ยางอาย เป็นเขานั่นเองเคี่ยวกรำนางให้ต้องทำเช่นนี้
ฉงอวี้หลิงกอดเผิงเซิ่งอี้แน่นขึ้น นางบดเบียดเนื้อตัวอุ่นระอุกับร่างร้อนผ่าวของชายหนุ่ม ปรารถนาให้เขาครอบครองเป็นเจ้าของนาง ให้เขาลืมสิ้นหญิงอื่น
เผิงเซิ่งอี้ถูกสุราย้อมใจจนไร้สติหักห้ามใจและกายของตน พอถูกรุกเร้าด้วยความอ่อนนุ่มหอมหวาน ท่อนแขนกำยำก็ตวัดรัดรอบร่างเล็กที่แนบชิด ฉงอวี้หลิงอุทานออกมาเบาๆ มือเล็กกระตุกสายผูกเสื้อด้านข้างของร่างเบื้องใต้อย่างเร่งรีบ ยื่นหน้าส่งริมฝีปากอุ่นชื้นแตะแต้มลงบนกลีบปากหนาหยักลึกของชายหนุ่ม ตลอดถึงลำคอ ระเรื่อยลงมายังแผ่นอกที่เปิดเปลือยจนเห็นกล้ามเนื้องดงาม
นางกำลังพยายามเบี่ยงเส้นทางจากรอยเท้าเดิมของมารดาที่เป็นแค่ภรรยาน้อยซึ่งสามีไม่เหลียวแล ถูกคนอื่นกลั่นแกล้งรังแกจนตายไปอย่างเจ็บช้ำ นางจะทำให้ชายหนุ่มหลงใหล ทำให้เขารักใคร่นางบำเรอคนนี้จนหมดใจ ให้เขายอมมีลูกกับนาง ลูกชายของนางจะต้องเป็นทายาทคนแรกของตระกูลเผิงที่ทุกคนรอคอย
เมื่อเอี๊ยมบางเลื่อนหลุดจากตัว ทรวงอกหยุ่นนุ่มกลมกลึงทาบเคล้นคลึงบนเรือนกายแกร่งซึ่งเต็มไปด้วยเลือดเนื้อน่าหลงใหลของชายชาตรี ฉงอวี้หลิงก็กระตุกม่านมุ้งให้ปิดลง ก่อนพลิกตัวให้เผิงเซิ่งอี้ทาบทับนางอยู่ด้านบน
นางจะเป็นของขวัญล้ำค่าที่สุดของเขาในคืนนี้...

เจี่ยทองคำคือภาชนะใส่เหล้าปากกลม สามขา มีหูจับและแกะสลักลวดลายต่างๆ ลงบนภาชนะ มีขนาดใหญ่กว่าเจ๋ว์ ซึ่งเป็นภาชนะใส่เหล้าปากเปิด มีสามขา มองดูคล้ายนก องค์จักรพรรดิมักใช้ในเลี้ยงพระราชทานแด่ขุนนาง

Book Comment (2)

  • avatar
    สุภาพรฯ สิงห์คำ

    ชอบมากๆค่ะ

    25/05

      0
  • avatar
    ศุภกิจ ปิ่นเกตุ

    สนุก

    11/11

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters