logo text
Add to Library
logo
logo-text

Download this book within the app

Chapter 3 บทนำ เด็กกะโปโล vs ตาแก่ปากร้าย (3)

ธนภูมิเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะทำสีหน้าตกใจนัยน์ตาเบิกกว้างอ้าปากหวอพลางยกนิ้วชี้หน้าพศวัตอย่างคนเพิ่งจะนึกอะไรออก“แกไปบ้านน้องเปรี้ยวมา นี่อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องเขาน่ะ”
“ถ้าใช่แล้วแกจะทำไม”
ถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย
“เฮ๊ย! จริงเหรอวะ…แล้วแกว่าไง”
ร่างสูงของธนภูมิโดดจากโซฟาอีกตัวมานั่งลงข้างๆ เพื่อนรักอย่างอยากรู้ พศวัตเหลือบตามองแล้วบอกออกไปด้วยน้ำเสียงเน้นหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า
“ปฏิเสธโว้ย”
“ห๊า! ทำไมวะน้องเขาออกจะสวย นี่สารภาพกันตรงๆ เลยนะโว้ย ว่าฉันเล็งๆ น้องเขาอยู่ถ้าไม่เกรงใจแกนะ ฉันใส่เกียร์เดินหน้าจีบไปนานแล้ว”
พศวัตหันขวับไปจ้องหน้าตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง แต่ธนภูมิใช่จะกลัวกลับพยักพเยิดคล้ายกับถามว่า ‘มีปัญหาอะไร’ นั่นแหละชายหนุ่มถึงได้รู้ตัว ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วแก้เก้อด้วยการโยนหมอนในมือใส่หน้าของเพื่อนสนิทย่างหมั่นไส้พร้อมกับแก้ตัวเป็นพัลวัน
“ยัยเปรี้ยวเนี่ยนะสวย กะโปโลจะตายไป”
“แกเอาตาตุ่มมองน้องเขาหรือไงถึงได้บอกว่าเป็นเด็กกะโปโล เป็นสาวสะพรั่งแล้ว…แต่ช่างเถอะ ถ้าแกไม่สนงั้นฉันจีบนะ”
ผัวะ!
“โอ๊ย!”
ธนภูมิร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่ของพศวัตฟาดลงมาที่กึ่งศีรษะกึ่งขมับของเขาแทนคำตอบ และมันเป็นคำตอบที่ทำให้ธนภูมิข้องใจมาก แต่ก่อนที่จะเขาจะได้คาดคั้นเอาเหตุผลว่าทำไม พศวัตที่เหมือนจะไหวตัวทันจึงชิงเอ่ยปากขึ้นก่อน
“ยัยเปรี้ยวยังเด็ก…ฉันว่าเราเลิกคุยเลิกสนใจเรื่องนี้เถอะ ออกไปหาเหล้ากินแก้เซ็งดีกว่า”
“ไปตั้งแต่หัวค่ำเนี่ยนะ”
ถึงจะถามออกไปอย่างนั้นแต่ธนภูมิก็ยันร่างสูงของตัวเองลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เตรียมพร้อมสำหรับการแก้เซ็ง
“เออ ทำไมเจ้าของผับอย่างแกจะเปิดร้านให้ฉันไปนั่งกินเหล้าก่อนเวลาไม่ได้หรือไง และคืนนี้จะค้างที่นั่นเลย เมาแล้วไม่อยากขับรถ”
บอกความต้องการจบก็แล้วเดินนำออกไป ธนภูมิมองตามแล้วยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามออกไปติดๆ และระหว่างเดินไปนั้นธนภูมิเหมือนจะเพิ่งนึกถึงสิ่งสำคัญที่จะทำให้ค่ำคืนของชายโสดอย่างพวกเขาเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ขึ้นมาได้
“แล้วสาวๆ ล่ะวะต้องโทร.นัดไหม”
พศวัตหยุดเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาบอกพร้อมกับยักคิ้วอย่างอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยว่า
“ไม่ต้อง หาเอาข้างหน้าดีกว่า”
“ว่าไงก็ว่าตามกัน”
สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วประสานเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนต่างคนจะต่างเดินไปขึ้นรถของตัวเอง แล้วขับออกไปหาความสำเริงสำราญตามประสาหนุ่มโสด โดยมีสายตาของยัยเด็กกะโปโลข้างบ้านมองตามรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของพศวัตที่วิ่งนำเฟอร์รารี่ ที่เธอจำได้ดีว่าเป็นรถหรูสวยเฉี่ยวของเพื่อนสนิทชายหนุ่มที่ชื่อธนภูมิผ่านหน้าต่างของห้องนอนตัวเองไปจนลับสายตา
สนามบินสุวรรณภูมิ
ร่างบอบบางในชุดกางเกงยีนเข้ารูปอย่างที่เจ้าตัวชื่นชอบกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสไตล์แฟชั่นปิดท้ายด้วยผ้าพันคอสีพื้นดูเก๋ไก๋ไม่ฉูดฉาดแต่ลงตัวของวรรณวลีที่ยืนร่ำลาผู้สูงวัยทั้งสามคนที่มาส่งหญิงสาวขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ
หากแต่ยังขาดใครอีกคนที่หญิงสาวได้แต่แอบชะเง้อคอมองว่าเขาอาจจะมา เพราะเขารู้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะเดินทาง แต่เหลือเวลาอีกไม่มากเธอก็ต้องไปแล้วก็ยังไม่เห็นแม้เงา วรรณวลีถอนหายใจใบหน้าสวยแสดงความผิดหวังออกมานิดๆ คิดว่าผลจากวันนั้นพศวัตคงเกลียดเธอให้แล้วจริงๆ
“เป็นอะไรไปลูกถอนหายใจซะดังเชียว”
เสียงถามจากคนเป็นแม่ทำให้วรรณวลีสะดุ้งโหยง ก่อนจะปรับสีหน้าพลางส่งยิ้มแห้งๆ และกลบเกลื่อนด้วยการเดินเข้าไปกอดร่างท้วมนิดๆ ของคนเป็นแม่พร้อมกับออดอ้อน
“ก็เปรี้ยวไม่อยากจากแม่และทุกๆ คนไปนี่คะ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็ตั้งใจเรียน รีบเรียนจะได้รีบจบและจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ”
พูดพลางดันร่างบอบบางของคนเป็นลูกสาวออกห่างเล็กน้อย ซึ่งวรรณวลีก็พยักหน้ารับพร้อมกับอมยิ้มรับปากเสียงหนักแน่น
“ได้ค่ะ เปรี้ยวจะตั้งใจเรียนไม่เกเร และที่สำคัญจะช่วยงานที่ร้านน้าวาเพื่อหาประสบการณ์ด้วยดีไหมคะ”
น้าวาที่หญิงสาวเอ่ยถึงคือน้องสาวแท้ๆ ของคนเป็นแม่ที่ไปทำมาหากินโดยการเปิดร้านอาหารไทยอยู่ประเทศอังกฤษเมื่อหลายปีก่อน และตอนนี้กิจการก็รุ่งเรื่องดีถือเป็นร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ในเขตนั้นเลยทีเดียว
“ดีมากจ้ะ”
“ว่าแต่ทำไมเจ้าพตไม่มาสักที ทั้งที่เมื่อวานก็เตือนแล้วนะว่าคืนนี้หนูเปรี้ยวจะออกเดินทาง”
นายอนิวัตติ์บ่นพลางหมุนตัวกวาดสายตามองหาคนเป็นลูกชายหลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วใกล้เวลาที่วรรณวลีจะต้องขึ้นเครื่องแล้ว ดังนั้นขึ้นทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างมองหน้ากัน แล้วก็เป็นนางอมลวรรณที่เอ่ยขึ้น
“ตาพตอาจจะติดธุระก็ได้นะคะ”
“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ เห็นเมื่อวานรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาส่งน้อง เฮ้อ…อย่าถือสาพี่เขาเลยนะหนูเปรี้ยว คงเจองานด่วนเข้า เจ้านี่ถ้าได้อยู่ในโหมดทำงานเรียกได้ว่าลืมทุกอย่าง ดีที่มันไม่ลืมหายใจ”
นายอนิวัตติ์เอ่ยติดตลกแก้ตัวให้ลูกชายแบบแกนๆ ในใจก็นึกโมโหลูกชายตัวดีที่ผิดคำพูดจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่โตๆ กันแล้วต้องรู้อะไรควรไม่ควรแสดงออกแค่ไหน
“ไม่เป็นไรค่ะ เปรี้ยวเข้าใจ แค่คุณลุงมาส่งเปรี้ยวก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ” บอกด้วยน้ำเสียงสดใสใบหน้าระรื่นแต่ในอกนั้นซ่อนความน้อยใจเอาไว้ไม่น้อย
“อุ๊ย! ใกล้เวลาแล้ว ไปเถอะลูก ถึงที่โน่นแล้วอย่าลืมโทร.มารายงานตัวกับพ่อและแม่ด้วยนะจ๊ะ”
“ค่ะ งั้นเปรี้ยวไปนะคะ”
หญิงสาวยกมือไหว้คนเป็นแม่แล้วเข้าไปสวมกอดอีกครั้ง ก่อนจะผละออกหันมาไหว้และสวมกอดร่างสูงของคนเป็นพ่อบ้าง
“ไปนะคะพ่อ”
“รักษาตัวด้วยนะลูก มีอะไรโทร.มาหาพ่อได้ทุกเวลานะ”
มือหนาลูบผมสลวยของลูกสาวที่เวลาผ่านไปไม่นานลูกสาวตัวน้อยๆ ของเขาก็กลายเป็นสาวเต็มตัวพร้อมจะออกจากอกไปเผชิญโลกภายนอกตามลำพังแล้ว
“ค่ะ…เปรี้ยวไปนะคะคุณลุง ฝากดูแลคุณพ่อกับคุณแม่แทนเปรี้ยวด้วยนะคะ”
ท้ายประโยคหญิงสาวหันมายกมือไหว้และฝากฝังบุพการีทั้งสองกับผู้สูงวัยข้างบ้านที่สนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ไม่ต้องห่วงลุงจะดูแลให้เป็นอย่างดี เดินทางปลอดภัยแล้วอย่าลืมโทร.มาคุยกับลุงบ้างนะ”
ริมฝีปากบางเปิดยิ้มให้กับทุกคนเป็นการส่งท้าย ก่อนจะหมุนตัวลากกระเป๋าเดินห่างออกไป หากแต่ไปได้เล็กน้อยวรรณวลีก็เอี้ยวตัวกลับมาโบกมือให้กับผู้สูงวัยทั้งสามด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมที่จะชะเง้อคอมองเลยไปเผื่อใครบางคนที่เธอเฝ้ารอจะโผล่หน้ามา แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำสอง ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสลดลง แต่มันก็ชั่ววินาทีเท่านั้นวรรณวลีสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ใบหน้าสวยก็เชิดขึ้นอย่างถือดี พร้อมกับเตือนสติตัวเองว่า ‘ไม่มาก็ไม่เห็นง้อ เห็นเราเป็นแค่เด็กกะโปโลล่ะสิเลยไม่สนใจ คอยดูนะกลับมาเมื่อไหร่เราจะได้รู้กัน ตาแก่’

Book Comment (1283)

  • avatar
    Master KonIawat

    อ่านสนุก

    1d

      0
  • avatar
    Anuchit

    เป็นหนังสือที่ดีมากอ่านสนุกมากๆๆๆๆๆๆ

    1d

      0
  • avatar
    2006Katsar

    สนุกมากเลยค่ะ

    1d

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters