logo
logo-text

Download this book within the app

3

เพื่อนบ้านมาเยี่ยมถึงเรือนชาน เธอไม่มีชาต้อนรับ มีเพียงน้ำเย็นในกาที่อาเจ๋อเป็นคนเข้าไปยกมาวางบนโต๊ะเล็กกั้นกลางระหว่างเราสองคน
ลานดินหน้าบ้านมีหญ้าขึ้นรก ตรงมุมรั้วสองด้านมีต้นพลับขึ้นอยู่ ดอกสีเหลืองอ่อนของมันกำลังผลิบาน
“พวกเราสองคนโชคดีนะที่รอดตาย”
ตอนท่านย่าหลินเอาข้าวมาส่งให้เธอคืนวาน หญิงสูงวัยเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์เรือล่มมีคนรอดชีวิตแค่สองคน อาเจ๋อลงเรือข้ามแม่น้ำเอาของป่าไปขาย ขากลับหอบเงินมามากโข แต่ทั้งหมดสูญหายเหลือเพียงชีวิตรอดท่ามกลางสายน้ำเชี่ยวกราก
ตัวเธอหมดสติพักอยู่หมู่บ้านริมแม่น้ำหนึ่งคืน อาเจ๋อก็อยู่ที่นั่นด้วย ผู้ใหญ่บ้านส่งคนมาบอกข่าวท่านปู่กับท่านย่า ผู้ใหญ่ทั้งสองจึงจ้างรถเทียมวัวมารับเธอกลับบ้านพร้อมหลานชาย
“รอดตายแต่ก็ตื่นมาแบบงงๆ หน่อย” เธอบอกเขา
ใจหนึ่งยอมรับสภาพกับชีวิตใหม่ ในโลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย หากอีกใจก็ยังไม่ปล่อยวางคำถามเดิม เพราะเหตุใดเธอถูกเลือกให้กลายมาเป็นหญิงตั้งครรภ์ต้องรับผิดชอบอีกหนึ่งชีวิต
“อาการเจ้าเป็นอย่างไรแล้ว ท่านย่ากับท่านปู่ห่วงเจ้ามากเลยนะ”
ท่านย่าหลินกล่าวถึงหลานชายคราใด มักมีน้ำตาปริ่มคลอ
“ข้ารู้ ถ้าโชคร้ายตายไปตั้งแต่วันนั้น ไม่รู้พวกเขาจะอยู่ต่ออย่างไร”
“แล้วจะทำอย่างไรต่อ ยังจะหาของป่าลงเรือข้ามแม่น้ำไปขายเมืองอื่นอีกไหม”
ถานเจ๋อยิ้มเล็กน้อย “เบื้องล่างไม่รับข้าไว้ เบื้องบนก็ให้โอกาสกลับมา แค่จมน้ำครั้งเดียว ข้าไม่ถอดใจง่ายๆ หรอกพี่เสี่ยวจวี๋ แผ่นดินกว้างใหญ่ยังมีของดีชั้นเลิศรอข้าไปค้นพบอีกมาก เรือล่มจมน้ำก็ถือเสียว่าฟาดเคราะห์ ข้าจะทำให้จากนี้ไปมีแต่เรื่องดีสำหรับพวกเรา”
“เรียกข้าว่าเสี่ยวจิ่วเถอะ”
สือจิ่วฟังแล้วรู้สึกว่าถานเจ๋อเปลี่ยนไป คำพูดจาห้าวหาญและดูมีชั้นเชิงแตกต่างจากคนในความทรงจำของสือจวี๋ คล้ายกับว่าผ่านพ้นความตายครั้งนี้เขาเติบโตขึ้นอีกขั้น
ส่วนเธอนั้น หากทำอะไรผิดแผกไปจากสือจวี๋คนเดิม ขอใช้ข้ออ้างมิได้พบพานกันหลายปี หรือเพราะจมน้ำสติสตังเปลี่ยนไปบ้างคงได้ล่ะมัง
“จิ่ว...”
“ข้าตั้งชื่อใหม่อวยพรให้ตัวเองมีอายุยาวนานอย่างมีความสุขที่สุด...ดีไหม”
คนฟังยิ้ม พยักหน้า
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าเรา...ถ้านั่นรวมข้ากับลูกด้วย ก็ขอบคุณน้ำใจเจ้าล่วงหน้า” หญิงหม้ายอุ้มท้องลำพัง อย่างไรก็ต้องมีคนให้พึ่งพาบ้างสักหน่อย
“นั่นต้องรวมพี่ด้วยอยู่แล้ว”
“เหมือนตายแล้วเกิดใหม่จริงๆ ข้าโชคดีที่มีท่านปู่ท่านย่าและมีเจ้านะอาเจ๋อ”
ดวงตาพี่สาวข้างบ้านเปล่งประกายราวกับดาวคืนแรกที่เขาเห็นบนท้องฟ้านอกหน้าต่างบ้านสกุลถาน
“ใช่เลย...พวกเราเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ เมื่อมีโอกาสเลือกเส้นทางเดินต่างจากเคย จุดหมายปลายทางย่อมต้องเปลี่ยน”
ไอแดดระอุอุ่น อึดใจใหญ่ลมเย็นจึงพัดเหนือทิวหญ้าสักหน
“ใกล้เที่ยงแล้ว คงเป็นอีกมื้อที่ข้าขอรบกวนบ้านเจ้า” หรือเป็นเพราะตั้งท้อง เธอจึงเริ่มรู้สึกหิวอีกแล้ว “ไว้พรุ่งนี้ข้าจะทำความสะอาดบ้าน จะสำรวจดูข้าวของในครัวเสียหน่อย ข้าไม่รู้ว่าตัวเองยังพอมีทรัพย์สินใดเปลี่ยนเป็นเงินได้บ้าง ปิ่นบนหัวข้าคงมีราคาอยู่กระมัง เมื่อกี้เกิดความคิดแวบหนึ่งขึ้นมา ที่ดินหน้าบ้านหลังบ้านปล่อยรกเกรงจะมีงูเพ่นพ่าน ถางหญ้าออกแล้วใช้ปลูกผักไว้ทำกินน่าจะดี รอแข็งแรงขึ้นสักหน่อยค่อยซ่อมเล้าไก่เลี้ยงไว้สักสิบตัวคงได้ มีไก่แล้วก็ต้องมีเป็ด พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางข้าจะลองทำการค้า เจ้าว่าดีไหม”
มาติดอยู่ในยุคโบราณแบบนี้อดคิดไม่ได้ว่า การมีชีวิตแบบสาวชนบทคนดังในโลกออนไลน์นั้นนับเป็นหนึ่งทางรอดของปากท้อง ตนควรเป็นที่พึ่งของตนให้ได้มากที่สุด
“พี่ลืมแล้วหรือว่ากำลังท้อง ท่านย่าห่วงเด็กในท้องพี่มากนะ” เขาก็ด้วย เพราะห่วงบวกกังวล ตั้งสติไตร่ตรองดีแล้วถึงได้มาหาหญิงสาวที่บ้าน
คงเพราะถานเจ๋อไปเล่าให้ท่านย่าของเขาฟัง ค่ำนั้นเพื่อนบ้านจึงยกโขยงกันมาที่บ้านเธอพร้อมหน้า
“เจ้าอยากให้ลูกหลุดรึ”
สือจิ่วส่ายหน้าหวือ เธอรับปากดวงวิญญาณแม่ของเด็กในท้องแล้ว จะกล้าบิดพลิ้วได้อย่างไร
“ข้าไม่อยากงอมืองอเท้านิ่งเฉยเรื่องปากท้องเจ้าค่ะ นี่ยังไม่รู้เลยว่ามีสิ่งใดในบ้านจะหยิบฉวยไปขายมาเลี้ยงตัวได้บ้าง ห่อผ้าข้าวของที่ติดตัวมาก็จมลงแม่น้ำหมดแล้ว” ตอนบ่ายลองค้นของในหีบใบเก่าวางอยู่มุมห้อง พบเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุด ชีวิตเธอเข้าข่ายเกือบติดลบอยู่ล่ะมัง
“พวกเราใช่คนอื่นไกล ข้าก็มองอาซานเป็นดั่งลูกชาย กับเจ้าก็ไม่ต่างจากหลานสาวสายเลือดเดียวกัน ตัวข้ายังแข็งแรง อาเจ๋อก็ผ่านพ้นเรื่องร้ายมาได้แล้ว ในยุ้งฉางมีข้าว ขึ้นเขาก็หาผักหญ้าของป่าล่าสัตว์ได้ เป็ดไก่เลี้ยงไว้เต็มเล้า ปลาในแม่น้ำมีให้จับกินไม่หวาดไหว อย่างไรพวกเราก็ไม่อดตาย”
ถานลู่พูด ผู้เป็นภรรยาพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ๆ มีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ท่านปู่ท่านย่ากับพี่ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะข้าคือถานเจ๋อคนใหม่แล้ว”
“อาเจ๋อคนใหม่ นั่นก็เสี่ยวจิ่วคนใหม่” นางหลินเหวินชี้หญิงสาวพร้อมยิ้มเอ็นดู หลานชายบอกเรื่องชื่อใหม่ของเสี่ยวจวี๋แล้ว
“เช่นนั้น อีกสักสองสามวันเจ้าพาข้าออกไปเดินดูรอบๆ หมู่บ้านได้หรือไม่ ไปดูไว้ก่อน เผื่อมีลู่ทางจะค้าขายอะไรในวันหน้า”
จบประโยค เธอก็พบสายตาฉายแววติดจะกังวลใจสามคู่
“เอ่อ...ข้ากลับมาครั้งหลังสุดคือตอนท่านพ่อตาย ไม่รู้หมู่บ้านเราเปลี่ยนไปเช่นไรแล้ว”
ญาติผู้ใหญ่พเยิดหน้าเป็นเชิงให้ถานเจ๋อตัดสินใจเรื่องนี้เอง
“พี่แน่ใจนะว่าอยากจะไปเดินรอบหมู่บ้านจริงๆ”
คำถามของเขากลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำถามในใจสือจิ่ว
มีเหตุผลหรือเรื่องสำคัญอะไรที่เธอควรรู้ ก่อนออกไปเดินสำรวจหมู่บ้านไท่โหยวอย่างนั้นหรือ

Book Comment (6)

  • avatar
    mustafaareef

    good

    31/08

      0
  • avatar
    สุภาพรฯ สิงห์คำ

    ชอบค่ะ

    24/05

      0
  • avatar
    น้อยอิอิหลอด

    DD you

    18/05

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters