logo text
Add to Library
logo
logo-text

Download this book within the app

Chapter 4 เหตุการณ์ประหลาด

ปรทิพย์พยายามมองหาสโรธรนาคินทร์ สุดท้ายไม่เจอแม้เงา เธอตัดสินใจเดินลัดเลาะกลับโรงแรมริมชลคนเดียว ในมือเรียวกำไข่มุกงามเม็ดนั้นแน่น เธอไม่ได้ที่จะยกขึ้นมองหลายรอบ คำถามมากมาผุดขึ้นตลอด อะไร อย่างไร ทำไมเขาต้องให้ของมีค่าทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน
ณ สวนหย่อมของโรงแรมริมชล
ปรทิพย์เดินถึงสวนหย่อมด้านข้างของโรงแรม เธอเห็นคนสวน 2-3 คน กำลังขะมักเขม้นตัดแต่งกิ่งไม้ จึงแวะไปทักทายลุงผลซึ่งเป็นคนเก่าแก่ของคุณปู่
“ค่ำแล้ว ยังไม่เลิกทำอีกหรือจ้ะลุงผล” ปรทิพย์ทักคนสวนเก่าแก่
“อีกนิดหน่อยครับคุณหนู พวกผมจะตัดกิ่งไม้ตรงนี้ให้โล่งสักหน่อย เมื่อกลางวันมีแขกแจ้งวาสเห็นงูตัวใหญ่เลื้อยผ่าน” คนสวนสูงวัยรายงาน
“งูใหญ่อย่างนั้นหรือ” ปรทิพย์ขมวดคิ้ว แปลกใจ
“ครับ ผู้จัดการเกรงจะเป็นอันตรายกับแขก เลยสั่งให้รื้อพุ่มไม้ตรงนี้ด้วย”
“โรงแรมเราไม่เคยมีงูนะ...”
“งูตัวใหญ่ไม่เคยมีหรอกครับ มีแต่งูเขียวตัวเล็กๆ แต่เดือนนี้ ทำไมมีคนเห็นบ่อยนักก็ไม่รู้”
แต่แล้วปรทิพย์ก็นึกได้ จึงตอบไปว่า “อ๋อ คงเป็นเพราะรีสอร์ทแห่งใหม่ กำลังสร้างด้านโน่นนะสิ ทำให้งูที่เคยอาศัยแถวนั้นพลัดหลงเข้ามาในโรงแรมของเรา”
“น่าจะใช่” คนสวนสูงวัยเออออตาม
“ลุงผลจ้ะ ฉันขอตัวขึ้นโรงแรมก่อนนะ”
“เดี๋ยวผมเดินไปส่งที่ลอบบี้นะครับ”
“ไม่เป็นไรจ้ะ แค่นี้เอง”
“ทางนั้นรกนะครับ หญ้าขึ้นหนาเผื่อมีงูอาศัยอยู่”
ปรทิพย์หัวเราะ โบกไม้โบกมือห้าม
“ไฟทางเดินของโรงแรมสว่าง ลุงผลไม่ต้องห่วงนะจ้ะ”
พูดจบปรทิพย์เดินตัดสนามหญ้าไปอีกฟาก ผ่านพุ่มไม้ดอกสีม่วงสะดุดตา เธอเดาว่านั่นเป็นพุ่มของต้นช้องนาง ถัดไปเป็นพุ่มดอกพุดซ้อนแคระ ยิ่งตอนเช้าๆ เธอชอบมากเวลาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ สวนของโรงแรมมีไม้ดอกนานาพันธุ์ซึ่งถูกตกแต่งจัดไว้อย่างลงตัว
ปรทิพย์เดินชมดอกไม้อย่างเพลิดเพลิน แต่แล้วเธอต้องชะงัก
สวบ สวบ สวบบบบ....คล้ายสิ่งมีอะไรเลื้อยผ่าน ทันใดนั้น สิ่งที่ปรทิพย์ไม่คาดคิดดังขึ้น
ฟ่อ...ฟ่อ...ฟ่อ...เสียงขู่ฟ่อๆ ดังอยู่ด้านหลัง
ปรทิพย์หันขวับ นัยน์ตาสวยต้องเบิกกว้าง
“คุณพระช่วย...” เธอครางแทบไม่พ้นริมฝีปาก เมือเห็นอสรพิษร้ายยกตัวสูงจากพื้นเป็นเมตร วินาทีนั้นใบหน้าเข้มของสโรธรนาคินทร์แวบเข้ามาในความรู้สึก เธอร้องไม่ออกเพราะขนาดของมันใหญ่มากจนเธอช็อกราวกับถูกมนต์สะกด
“คุณปอ!!” เสียงลุงผลตะโกนลั่น เมื่อเห็นงูยักษ์ชูคอประจันหน้ากับปรทิพย์ ความโกลาหลอลหม่านเกิดขึ้น คนงานแตกตื่น ยืนตะลึง วินาทีต่อมาร่างบางของปรทิพย์ก็ล้มตึง!!!
“คุณปอ คุณปอถูกงูกัด!!”
เสียงเอะอะของคนงานดังอึงมี่ รับกันเป็นทอดๆ ลุงผลรีบวิ่งไปช่วย แต่เมื่อไปถึงก็พบว่ามีบุรุษคนหนึ่งได้อุ้มร่างปรทิพย์ไว้ในวงแขนก่อนแล้ว
“ช่วยด้วยครับ คุณหนูถูกงูกัด” ลุงผลละล่ำละลักบอก
บุรุษหนุ่มหันมอง เขาทำเพียงพยักหน้ารับรู้ก่อนอุ้มปรทิพย์ไปวางบนม้านั่ง
“งูเห่าแน่ๆ” ลุงผลรีบรายงานเพราะเห็นรอยแผล 2 จุด เหมือนรอยเขี้ยวเจาะลึกตรงข้อเท้า ประสบการณ์สอนว่า นั่นเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากปรทิพย์ถูกงูพิษกัด
บุรุษหนุ่มมีสีหน้าเรียบเฉย เขาใช้มือใหญ่กดลงบนรอยเขี้ยวนั้นอยู่นาน
ลุงผลเห็นดังนั้นจึงกุลีกุจอยื่นเชือกไปให้ แล้วพูดว่า “เชือกครับ คุณรีบรัด ก่อนพิษวิ่ง”
เพราะลุงผลเดาว่าเจ้าตัวเขื่องนั่น ไม่งูเห่าก็คงเป็นงูจงอาง จึงต้องรีบปฐมพยาบาลแบบขันชะเนาะแล้วคลายทุก 15 นาที ตามตำราที่เคยรู้มา จากนั้นพาคนป่วยไปฉีดเซรุ่มให้เร็วที่สุด
“ไม่ต้องมัด เธอไม่ได้โดนงูกัด” บุรุษหนุ่มพูดน้ำเสียงราบเรียบ
“แต่รอยนั่น...” ลุงผลเถียงคอเป็นเอ็น
“ผมดูแล้ว”
“แน่ใจได้อย่างไร คุณดูรอยเขี้ยวนั่นสิ”
“นั่นไม่ใช่รอยเขี้ยวงู” บุรุษหนุ่มปฏิเสธอีกครั้ง
“แต่ผมเห็นงูตัวใหญ่ อยู่ใกล้คุณหนูนะครับ” ลุงผลพยายามอธิบายอีกครั้งเพราะห่วงปรทิพย์
“คุณหนูของลุงไม่ได้ถูกงูกัด เชื่อผมสิ” บุรุษหนุ่มยังคงยืนยันคำเดิม
“ผมเห็น มันแผ่แม่เบี้ย ยกตัวสูงจากพื้นเป็นเมตร นั่น รอยเขี้ยว คุณ คุณดูสิ”
“รอยอะไร” บุรุษหนุ่มถาม น้ำเสียงเรียบ
“นี่ไง” ลุงชี้ที่บาดแผล 2 จุด ถูกงูพิษกัดแน่นอน
ครานี้เขาคลี่ยิ้มแล้วตอบว่า “กิ่งไม้ตำต่างหาก”
“กิ่งไม้หรือ แต่...”
“เชื่อผมสิ คุณหนูแค่ตกใจ จนเป็นลม ลุงไปตามคนมาปฐมพยาบาลก่อนดีกว่า”
“เอ่อ...” ลุงผลลังเลแต่เมื่อสบนัยน์ตาของบุรุษตรงหน้า แกรู้สึกเย็นยะเยือก ประกายตาสีดำอำพันคู่นั่น มีอำนาจประหลาด ทำให้ต้องถอยออกมาสั่งคนงานดังลั่น
“เอ้า!! พวกเอ็งยืนดูอยู่ได้ ไอ้ส่งไปบอกผู้จัดการที่ลอบบี้สิโว้ย แกด้วย ไอ้แม้น เอ็งไปตามคนมาเพิ่ม หางูตัวเมื่อกี้เสียด้วย” นายส่งกับนายแม้นต่างกุลีกุจอทำเร่งด่วน
“อย่าเป็นอะไรนะ คุณหนู” ลุงผลรำพึงรำพัน ยืนหน้าซีดด้วยความห่วงใย
หากปรทิพย์เป็นอะไร ใครจะรับผิดชอบไหว พนักงานในโรงแรมคนต่างรู้ เธอเป็นแก้วตาดวงใจของท่านนายพลปรเมศวร์และคุณหญิงมณี ไม่นานนักเสียงดังอึงมี่แว่วจากตัวโรงแรม พนักงานรีบวิ่งมาปฐมพยาบาลปรทิพย์ให้วุ่น ความสับสนวุ่นวายเล็กๆ เกิดขึ้น ซึ่งช่วยอำพรางสายตา ให้บุรุษหนุ่มหายไปก่อนจะมีใครทันสังเกต
“คุณปอ...คุณปอคะ” พนักงานพยายามปลุกพร้อมบีบนวด
ปรทิพย์ค่อยลืมตา
“ฟื้นแล้ว! คุณปอฟื้นแล้ว...” พนักงานที่บีบนวดอุทานออกมาด้วยความดีใจ และอีกหลายคนที่ยืนรายล้อมต่างส่งเสียงเฮอย่างโล่งใจ
“ฉันเป็นอะไร” ปรทิพย์พึมพำออกมาไม่เต็มเสียง เธองัวเงียเหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น แต่แล้วความทรงจำสุดท้ายผงาดในหัว เธอหน้าถอดสีในทันที รีบหันไปละล่ำละลักถามพนักงานด้วยน้ำเสียงหวาดผวา
“งู งู งูอยู่ไหน!”
“ไม่มี...คุณปอ ไม่มีงูแล้วค่ะ” พนักงานรีบปลอบ
“ไม่มีแล้วจริงหรือ” ปรทิพย์ประหลาดใจเพราะภาพงูตัวใหญ่แผ่แม่เบี้ยยังคงติดตรึงนัยน์ตา
“คุณผู้ชายบอกว่าคุณปอแค่เป็นลม” เสียงพนักงานคนเดิมพูดต่อ
“คุณผู้ชาย เอ๊ะ ใครกัน” เธอหน้านิ่วคิ้วขมวด หันมองหาผู้ชายที่พนักงานกล่าวถึง
“ก็คุณผู้ชายคนนั้น คนที่ช่วยคุณปอไงคะ” พนักงานหันหน้าหันหลังมองหาคนที่ช่วยปรทิพย์ ก่อนพูดต่อว่า “อ้าว เมื่อครู่ยังอยู่ตรงนี้ สงสัยกลับขึ้นห้องพักไปแล้วคะ” พนักงานจึงทึกทักสรุปเองว่าผู้ชายคนนั้นเป็นแขกที่พักอยู่ในโรงแรมริมชล
“อย่างนั้นหรือ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย” ปรทิพย์มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบใคร
“คุณปอเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” พนักงานรีบถามซ้ำอีกรอบ
“ไม่จ้ะ แค่มึนๆ เท่านั้น แต่จำได้ว่า ฉัน...ฉัน...” ปรทิพย์จะพูดคำว่าถูกงูกัดแต่ก็หยุดไว้
“คุณปอเป็นลมเท่านั้นค่ะ” พนักงานพูดหันเหความคิด แต่เมื่อเธอเหลือบเห็นรอยแผลเล็กๆ บริเวณขา ทำเธอชะงักเงียบ
“อ๋อ นั่น เป็นรอยกิ่งไม้ตำค่ะ” พนักงานสาวตอบตามที่ได้ยินจากบุรุษหนุ่ม
ปรทิพย์เหมือนไม่อยากเชื่อ แต่สุดท้ายเธอกล่าวขอบคุณพนักงาน และให้ทุกคนแยกย้ายกลับไปทำงาน เธอเดินกลับขึ้นห้องพักไปเงียบๆ ในคืนนั้นหญิงสาวไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ กิ่งไม้ตำอะไรกัน ทำไมเหมือนรอยเขี้ยวล่ะ เธอเฝ้าคิดถึงรอยแผลเล็กๆ 2 จุด เดินวนเวียนไปรอบห้อง ครุ่นคิดกลับไปกลับมาจนแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด งูตัวใหญ่ไซด์บึ้มขนาดนั้น และที่สำคัญคนงานในสวนต่างก็เห็นอสรพิษร้ายฉกกัดเธอ อะไรยังไม่สำคัญเธอยังจำความรู้สึกเจ็บปวดขณะพิษงูแผ่ซ่านไปทั่วอณูร่าง
แปลก ทำไมฉันไม่เป็นอะไร ปรทิพย์ฉงนสงสัยจนไม่อาจข่มตาให้หลับ หลายต่อหลายครั้งเธอผุดลุกผุดนั่ง สุดท้ายก็ลุกจากเตียงไปยืนริมระเบียง ณ เบื้องล่างภายใต้เงามืดคืนนั้นเอง เธอไม่รู้เลยว่ามีดวงตาสีอำพันของใครบางคนเฝ้ามองเธออยู่เงียบๆ
ณ กรุงเทพมหานคร
เย็นวันเดียวกันศจีพรรณโทรชวนพงศ์ทัศไปซื้อของขวัญวันเกิดให้คุณปู่นายพลปรเมศวร์ เธออาสาแม่ศจีจัดหาของขวัญ งานวันเกิดคุณปู่ปีนี้จัดยิ่งใหญ่กว่าทุกปี ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่กำลังจะถึง
ศจีพรรณตื่นเต้นกับงานนี้มากเพราะหนังสือพิมพ์รายวัน รายสัปดาห์ รวมทั้งนิตยสารอีกหลายฉบับต่างประโคมข่าว จนวันเกิดคุณปู่กลายเป็นงานดังแห่งปี งานนี้จะรวมตระกูลดัง ผู้ดีเก่า ผู้ดีใหม่ เศรษฐีของเมืองไทย คุณหญิง คุณนาย และนายทหารระดับบิ๊กๆ ทุกเหล่าทัพ
นั่น หมายความว่างานนี้ต้องมีลูกท่านหลานเธอมาเดินประกวดโฉม ศจีพรรณแอบมโนไกล วาดภาพฝันว่าตัวเองแต่งตัวสวยเดินเฉิดฉายเคียงข้างพงศ์ทัศตลอดงาน
“ยิ้มอะไร น้องพรรณ” พงศ์ทัศร้องทัก
“อุ้ย พี่พงศ์มาเงียบๆ ได้ของแล้วหรือคะ” ศจีพรรณอ้างเรื่องซื้อของขวัญ เพื่อให้พงศ์ทัศมาเป็นเพื่อน
“พี่ได้แล้ว”
“ถ้าพี่พงศ์ไม่ให้ไอเดีย พรรณคงคิดไม่ออก ซื้อของขวัญให้ผู้ใหญ่เป็นเรื่องยากนะคะ”
“แล้วน้องพรรณเลือกของครบหรือยัง”
“ของขวัญคุณปู่ได้แล้วแต่ชุดของพรรณนี่สิ ยังไม่ได้ค่ะ”
“ไม่ได้สั่งตัดหรือ” พงศ์ทัศขมวดคิ้ว
“พรรณชอบซื้อแบรนด์เนม มากกว่า”
“อืมมม...” พงศ์ทัศพยักหน้ารับรู้
“ไปลองแล้วซื้อเลยสะดวกกว่า พรรณขี้เกียจออกแบบ อุ๊ย นั่น พี่พงศ์ ขอพรรณแวะร้านนี้แปลบนะคะ”
พงศ์ทัศไม่ทันจะตอบรับหรือปฏิเสธ ศจีพรรณก็ปรี่เข้าไปในร้านเสื้อแบรนด์หรูทันที ศจีพรรณเริงร่าเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่นานสองนาน พงศ์ทัศเองก็รู้สึกมีความสุขเพราะศจีพรรณช่างออดอ้อน ถามความเห็น โน่น นี่ นั่น ตลอดเวลา และเมื่อเขาให้คำแนะนำ ศจีพรรณจะรับฟังและซื้อตามคำแนะนำนั้นทันที
เรื่องนี้แตกต่างกับปรทิพย์สิ้นเชิง เธอมีความมั่นใจและเป็นตัวเองสูง หลายครั้งที่ความเห็นไม่ตรงกัน แม้เธอไม่ขัด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะทำตามคำแนะนำของเขา
“พรรณหิวแล้วค่ะ”
พงศ์ทัศถือถุงช้อปปิ้งเต็มสองมือ โดยมีศจีพรรณเดินเกาะแขน ยิ้มอย่างมีความสุข
“อยากทานอะไรพิเศษหรือเปล่า” พงศ์ทัศถามเพราะใกล้เวลาอาหารเย็น
“พรรณกวนพี่มากไปหรือเปล่า แค่มาเป็นเพื่อน พรรณก็เกรงใจจะแย่แล้ว” ศจีพรรณใส่จริต
“เย็นนี้ พี่ว่าง”
ศจีพรรณกระดี๊กระด๊า เมื่อได้ยินคำตอบ
“แถวพุทธมณฑล มีร้านอาหารอร่อยอยู่ร้านหนึ่ง พรรณอยากไปจัง”
“ได้สิ บอกทางพี่ด้วยนะ” พงศ์ทัศตอบรับ
“ขอบคุณค่ะ” ศจีพรรณกระโดดด้วยความดีใจ
ทั้งสองคนไปนั่งกินอาหารด้วยกัน จนกระทั่งมื้อเย็นผ่านพ้นไป พงศ์ทัศจะชวนศจีพรรณกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก เขาถูกศจีพรรณชวนเที่ยวผับต่อเสียก่อน แม้อยากปฏิเสธแต่สุดท้ายพงศ์ทัศต้องใจอ่อน เพราะศจีพรรณเซ้าซี้ ออดอ้อน บวกกับนิสัยช่างพูดช่างเจรจา ทำเขาเคลิบเคลิ้มหวั่นไหว
ร้านอาหารกึ่งผับ
“อืมมม...ที่นี่บรรยากาศดีนะ”
พงศ์ทัศกวาดตาสำรวจรอบๆ ร้านแต่งสไตล์โมเดิร์น หรือเรียกกันติดปาก บรรยากาศ ชิคๆ ชิวๆ วิวหัวค่ำ ดูคลาสสิกในแบบอิตตาลี ทางร้านเน้นโทนสีฉูดฉาด เพื่อให้เข้ากับดวงไฟระยิบระยับ
เขาไม่ได้เข้าร้านอาหารกึ่งผับประเภทนี้นานแล้ว เหตุผลมีแค่ปรทิพย์ไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ชีวิตรักนั้นมีเพียงดูหนังและกินข้าวเท่านั้น ส่วนใหญ่ไปไหนด้วยกันก็ไกลเกินกว่าโรงแรมริมชล
“เราโชคดี ปกติโต๊ะบรรยากาศดีๆ จะไม่ค่อยเหลือ” ศจีพรรณพูด ดวงตาสดใสแวววาว
พงศ์ทัศหันมายิ้มให้ศจีพรรณ
“แสดงว่าพี่พงศ์กับพรรณดวงสมพงษ์กัน” ศจีพรรณจีบปากจีบคอพูด ในความเป็นจริงคืนนี้ ศจีพรรณได้แอบทิปบริกร ให้จัดหาโต๊ะ และเลือกตรงบรรยากาศดีที่สุดในร้าน จากนั้นเปิดวิสกี้ยี่ห้อดังมาเสิร์ฟ เธอสร้างสถานการณ์ทุกอย่าง ให้ดูเหมาะเจาะลงตัวราวเป็นเหตุบังเอิญ
“น้องพรรณ เปิดขวดด้วยเหรอ” พงศ์ทัศถาม เมื่อแก้ววิสกี้เสิร์ฟตรงหน้า
“ขวดนี้ พรรณเปิดไว้นานแล้วค่ะ เพื่อนๆ ชอบนัดกันที่ร้านนี้ แต่พรรณนานๆ มาที” ศจีพรรณแก้ตัว ทั้งที่เธอมาผับนี้แทบทุกคืนจนสนิทสนมกับบริกรในร้านนี้
“งั้นหรือ”
“คนละแก้วนะคะ เรียกน้ำย่อย นี่ค่ะ”
“เป็นเด็กห้ามดื่ม” พงศ์ทัศร้องห้าม
“พรรณไม่ใช่เด็ก ปีนี้พรรณครบ 18 แล้ว” ศจีพรรณคะยั้นคะยอ ก่อนส่งยิ้มหวานทำท่ายวนใจ
พงศ์ทัศรับแก้วแล้วตัดสินใจยกดื่ม เป็นเวลาเดียวกับดนตรีบรรเลงเพลงคละเคล้า ฟังสบาย ทำให้วิสกี้แก้วนั้นหมดอย่างรวดเร็ว
“อีกแก้วนะคะ” เสียงหวานอ้อน ทำพงศ์ทัศใจสั่น คืนนี้ศจีพรรณสวมเดรสสั้น รัดรูป มีเสน่ห์ดึงดูดอย่างประหลาด
“พี่พอแล้ว” พงศ์ทัศแบ่งรับแบ่งสู้ เขาเริ่มกลัวใจตัวเอง
“อีกสักแก้วนะ ดื่มเป็นเพื่อนพรรณ นะ นะคะ”
“แก้วสุดท้ายนะ พี่ต้องขับรถ”
“โอเคค่ะ”
พงศ์ทัศยิ้มบาง รับแก้วไว้ในมือเหมือนถูกสะกดจิต เขาพยายามซ่อนความรู้สึก แต่คืนนี้สาวน้อยตรงหน้ารุกหนักเหลือเกิน แวบหนึ่งในความคิดเขาอดเปรียบเทียบไม่ได้ หากปรทิพย์ได้สักครึ่งของศจีพรรณคงดีไม่น้อย
ศจีพรรณระริกระรี้ ยกแก้วดื่มต่อแก้วแล้วแก้วเล่าไม่มีทีท่าจะกลับ
“พี่ว่าพรรณดื่มมากไปแล้ว” พงศ์ทัศเตือนด้วยความเป็นห่วง
“นานๆ ที พี่พงศ์อีกแก้วนะคะ” เสียงศจีพรรณอ้อแอ้
“พี่พอแล้ว” พงศ์ทัศปฏิเสธ
“อื้อ...” สาวน้อยพยายามยื่นแก้ว ไปตรงหน้าเขา
“เดี๋ยวพี่ขับรถกลับไม่ไหว”
“ก็ได้”
“ดูสิ จะเที่ยงคืนแล้ว” พงศ์ทัศยกมือขึ้น ดูเวลา บอกเป็นนัยให้รู้ว่าเขาอยากกลับแล้ว
ศจีพรรณไม่สน ทำตัวเป็นเด็กดื้อตาใส
“กลับกันนะ” พงศ์ทัศพูดซ้ำ
เมื่อมุกดื้อด้านไม่เป็นผล ศจีพรรณจึงใช้มุกออดอ้อน
“กลับก็ได้ พรรณขอบคุณพี่พงศ์ที่มาเป็นเพื่อน” พูดจบศจีพรรณโผซบ พงศ์ทัศไม่ทันตั้งตัว จึงได้แต่ตะลึงตัวแข็ง ศจีพรรณจึงพล่ามต่อว่า “พี่ปอโชคดีจังที่มีพี่พงศ์เคียงข้าง ไม่เหมือนพรรณ ใครๆ ก็ไม่รัก พรรณเป็นเด็กไม่ดี แม่ชอบบอกอย่างนั้นตลอด ใช่สิ ใครจะไปเหมือนลูกรักได้ล่ะ พี่ปอทั้งเก่ง ทั้งสวย แถมรวยอีกต่างหาก...” ศจีพรรณน้ำเสียงตัดพ้อ
พงศ์ทัศขัดเขิน ความเป็นสุภาพบุรุษจึงดันร่างบางให้ออกห่างอย่างสุภาพ ซึ่งการกระทำนั่นยิ่งทำศจีพรรณน้อยใจ จึงหันไปคว้าแก้ววิสกี้ดื่มต่ออีกหลายแก้ว
“พอได้แล้ว พรรณ” พงศ์ทัศต้องห้าม
“ห่วงพรรณเหรอคะ” ศจีพรรณหันมอง นัยน์ตานั้นสื่อความหมายหลายๆ อย่าง
พงศ์ทัศเริ่มนั่งไม่ติด สิ่งที่ชายหนุ่มกลัวเวลานี้คือ บรรยากาศ กับ แอลกอฮอล์
“พรรณเมาแล้ว กลับบ้านเถอะ” เขาตอบเลี่ยงๆ
“อยากให้พรรณกลับเหรอคะ” ศจีพรรณยิ้มมีเลศนัย ก่อนหันไปยกมือเรียกพนักงานเสิร์ฟ แล้วสั่งให้รินวิสกี้แก้วใหม่
“งั้นแก้วนี้ พี่พงศ์ห้ามปฏิเสธ” เธอคะยั้นคะยอ พร้อมยื่นแก้ววิสกี้ไปตรงหน้า
“ถ้าพี่ดื่ม พรรณต้องกลับนะ” พงศ์ทัศต่อรอง พูดจบเขายกดื่มจนหมดแก้ว
ศจีพรรณพยักหน้า ยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นพงศ์ทัศทำตามขอ เธอหยิบกระเป๋าสะพาย ยอมเดินออกจากผับอย่างว่าง่าย ระหว่างทางไปลานจอดรถ เธอเดินเอียงเซซ้ายเซขวาและทำท่าเซถลาหลายครั้ง จนสุดท้ายพงศ์ทัศต้องเข้าไปประคอง
“พรรณไม่เมา พรรณเดินได้” เธอพึมพำก่อนซบหน้ากับไหล่กว้าง สาวน้อยหลับตาพริ้มฝันหวานตามประสาสาวน้อยช่างฝัน พงศ์ทัศพากลับไปที่รถแล้วพามุ่งกลับบ้านในทันที
เมื่อรถยนต์ของพงศ์ทัศจอดหน้าบ้าน ชายหนุ่มพบศจียืนรออยู่แล้ว
“อ้าว ตาพงศ์ ไปไงมาไง” ศจีร้องถามว่าที่ลูกเขยด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ยังไม่ทันได้คำตอบ สายตาของศจีเหลือบเห็นเงาตะคุ่มของศจีพรรณในรถ
ศจีพรรณขมวดคิ้ว ก่อนร้องออกไปว่า “ตายแล้ว! ยัยพรรณ”
“ผมพาน้องพรรณมาส่งครับ คุณอา” พงศ์ทัศตอบ
เมื่อประตูรถเปิดกว้าง ภาพศจีพรรณเมาคอพับคออ่อนได้ปรากฏ
“ยัยพรรณทำตัวน่าเกลียดจริงๆ อาต้องขอโทษนะตาพงศ์ น้องไปกวนอะไรหรือเปล่า” ศจีโกรธลูกสาวคนเล็ก ขณะเดียวกันรู้สึกอับอายขายหน้าว่าที่ลูกเขยในอนาคต
“ไม่เป็นไรครับ” พูดจบพงศ์ทัศช่วยศจีประคองศจีพรรณอย่างทุลักทุเล
ศจีรีบเรียกคนงานในบ้านมาช่วยพยุง
“จิต จิต พาคุณพรรณไปห้องที ลูกคนนี้ทำไมนิสัยอย่างนี้นะ เหลวไหลจริง ดูสิเมาไม่เป็นท่า” ศจีบ่นอุบ ท่าทางอิดหนาระอาใจกับพฤติกรรมลูกคนเล็ก แต่เมื่อศจีหันมาพบพงศ์ทัศยืนเหรอหรา ทำตัวไม่ถูกจึงเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วพ่อพงศ์จะไปรับหนูปอวันไหน” ศจีถามถึงลูกสาวอีกคน
“ผมนัดปอไว้ศุกร์นี้ครับ”
“อาฝากหนูปอด้วยนะ ลูกคนนี้ก็อีกคนเงียบซะเดาอะไรไม่ถูก คนละขั้วกับยัยพรรณเลย”
“คืนนี้ผมขอตัวก่อน สวัสดีครับ” พงศ์ทัศยกมือไหว้ ก่อนขึ้นรถจากไป
หลังจากพงศ์ทัศกลับไปแล้ว ศจีเธอได้มาดูลูกสาวคนเล็กบนห้อง เธอได้แต่ยืนมองร่างไร้สติของศจีพรรณซึ่งนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียงกว้าง ใช่ว่าศจีจะไม่เคยเห็นลูกสาวคนนี้เป็นแบบนี้มาก่อน แต่คืนนี้ศจีรู้สึกไม่ชอบการกระทำของศจีพรรณ สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่าศจีพรรณคิดอย่างไรกับพงศ์ทัศ ในฐานะแม่นั้นเธอได้แต่ภาวนาอย่าให้สิ่งที่เธอคิดเกิดขึ้นเลย
ณ คฤหาสน์อัศวอมรภักดี
วันนี้เป็นวันเกิดของนายพลปรเมศวร์ งานเลี้ยงฉลองได้ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แขกรับเชิญต่างทยอยเข้าอวยพร จนกระทั่งปรทิพย์และพงศ์ทัศได้เข้ามาในงาน
“คุณปู่ขา ปอขอให้คุณปู่ มีสุขภาพแข็งแรงตลอดไป” ปรทิพย์วางมาลัยดอกมะลิบนตักบุรุษชรา
“ชื่นใจของปู่” นายพลปรเมศวร์สวมกอดปรทิพย์ นัยน์ตาฉายความเอ็นดูรักใคร่
“ผมขอให้คุณปู่ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้ผมกับปอตลอดไปครับ” พงศ์ทัศพูด พร้อมยื่นกล่องสีเงินไปตรงหน้า
“ขอบใจนะพ่อพงศ์” นายพลปรเมศวร์ยกมือลูบศีรษะพงศ์ทัศ
“นี่ของขวัญจากคุณพ่อและคุณแม่ครับ”
“ขอบใจแล้วท่านรัฐมนตรีสบายดีไหม” บุรุษชราหมายถึงบิดาของพงศ์ทัศ พลเอกพงษ์ธร เพื่อนร่วมรุ่นทหาร และตอนนี้ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
“คุณพ่อสบายดี ฝากกราบขอโทษที่ไม่ได้มาร่วมงาน พอดีคุณพ่อติดราชการต่างประเทศครับ”
“ไม่เป็นไร คนกันเอง มาเมื่อไหร่ก็ได้ อ้อ พ่อพงศ์ แล้วเรื่องงานแต่งคุยกับหนูปอถึงไหนแล้ว”
“คุณปู่คะ” ปรทิพย์รีบแย้ง ใบหน้าสวยแดงเรื่อ
นายพลปรเมศวร์ทำเป็นไม่สนใจ ถามพงศ์ทัศต่อ “ว่าไงล่ะ พ่อพงศ์”
“เอ่อ...” พงศ์ทัศไม่รู้จะตอบอย่างไร ทุกครั้งที่เอ่ยเรื่องแต่งงาน ต้องมีเหตุให้พับเรื่องนี้เก็บเข้ากรุทุกที
“มัวแต่ เอ้อ อ้า อยู่นั่นแหละ งั้นปู่จัดให้ เอาเป็นว่าหมั้นเช้าแต่งเย็นเลย”
“คุณปู่ เราเป็นฝ่ายหญิงนะค้า” ปรทิพย์ทำเสียงกระเง้ากระงอด
ความจริงแล้วเธอรู้อยู่เต็มอก เรื่องแต่งงานนั้นวันเวลาและสถานที่ได้ถูกกำหนดเรียบร้อยแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวเธอเองต่างหาก ทุกครั้งเธอทำเหมือนไม่อยากรับรู้เรื่องนี้
“เป็นฝ่ายหญิงแล้วไงเรอะ ปู่อยากให้เราเป็นฝั่งเป็นฝา พ่อพงศ์ก็ติดยศร้อยตำรวจเอกแล้ว ยังต้องรออะไรอีกล่ะ จริงไหมคุณหญิง” บุรุษชราหันไปขอแรงสนับสนุนจากคุณหญิงมณีคู่ชีวิต
“ย่าเห็นด้วย เราทำตัวให้ว่างก็พอ แต่งๆ ไปซะปู่กับย่าจะได้หมดห่วง” คุณหญิงมณียิ้มบางให้หลานสาว
“ย่าพูดถูก ปู่จะได้วางใจหลานเป็นฝั่งเป็นฝา มีตาพงศ์คอยดูแล”
“คุณปู่คุณย่ายังอยู่นี่คะ พูดแบบนี้เหมือนไม่รักปอ...” ปรทิพย์ตัดพ้อกลบเกลื่อนความเขินอาย ก่อนผุดลุกวิ่งออกจากห้องไป
“นั่น คุณหญิงดูสิ หลานสาวของเราอายม้วนไปแระ” บุรุษชราหัวเราะชอบใจ หันไปพยักพเยิดกับพงศ์ทัศ
“ตามไปสิพ่อพงศ์” คุณหญิงมณีพูดเสริม
พงศ์ทัศทำตามคำแนะนำของคุณหญิงมณีแต่ไม่ทันเดินผ่านห้องโถง เขาพบศจีพรรณดักรออยู่ก่อนแล้ว ศจีพรรณรีบปรี่ทักทาย แสร้งสร้างสถานการณ์ให้เหมือนพบกันโดยบังเอิญ เธอรั้งให้พงศ์ทัศพูดคุยด้วยก่อนรบเร้าให้เดินเป็นเพื่อนในงานเลี้ยง
ด้านปรทิพย์เมื่อวิ่งออกจากห้องโถง เธอได้เข้าไปในงานเลี้ยงและยืนทักทายตามมารยาทกับแขกในงานหลายคนที่เธอรู้จักและคุ้นเคย เธอเดินหาพงศ์ทัศในงานแต่ไม่พบ จึงเดินหลบความวุ่นวายมานั่งเงียบๆ อยู่ในสวนด้านหลังคฤหาสน์
เธอย้อนนึกถึงคำพูดคุณปู่ ทำเธอกระอักกระอ่วนไร้สาเหตุ แต่งงานเหรอ เธอไม่เข้าใจตัวเองรู้สึกอย่างไร แต่แน่ๆ เวลานี้เธอยังไม่ต้องการแต่งงาน วินาทีนั้นเองจู่ๆ ใบหน้าของบุรุษชื่อยาวเป็นกิโลได้ผุดขึ้นในหัว
สโรธรนาคินทร์...เธอแปลกใจทำไมความรู้สึกบอกว่าเธอเคยรู้จักเขามาก่อน แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออก แต่แล้ว...พลิ้วววว...ลมพัดกระโชกแรงกะทันหัน
พลันเธอได้กลิ่นสาป จะเหม็นก็ไม่ใช่แต่เป็นกลิ่นอับๆ ของอะไรบางอย่าง
“กลิ่นอะไร หรือมีหนูตายแถวนี้...” เธอทึกทักว่าหนูตาย จึงลุกเดินไปรอบๆ นัยน์ตาสวยสอดส่อง แต่แล้วลมกระโชกพัดแรงอีกครั้ง พลิ้วววววววววว.....
ตามมา...ตามมา...ตามมา... เสียงแว่วลอยตามลม
ปรทิพย์ชะงัก เหลียวหน้าเหลียวหลังไม่พบใคร ทำเธอคิดว่าเสียงนั่นเป็นอุปาทาน พลันบังเกิดลมเย็นพัดอู้จนรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือก
ตามมา...ตามมา...ตามมา...เสียงเพรียกดังอีกครั้ง เสียงนั่นปลุกเร้าก้องในโสตประสาท กล่อมสะกดเธอให้เคลิบเคลิ้มล่องลอยเหมือนคนนอนหลับฝัน สุดท้ายเธอก็เดินตามเสียงนั้นไป
ตามมา...ตามมา...ตามมา...
หญิงสาวเดินตัวแข็งทื่อออกจากบ้าน ฝ่าป่าหญ้ารกชัฏไปและหยุดตรงต้นไม้ใหญ่ คืนนี้บรรยากาศรอบๆ ดูวังเวง ราวกับสรรพสิ่งรอบตัวเธอหยุดเคลื่อนไหว หรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องระงมหายไปสิ้น ปรทิพย์ยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับท่อนไม้ ทันใด อสรพิษยักษ์พุ่งทะยานจากความมืด เขี้ยวแหลมคมหมายฝังยังลำคอผ่อง
“หยุดเดี๋ยวนี้!!”
เสียงทรงอำนาจตวาดลั่น นั่นทำให้อสรพิษร้ายกระเด็นไกล ก่อนเลื้อยหายวับไปในความมืด วินาทีต่อมาปรากฏร่างร่างสูงสง่าเดินออกมาจากต้นไม้ใหญ่ เวลานี้ทั่วบริเวณมีหมอกควันจางๆ กระจายปกคลุมทั่ว ปรทิพย์ยังคงยืนนิ่งไร้ความรู้สึกอยู่ดังเดิม
เจ้าของร่างสูงสง่าก้าวไปยืนตรงหน้าเธอ
พลันได้มีบุรุษอีกคนก้าวออกมาจากต้นไม้ เขาทำความเคารพเจ้าของร่างสูงสง่า แล้วพูดว่า “จะให้กระหม่อมตามหรือไม่ ฝ่าบาท”
“ไม่ต้อง อนันตะ...” บุรุษสูงศักดิ์เงียบไป
“พ่ะย่ะค่ะ นางมนุษย์โชคดีที่ฝ่าบาทช่วยได้ทัน” อนันตะตอบ
“นางมนุษย์นี้ต้องมนต์นาค” พูดจบบุรุษสูงศักดิ์ยื่นมือไปแตะที่หน้าผากของปรทิพย์ พลันบังเกิดแสงสว่างวาบ แล้วเขาพูดว่า “ปรทิพย์กลับบ้านไป”
ปรทิพย์เดินกลับบ้านตามคำสั่งนั้น เธอกลับไปยืนตรงที่เดิม เมื่อลมพัดกระโชกแรงอีกครั้ง เธอก็ฟื้นคืนสติ
“ตายจริง!...นี่ 4 ทุ่มแล้วเหรอ” ปรทิพย์อุทาน เมื่อยกข้อมือดูนาฬิกา
“เอ๊ะ เรายืนทำอะไรตั้งนาน” เธอบ่นกับตัวเอง พร้อมทำหน้าฉงนสงสัยไม่เข้าใจตัวเอง
ปรทิพย์รีบสาวเท้ากลับเข้าภายในงาน แต่เมื่อมาถึงมุมตึก เธอก็พบน้องสาวยืนถือแก้วไวน์อยู่
“อ้าว พี่ปอหายไปไหนมาคะ” ศจีพรรณทักทันที
“พี่ไปนั่งเล่นหลังบ้านมาจ้ะ” น้ำเสียงปรทิพย์ราบเรียบ
“รู้ไหม พี่พงศ์ตามให้วุ่น”
ปรทิพย์ทำเพียงพยักหน้ารับรู้ ในหัวเธอกำลังหาคำตอบว่าเธอไปทำอะไรในสวนเป็นนานสองนาน ศจีพรรณเห็นพี่สาวท่าทางแปลก อีกทั้งเท้าสองข้างเลอะดินโคลน
“พี่ปอนั่งเล่นในสวนหรือแอบไปไหนกันแน่” ศจีพรรณถามก่อกวน ดวงตาใสจ้องคาดคั้น
ปรทิพย์ก้มมอง เธอใจหายวาบ ว้ายจริงด้วย รองเท้าเลอะมาก
“พี่เดินไม่ระวัง เลยตกหลุมที่คนสวนขุดไว้ พี่ขอตัวไปล้างเท้าก่อนนะ” ปรทิพย์แก้ตัว รีบเดินเลี่ยงไป หญิงสาวจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเธอยืนอยู่ในสวนนั้นประมาณ 2 ทุ่ม แล้วเป็นไปได้อย่างไรเธอจะยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ได้ขยับไปไหนนานนับชั่วโมง
พงศ์ทัศเดินมาหาศจีพรรณเห็นหลังของปรทิพย์ไวไว จึงรีบถามศจีพรรณทันที
“พรรณ นั่น พี่ปอไม่ใช่หรือ”
“ค่ะ” ศจีพรรณตอบ สะบัดหน้าหนีปกปิดสายตาหงุดหงิด
“เอ๊ะ ปอจะไปไหนอีกล่ะ” พงศ์ทัศทำท่าจะเดินตามแต่ศจีพรรณคว้าแขนไว้
“ไม่ต้องตามหรอกค่ะ พี่ปอไปล้างเท้า”
“ล้างเท้าหรือ พี่ปอไปทำอะไรมาล่ะ” พงศ์ทัศสีหน้างง
“ไม่ทราบคะ เท้าเลอะโคลน ดำปรือเลย พรรณว่าเราไปรอพี่ปอตรงนั้นดีกว่า” ศจีพรรณตอบ เธอสะกดความอิจฉาพี่สาวไว้เบื้องลึก รีบปรับสีหน้าหันยิ้มหวานให้พงศ์ทัศ
“พี่ขอไปดูปอหน่อย” พงศ์ทัศทำท่าจะตาม แต่ศจีพรรณยึดแขนไว้แน่น
“เดี๋ยวพี่ปอก็กลับมา นะ นะ อยู่เป็นเพื่อนพรรณก่อน อุ๊ย นั่นดนตรีเริ่มแล้ว ไปคะ พรรณอยากดูใกล้ๆ” ศจีพรรณออดอ้อน พอเสียงดนตรีเริ่มบรรเลง เธอก็ลากพงศ์ทัศกลับเข้าไปในงานเลี้ยง
ในงานเลี้ยง วงดนตรีกำลังบรรเลงเพลงลีลาศ ท่านนายพลปรเมศวร์ได้เปิดฟอร์พร้อมคุณหญิงมณี และจากนั้นแขกสำคัญในงานเริ่มทยอยออกไปเต้นรำ รวมทั้งคู่ของศจีพรรณกับพงศ์ทัศ
ด้านปรทิพย์กลับห้องเพื่อล้างเท้าที่เปื้อนดินโคลน เธอบอกเด็กในบ้านว่าไม่สบายให้ไปเรียนคุณปู่คุณย่าว่าเธอขอตัวพักผ่อน ซึ่งในความจริงเธอกำลังกังวลเรื่องเท้าเปื้อนดินโคลน จะเป็นไปได้อย่างไรเธอไม่รู้ตัวเลย นั่นหมายความว่าเธอเดินออกไปโดยที่ตัวเองไม่มีสติสัมปชัญญะ
วันรุ่งขึ้น
ปรทิพย์ตื่นเช้าไปทำบุญตักบาตรที่วัดใกล้บ้าน วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ส่วนรัชกาลที่เท่าไหร่นั้นเธอไม่แน่ใจ ตอนเด็กเธอมักติดสอยห้อยตามคุณย่ามาวัดนี้บ่อยๆ เสร็จจากตักบาตรเธอได้ไปปล่อยนกปล่อยปลาเสริมบุญบารมี เมื่อรู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว เธอได้เดินเล่นรอบๆ วัด หญิงสาวเดินไปเรื่อยๆ ตั้งใจไปนมัสการหลวงตาซึ่งเป็นพระผู้ใหญ่ของวัดนี้
“คุณหนู มานมัสการหลวงตาเหรอครับ” เสียงคนเก่าแก่ประจำวัดดังขึ้น ทำเธอหันไปมอง
“หวัดดีคะคุณลุง หลวงตาอยู่กุฏิหรือเปล่า”
“อยู่ครับ เชิญครับ เชิญ”
ปรทิพย์ยิ้ม เมื่อได้รับคำตอบ เธอเดินลัดเลาะผ่านอารามไปด้านหลัง เมื่อเดินถึงสะพานเล็กๆ ความยาวสัก 2-3 เมตร เธอชะงัก คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย!
กรี๊ดดดดด...ปรทิพย์หวีดร้อง หัวใจหล่นอยู่ใต้ตาตุ่ม ให้ตายเหอะ! ทำไมสะพานนั้นกลายเป็นหลุมลึก เธอพยายามตะเกียกตะกาย แต่สถานการณ์ดูเลวร้ายมากขึ้น เพราะเธอรู้สึกมีอะไรบางอย่างพันรัดรอบขา
ว้ายยยยย...ปรทิพย์พยายามร้องแต่เหมือนมีอะไรมาจุกตรงคอหอย แย่แล้ว เธอบอกกับตัวเอง เจ้าตัวนั่น มันพยายามกระชาก ดึงเธอดิ่งลงในหลุมนั้น!
หง่าง หง่าง หง่าง เสียงระฆังวัดดังก้อง
“โยม โยม” หลวงตาเรียก เธอเหมือนคนยืนหลับ และกำลังเดินละเมอ
“ช่วยด้วยยย....” ปรทิพย์หลับตาพริ้ม ปากร้องขอความช่วยเหลือ
“โยม โยมปรทิพย์” เสียงหลวงตาดังรอบสอง ครานี้ปลุกเธอตื่น กลับคืนสู่ปัจจุบัน
“โยมเป็นอะไรหรือเปล่า”
ปรทิพย์ออกอาการเหวอจนทำอะไรไม่ถูก อะไรอีกล่ะ
หลวงตายืนมองเธอด้วยอาการสำรวม แต่ปรทิพย์ยังคงตระหนก บวกกับอาการงงเป็นไก่ตาแตก หลุมลึกหายไปไหน เธอหันมองรอบๆ เมื่อได้สติ เธอรีบนั่งพนมมือ
“หลวงตา เอ่อ...”
“เจริญพร โยมไปอย่างไร มาอย่างไร”
“เอ่อ เอ่อ...” ปรทิพย์สับสน ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เธอไม่อยากเชื่อตัวเองจะเพี้ยนขนาดนี้
“โยมยืนทำอะไรตรงนี้”
“เอ่อ วันนี้ปอตั้งใจแวะมากราบหลวงตาค่ะ”
“งั้นโยมตามอาตมาไปกุฏิ” หลวงตาพูดจบได้เดินนำหน้าปรทิพย์ไป
ปรทิพย์เดินตามหลวงตาไปเงียบๆ เวลานี้จิตใจเธอฟุ้งซ่าน ในหัวคิดไปร้อยแปดกับเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน อะไรบางอย่างเหนือธรรมชาติ ขัดแย้งกับยุคดิจิตอล ยุค WIFI นี้กระไร สำคัญยิ่งคือเหตุการณ์ประหลาดนั้น ทุกครั้งจะลงเอยด้วยการจำอะไรไม่ได้
ณ กุฏิของหลวงตา
ปรทิพย์ก้มกราบ และนั่งพับเพียบ หลวงตาหยิบขันน้ำมนต์ปะพรมให้
“เจริญพรนะโยม”
หญิงสาวนั่งพนมมือ ใบหน้าและแววตาอิ่มบุญ
“โยมหมั่นทำบุญสร้างกุศลไว้นะ ผลบุญจะส่งให้เรื่อง ร้ายกลายเป็นดี” พูดจบหลวงตาหลับตาสงบนิ่ง ก่อนลืมตาขึ้นจ้องวงหน้าสวยแล้วได้กล่าวต่อว่า “เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว คุณหญิงมณีมาทำบุญ บอกอาตมาว่าโยมจะแต่งงานเดือนหน้า”
“ค่ะ หลวงตา”
“คุณหญิงเกริ่นไว้แล้ว จะนิมนต์พระที่วัดไปเจริญพระพุทธมนต์ในพิธีเช้า”
“งานจัดเรียบง่าย หมั้นเช้าแต่งเย็นค่ะ”
“อืม...” หลวงตาพยักหน้ารับรู้
“หลวงตาคะ ช่วงนี้ปอเป็นอะไรไม่ทราบ จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว บางครั้งเหมือนคุมตัวเองไม่ได้”
หลวงตาหลับตานิ่งอยู่ในสมาธิครู่ใหญ่ เมื่อลืมตาก็เอ่ยปริศนาธรรมออกมาว่า “ทุกอย่างได้ถูกลิขิตไว้ การครองคู่ย่อมมีอุปสรรค รัก พลัดพราก เกิดจากบุญกรรมของแต่ละคู่ เคยร่วมทำแต่ชาติปางก่อน อาตมาขอให้โยมตั้งสติ ก่อนทำอะไร จำไว้ว่า ที่ใดมีรัก ที่นั่นย่อมมีทุกข์ ขอให้โยมถือเป็นธรรมดาโลก มีรักร้อยก็ทุกข์ร้อย มีรักหนึ่งก็ทุกข์หนึ่ง เป็นภาษิตธรรมที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้กว่า 2,500 ปี”
“หลวงตาหมายความว่าอะไรคะ” ปรทิพย์หน้านิ่ว ภาษิตธรรมเกี่ยวอะไร เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่หลวงตาต้องการสื่อ
“สิ่งที่โยมกำลังเผชิญ อาตมาบอกไม่ได้ว่าดีหรือร้าย...” หลวงตาพูดเว้นวรรค นั่นทำปรทิพย์ใจเต้นระทึกแล้วหลวงตาพูดต่อว่า “...แต่เป็นเคราะห์ใหญ่ไม่อาจหลีกเลี่ยง อาตมาบอกได้แต่เพียงเท่านี้...”
ปรทิพย์นิ่งค้าง อะไรกัน เคราะห์ใหญ่หรือ
พลิ้ว...พลิ้ว...พลิ้ว...สายลมพัดทำใบไม้รอบกุฏิปลิวว่อน จู่ๆ ปรทิพย์ก็ขนลุกซู่ไม่มีสาเหตุ

Book Comment (71)

  • avatar
    ได'โน เสาร์'ร

    ดีเยี่ยม

    4h

      0
  • avatar
    อา'า บัง'ง

    ดีมากๆ

    5d

      0
  • avatar
    La Yi Chan

    100

    5d

      0
  • View All

Related Chapters

Latest Chapters