บทที่ 6 ของเล่นเด็กบางส่วนถูกห่อวางไว้ในกล่องลังหลายใบก่อนหน้าที่เขาจะกลับมาถึง ชายหนุ่มเดินตามแม่ลงไปข้างล่าง เพื่อช่วยยกของขึ้นรถยนต์ พี่สาวของเขาจอดรถรอแม่อยู่ออกจะดีใจเพราะนาน ๆ ได้พบกัน นานขนาดว่าคงจุดพลุฉลองได้ หากจะได้เห็นหน้าค่าตาของน้องชายแท้ ๆ สักครั้ง จึงลดกระจกลงเพื่อถามไถ่ “อ้าว! มาพอดีเลยไอ้น้อง เป็นไงบ้าง ผอมลงหรือเปล่าแก?” “นิดหน่อยพี่แป๋ว... อาหารไม่ถูกปากน่ะ” สองแม่ลูกนั่งในรถเรียบร้อยดีแทบหัวเราะออกมา คงไม่ใช่เพราะกับข้าวที่นู่นไม่อร่อยเหมือนอาหารไทย แต่เป็นเพราะไม่มีแม่ครัวประจำตัวที่ทำอะไรก็อร่อย แม่ครัวคนสวยยังเป็นแม่บ้านทำทุกอย่างให้เขาแม้กระทั่งซักชุดชั้นใน... จะไม่ให้คิดถึงยังไงไหว “ถ้าเจอพุด ฝากเอาเสื้อนี่ไปให้ด้วยนะ บอกว่าพี่เอาอีกสองตัวสีแดงกับสีชมพู ไซซ์นี้แหละ” ชายหนุ่มรับเดรสตัวสวยสีขาวมาด้วยสีหน้าแปลกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินจากอลันเมื่อหลายปีก่อนว่าปรายลดาทำหัดทำธุรกิจออนไลน์ ตามสาขาที่เรียนคือบริหารธุจกิจ การจัดการการตลาด “พุด... ยังขายเสื้อผ้าอยู่เหรอพี่?” “ขายสิ เดี๋ยวนี้นางเปิดร้านใหญ่โตกับเพื่อนสาว พี่ได้ยินว่าเพิ่งกู้ซื้อคอนโดฯ ผ่านด้วย อายุเท่านี้เอง เก่งมาก ๆ” “อ้าว ไม่ใช่ไปอยู่กับแฟนเหรอ? พ่อรูปหล่อคนนั้นน่ะ” ได้ยินเท่านั้น ความริษยารุนแรงปรากฏขึ้นในสายตาประกายกร้าว หวงแหนราวกับว่าหญิงสาวเป็นสมบัติส่วนตน “พุดจะไปกับคนอื่นได้ยังไงแม่ พุดจะมีแฟน ยังไงก็ต้องบอกผมเป็นคนแรกสิ” เขาคิดแบบนั้น คิดได้ตรงใจแม่อนงค์ที่รู้ดีว่าลูกชายน่าจะโกรธจนเป็นบ้าได้เพราะความหึงหวง “แม่ก็ไม่รู้ แต่นางพาหนุ่มมาให้แม่รู้จักคนแรก ปรกติแล้วเคยพาใครมาที่ไหน? จะว่าเป็นกะเทยก็ไม่น่าใช่ ไปคุยกันเองละกัน แม่ไปละ” “ไว้เจอกันไอ้น้อง มีอะไรค่อย ๆ คุยกันนะ” บอกลากันดีแล้วรถยนต์ก็เคลื่อนตัวออกไปจนลับตา คำพูดของแม่ทำให้เขาต้องใช้ความคิดอย่างหนัก ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมบนใบหน้ายุ่งเหยิง กลับเข้าบ้านพร้อมเสื้อเดรสในมือหนึ่งตัว ก่อนที่เขาจะโยนของเกะกะลงบนโซฟาอย่างไม่แยแส ล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า ไม่มีเสียงตอบรับจากปลายสายที่อาจจะปิดเครื่องเปลี่ยนเบอร์หนีเขาหรือเกิดเรื่องอะไรขึ้นไม่รู้ได้ เขารู้แค่ว่าเธอไม่เคยเป็นแบบนี้... หากว่าเขาหายไปไม่ว่าจะนานเท่าไร เธอจะรอ... รอเขากลับมา วิ่งเข้าหาอ้อมกอดของเขาในก้าวแรกที่ประตูบ้านเปิดออก ร้องไห้อย่างดีอกดีใจ แล้วร้องไห้อีกครั้งในวันที่เห็นกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่ นานแล้วที่เขาทิ้งปรายลดาอยู่บ่อย ๆ ตั้งแต่เธอเริ่มแตกเนื้อสาว ตั้งแต่... ดวงตาของเขาหยุดอยู่ที่ผมสีดำนุ่มสลวยลอดผ่านปลายนิ้วทีละเส้น นาฬิกาชีวิตของเขาหยุดเดินไปกับรอยยิ้มแสนสวยของเธอ กลิ่นหอมอ่อนจากนวลเนื้อเนียนละเอียดโชยมาแตะจมูกแล้วเขาก็จะค่อย ๆ พริ้มตาปิดลง จินตนาการอะไรต่อมิอะไรไปต่าง ๆ นา ๆ ในแบบของผู้ชายคนหนึ่ง... ไม่ใช่อาหรือพ่อเลี้ยง... แต่เป็นไอ้โคแก่บ้ากาม! จ้องจะเขมือบเด็กสาว สิบสามปี สิบห้าปี สิบแปดปี ยี่สิบปี.... เขาจึงตัดสินใจที่จะไป เฝ้ารอเธออยู่ห่าง ๆ ดูภาพถ่ายที่แม่ส่งไปให้ในสถานที่ที่ไกลมากพอหนีพ้นความรู้สึกประหลาดในหัวใจ ถึงไม่เคยทำได้สักครั้ง ยิ่งหนีเท่าไร ก็ยิ่งจะต้องออกแรงวิ่งให้มากขึ้นอีก วิ่งจนถึงจุด ๆ ที่วิ่งต่อไปไม่ไหว สุดท้ายก็วิ่งกลับไปที่เดิม ทุกวันนี้เขายังสงสัยอยู่ว่าจะหนีเธอไปให้เหนื่อยทำไม? ทำไมเขาไม่อยู่เคียงข้างเธอ ให้กำลังใจเธอให้ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ส่งแค่เงิน กลับบ้านมาอยู่เป็นพัก ๆ แล้วก็หาเรื่องไปทำงานต่างประเทศ ไป ๆ มา ๆ จนวันนี้เธออาจจะเป็นฝ่ายทิ้งเขาบ้าง... เขาต้องรอสาวน้อยในความดูแลกลับมางั้นเหรอ!? ปรายลดาจำเป็นต้องเรียกแท็กซี่กลับบ้านก่อนเวลา ด้วยเหตุว่าเธอมีไข้ต่ำ ๆ จนเรียนวิชาต่อไปไม่ไหว ขณะที่เพื่อนรักอาสาอยู่จดบันทึกการสอนในห้องเรียนให้ แทนที่จะไปส่งซึ่งก็นับว่าเป็นเรื่องแปลกอยู่ เธอเป็นคนไม่มีญาติที่ไหน... นอกจากพี่เปา แม่อนงค์ และยัยปริม ก็คงจะไม่มีใครจริง ๆ พ่อปองกานต์จริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่พ่อของเธอ ไม่เคยมาแยแสกันด้วยซ้ำ นานแล้วที่เธอเคยอ่านหัวข้อสนทนา ‘ในวันที่ไม่รู้ว่าเป็นลูกใคร’ ในโลกออนไลน์ พอได้เกิดเข้ากับตัวเองจริงดันขำไม่ออก เพราะนั่นหมายความว่าเธอจะต้องดิ้นรนและพยายามให้มากกว่าคนอื่นหลาย ๆ เท่า คอนโดมิเนียมของเธอที่ซื้อไว้นั้นอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย โดยสารทางรถยนต์แค่สิบนาทีก็ถึง จะเรียกวินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งไม่น่าจะถึงห้าสิบบาท ต่อให้เป็นช่วงการจราจรติดขัด ทันทีที่มาถึงห้องสตูดิโอฯสี่เหลี่ยมที่มีขนาดกำลังพอดีไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ตกแต่งด้วยดีไซซ์ทันสมัยสมราคา เธอไม่ลืมส่งข้อความบอกเพื่อนว่าเดินทางมาถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ก่อนจะหยิบเม็ดยาออกมาจากกล่องยาในกระเป๋าสะพาย เดินตรงไปที่ตู้เย็น... ทันใดนั้นเอง ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างมองชายร่างสูงใหญ่ในชุดทำงานเรียบร้อยก้าวพ้นออกมาจากความมืด ใต้แสงไฟสีเหลืองนวลสลัว “พุด... ทำไมพี่โทรไปไม่รับ?” ความคับข้องหมองใจพุ่งขึ้นมาระลอกหนึ่งในแววตาประกายกร้าว เมื่อพบว่าสาวน้อยที่เขาเฝ้าทะนุถนอมซูบโทรมลงไปมากขนาดไหน ปรายลดาเป็นคนผอมอยู่แล้ว ความเครียดทำให้เธอน้ำหนักหายไปกว่าห้ากิโลฯในเดือนเดียว ดวงตาแดงช้ำเศร้าหมองบอกว่าเธอไม่เคยมีความสุข หญิงสาวกัดริมฝีปากตัวเองแรง ๆ เพื่อพยายามกลั้นเสียงสั่น ๆ เอาไว้ “พี่เปามีอะไรคะ?” ในน้ำเสียงเย็นชาอาจเย็นยะเยียบอยู่เท่า ๆ กันกับอีกคนหนึ่ง “กลับบ้านกับพี่... เรายังเรียนหนังสือไม่จบ พี่ไม่อนุญาตให้มาอยู่กับผู้ชาย” “พุดอยู่ที่นี่คนเดียว ห้องนี้... เป็นห้องพุด พุดไม่ได้ทำอะไรเสียหาย...” วงหน้าหล่อเหลาเครียดเข้มขึ้น พอนึกถึงคำพูดของนัชชาที่อาจจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด ทว่าเขาก็ยังไม่แน่ใจ สายตาอาลัยอาวรณ์ของเขาค้างอยู่บนใบหน้าสดสวยซีดเผือดที่มีหยดน้ำตารินไหลลงอาบแก้ม แม้ว่าเธอกำลังจะเชิญเขาออกไปจากห้องนี้...
ชอบๆ อ่านเพลิน สนุกดี
22/04
0ชอบค่ะ
23/02
0กยพะดีทค่ะ
31/12/2022
0View All