เดือน 9 วันงานเทศกาลฉงหยางเด็กหญิงตัวเล็กวิ่งเล่นไปทั่วทั้งจวน นางกำลังหาวิธีออกไปเที่ยวชมดอกไม้ในเทศกาลฉงหยาง ได้ยินว่าเทศกาลนี้มีขนมชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ฉงหยางฮัวเกา ทำจากแป้งข้าวเจ้า ในตัวขนมจะถูกตกแต่งด้วยธัญพืชชนิดต่าง ๆ เสิ่นอ้ายฉิงอยากกินเป็นที่สุดมีอยู่ปีหนึ่ง!!เด็กหญิงจำได้ว่าพี่ชายพี่สาวออกไปเที่ยวข้างนอก และนำขนมชนิดนี้กลับมาฝากนาง พวกเขาบอกว่าต้องไปยืนต่อแถวช่วงชิงกับคนอื่นเพื่อให้นางได้ชิม แต่กว่าจะได้กินขนมฉงหยางฮัวเกาก็เย็นชืดไม่อร่อยแล้ว เสิ่นอ้ายฉิงเห็นถึงความพยายามของพี่ ๆ กลัวว่าพวกเขาจะเสียน้ำใจตอนนั้นเสิ่นอ้ายฉิงจึงกินจนหมดในปีนี้นางจึงหมายมั่นเอาไว้ว่า จะต้องขอติดตามพวกพี่ ๆ ออกไปนั่งกินที่ร้านให้ได้ในที่สุดนางก็ทำสำเร็จแม่ทัพและฮูหยินเสิ่นยอมอนุญาตให้บุตรสาวคนเล็กออกติดตามไปด้วย แต่มีข้อแม้อยู่ว่า นางจะต้องอยู่กับพี่เลี้ยงและองครักษ์ห้ามห่างกันโดยเด็ดขาด เด็กหญิงรับปากนางจะเป็นเด็กดีและเชื่อฟังทุกอย่างที่บิดามารดากำชับ ขอเพียงได้ออกไปข้างนอกเสิ่นมู่เฉิงและเสิ่นอ้ายเหรินไม่ค่อยพอใจนักที่น้องสาวอยากออกมาด้วย เพราะนางตัวเล็กและขี้โรค พวกเขาสองคนแข็งแรงการมีอยู่ของนางทำให้การเที่ยวเล่นของพี่ชายพี่สาวช้าลงไปมาก อีกทั้งเขาเกรงว่าดวงตาสีประหลาดของนางจะสร้างปัญหาเด็กหญิงเดินเล่มชมนั่นชมนี้ไปเรื่อยเปื่อย พี่สาวพี่ชายไม่หันมาคุยกับนางแม้แต่คำเดียว ถ้าหากนางไม่ชวนคุยพวกเขาก็คุยกันเพียงสองคน รู้เช่นนี้นางมากับพี่เลี้ยงและองครักษ์ดีกว่าเดินจนเกือบทั่วทั้งตลาดเสิ่นอ้ายฉิงก็ยังหาร้านขนมฉงหยางฮัวเกา ที่พวกพี่เคยพูดถึงไม่เจอ เด็กหญิงปล่อยมือจากพี่เลี้ยงโดยไม่รู้ตัว ส่วนพี่เลี้ยงเองก็มัวแต่ชื่นชมสินค้าในร้านขายปิ่น ลืมตัวปล่อยมือนาง เด็กหญิงตัวเล็กเดินไปเรื่อยเปื่อยตามทางรู้ตัวอีกทีก็พลัดหลงกับทุกคนเสียแล้วนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาหลงลืมนาง จนบางครั้งนางก็คิดว่านางใช่คนในตระกูลเสิ่นหรือไม่ หรือเพราะดวงตาสีนี้ของนางพวกเขาจึงรังเกียจเดินมานานจนเหนื่อยล้าสองขาเล็ก ๆ ของนางแทบไร้เรี่ยวแรง เสิ่นอ้ายฉิงทรุดตัวนั่งน้ำตาคลออยู่ข้างทาง ม่านน้ำตาปกคลุมดวงตาสีน้ำตาลอมเขียวจนนนางมองได้ไม่ชัดร้องไห้อยู่นานภาพของเด็กผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพี่ชายของนางปรากฏตัวขึ้น กว่าเด็กหญิงจะมองหน้าเขาได้ชัด ๆ เขาก็จูงมือนางไปแล้วน้ำเสียงของเขาอ่อนโยนพูดกับนางด้วยความห่วงใย“น้องสาว เหตุใดเจ้าจึงมานั่งร้องไห้อยู่ผู้เดียว” เด็กหนุ่มถามเด็กผู้หญิงอ่อนวัยที่กำลังนั่งเช็ดน้ำตานางสวมชุดสีชมพูมวยผมด้วยเชือกเล็ก ๆ เป็นรูปดอกไม้ดวงตาสุกใสของนางเป็นสีน้ำตาลดูที่มีสีเขียวเจือปนอยู่เมื่อพินิจดูให้ชัด ๆ หรือว่านางคือบุตรสาวคนเล็กของแม่ทัพเสิ่นที่เขาร่ำลือกัน หลงเยว่เทียนมองเด็กหญิงตัวเล็กที่เขาพามา หลายคนพูดถึงความงามตั้งแต่ยังเยาว์ของคุณหนูเล็กตระกูลเสิ่น นางมีดวงตาที่สวยงามอย่างประหลาด“พี่ชาย” นางจับมือเขา มืออีกข้างเช็ดน้ำตา “ข้าพลัดหลงกับคนที่บ้าน เดินตามหาเท่าไหร่ก็หาพวกเขาไม่เจอ”“อย่าร้องเลยเด็กน้อย พี่ชายจะพาเจ้าไปส่งบ้าน” เขาย่อตัวลงตอนนี้ใบหน้าของเขาอยู่ในระนาบเดียวกันกับนางเสิ่นอ้ายฉิงมองเด็กหนุ่มที่เข้ามาช่วยเหลือนาง เด็กหญิงตกตะลึงไปชั่วครู่ เขานั้นงดงามหล่อเหลาสวมชุดสีฟ้า ท่าทางคล้ายกับจะเป็นคนมีชาติตระกูลนางเดาว่า เขาอาจจะเป็นบุตรขุนนางขั้นสูงสักคน“.......” นางยอมตามเขาไปอย่างว่าง่าย จนไปหยุดอยู่ที่หน้าจวนแม่ทัพเสิ่นมู่เฉิงรีบวิ่งเข้ามารับตัวนางทันทีที่เห็นหน้าน้องสาว เขาและเสิ่นอ้ายเหรินตั้งใจรีบไปแย่งซื้อฉงหยางฮัวเกาที่ร้านอร่อยจนพลัดหลงกับน้องสาวพี่เลี้ยงที่ติดตามไปด้วยก็ปล่อยปละละเลยนางพอกลับมาเจอกันที่จุดนัดพบ ไม่เห็นน้องสาวคนเล็กเสิ่นมู่เฉิงก็แทบเป็นบ้า กลับไปเขาจะต้องให้บิดาลงโทษพี่เลี้ยงให้ได้“ฉิงเอ๋อ เจ้าหายไปไหนกัน” เมื่อเห็นหน้านาง เขาก็ขึ้นเสียงใส่อย่างลืมตัวเด็กหญิงน้ำตาคลอพวกเขาไปเที่ยวกันโดยทิ้งนางไว้กับพี่เลี้ยงตอนนี้ยังจะมาขึ้นเสียงกับนางอีก เสิ่นอ้ายฉิงเดินไปหลบอยู่เบื้องหลังพี่ชายชุดฟ้า“น้องเล็กเจ้ากลับมาแล้ว” เสิ่นอ้ายเหรินที่วิ่งตามมาทีหลังรีบเข้าไปหานางเสียงหวานใสที่ร้องเรียกน้องสาวเรียกร้องความสนใจจากหลงเยว่เทียนได้ไม่น้อย เขามองไปทางต้นเสียง เด็กสาวดวงตาสีดำเปล่งประกายก็ปรากฏต่อหน้าเขา หลงเยว่เทียนหัวใจเต้นแรงในทันทีนางงดงามสดใส แต่ก็มีมุมเย่อหยิ่ง“ท่านเป็นใคร” นางถามแขกที่ไม่รู้จัก“อ้อ ข้าน้อยหลงเยว่เทียน บังเอิญเจอเด็กน้อยคนนี้กำลังนั่งร้องไห้อยู่ข้างทาง เห็นว่านางไม่มีใครเกรงว่าจะเจอกับคนไม่ดี จึงอาสาพานางมาส่งที่บ้าน”เสิ่นมู่เฉิงขมวดคิ้ว เขารู้ได้อย่างไรว่าบ้านนางอยู่ที่ไหน น้อ น้องเล็กไม่ค่อยได้ออกไปนอกจวนคาดว่าคงจำทางกลับบ้านไม่ได้แน่ ๆ“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าต้องมาส่งนางที่ไหน น้องเล็กของข้ายังเด็ก” เสิ่นมู่เฉิงใส่อารมณ์คนที่มายุ่งกับน้องสาวของตน“เจ้า ใจเย็น ๆ ก่อนข้าไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อนางเพียงแต่....” หลงเยว่เทียนไม่รู้ว่าควรพูดออกไปหรือไม่“พี่ใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อนเจ้าค่ะ” เสิ่นอ้ายเหรินปรามพี่ชายและให้เขาพูดต่อ “เจ้าพูดต่อสิ”“ได้ยินมาว่า คุณหนูเล็กแห่งจวนแม่ทัพมีดวงตางดงามดุจอัญมณี สีของดวงตาเป็นสีน้ำตาลอมเขียวมีเอกลักษณ์ ข้าเห็นว่าน้องสาวที่กำลังร้องไห้อยู่ข้างทางมีเอกลักษณ์โดดเด่นเช่นนี้ จึงคาดว่านางน่าจะเป็นบุตรสาวแม่ทัพจึงลองเสี่ยงดวงพาตัวนางมาส่ง หากไม่ใช่อย่างไรเสียข้าก็จะตามหาครอบครัวนางอยู่ดี”ได้ยินเรื่องสีตาของน้องสาวเสิ่นมู่เฉิงก็รีบดึงตัวน้องเล็กมาอยู่ด้านหลัง เหตุผลหนึ่งที่เขาไม่อยากพานางออกไปข้างนอกด้วยกัน ก็เพราะสีตาของนางโดดเด่นจนเกินไปเกรงว่าจะเป็นภัยแก่ตัวนางเองเสิ่นอ้ายฉิงโดนพี่ชายลากตัวกลับเข้าบ้านก็ได้แต่ทำหน้านิ่ว เมื่อหันหลังย้อนกลับไป เด็กหญิงเห็นพี่สาวยิ้มแย้มพูดคุยกับคนผู้นั้นอย่างสนุกสนาน และคนผู้นั้นก็ดูเหมือนจะชอบนางหรือว่าของที่นางอยากได้ จะถูกเสิ่นอ้ายเหรินช่วงชิงไปอีกแล้ว.....
ร้องฉ่ำ
6d
0อ่านเพลินมากเลย
14d
0Good funny
10/07
0View All