บทที่3.บทเรียนแรกในฐานะเด็กฝึก ลอออรตื่นก่อนเวลานัดเกือบหนึ่งชั่วโมง เธอไม่ได้ตื่นเพื่อมาแต่งตัวเหมือนเพื่อนๆ คนอื่นหรอก แต่ตื่นเต้นจนฝืนหลับตาอยู่ไม่ไหว หากวันนี้ยังอยู่ที่ประเทศไทย เธอคงออกไปวิ่งเพื่อลดพลังงานความพลุ่งพล่าน แต่นี่เธออยู่ในดินแดนอีกฟากหนึ่งของโลก ต่อให้พูดได้ ฟังออก แต่ก็ยังไม่มีความกล้าพอ ลอออรเลยเลือกออกกำลังกายง่ายๆ ที่ระเบียงห้อง เธอเสียเหงื่อไปไม่น้อย จนความตื่นเต้นค่อยๆ ลดลง“อ้าว...ตื่นแล้วเหมือนกันเหรออร” ปานแขทัก ลอออรยิ้มให้ เธอเดินเลยไปฉวยผ้าเช็ดตัวคล้องคอ ทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ แต่เสียงปานแขรั้งเอาไว้เสียก่อน“อร เราหิวจัง แต่หากออกไปที่ห้องอาหารตอนนี้ เราแต่งหน้าไม่เสร็จแน่”เรียวคิ้วลอออรขมวดเป็นปม ก่อนที่เธอจะถาม ปานแขก็เฉลยคำบอกเล่าออกมาเสียก่อน “รบกวนอร ลงไปเอามื้อเช้าให้เราหน่อยได้ไหม ไหว้ ขอร้องเถอะ”ลอออรพยักหน้า ยกชายผ้าขึ้นเช็ดคราบเหงื่อ แล้วก็เดินตัวปลิวออกไป โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาความตั้งใจจริงของลอออรคืออาบน้ำให้ชุ่มปอด แล้วจะใช้เวลาที่เหลือสำหรับมื้อเช้า ก่อนจะออกเดินทางไปยังซาลู หญิงสาวเปิดประตูเดินเอื่อยๆ ออกไปด้านนอก โถงทางเดินไม่มีผู้คนเดินมากนัก คงเพราะยังเป็นเวลาเช้าจัดก็เป็นได้เมื่อจัดการมื้อเช้าจนอิ่มแปล้ ลอออรก็จัดการอาหารมื้อนั้นใส่ถุงไปฝากปานแข เธอเผลอเถลออกมาเดินด้านนอก ที่เริ่มมีคนกลุ่มใหญ่ออกมาเดินบ้างแล้ว หญิงสาวชะเง้อมองลานกว้างด้วยแววตาเสียดาย มีคนกลุ่มใหญ่กำลังบริหารร่างกายง่ายๆ อยู่ หญิงสาวตั้งปณิธาน วันหน้าหากเธอตื่นเช้าเช่นวันนี้ เธอคงได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของคนกลุ่มนั้น“ฉันไม่เอาขนมปัง แฮมหรือไส้กรอกนะ”เมื่อโผล่หน้าเข้าไปในห้อง เสียงปานแขก็ดังขึ้นลอออรส่ายหน้า เธอขนอาหารมื้อเช้ามาเสียมากมาย“ขอแค่กาแฟก็พอ...” ลอออรได้แต่โคลงศีรษะ เธอจัดการยัดถุงใบใหญ่ใส่ในตู้เย็นขนาดเล็กที่ติดผนังห้อง“ถ้าจะกินแค่กาแฟ ในห้องก็มีนี่” เธอไม่ได้บ่น หากปานแขต้องการแค่กาแฟแก้วเดียวก็ไม่น่าให้เธอท่อสังขารไปแบกมา“ฉันไม่ชอบกาแฟซอง...” หญิงสาวถอนใจอย่างระอากับคำตอบที่ได้ยิน กาแฟโถใหญ่ในศูนย์อาหารแตกต่างกับกาแฟซองยังไง แต่ลอออรไม่ได้พูดออกไปหรอก เธอคร้านที่จะต้องถกเถียงกับเพื่อนในเรื่องที่ไร้สาระเกินกว่าจะจดจำลอออรรีบอาบน้ำ เธอเหลือเวลาแต่งตัวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงตามเวลาที่เจ้ปลานัดไว้ แต่ลอออรไม่ต้องเร่งรีบ เธอเตรียมชุดไว้แล้ว สมุดจดก็เก็บใส่กระเป๋าไว้อย่างดี การมาครั้งนี้เพื่อกอบโกยความรู้ ที่ซาลูคือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่หาที่ไหนไม่ได้ เมื่อมีโอกาสลอออรเลยไม่อยากพลาด กลับไปครั้งนี้เธอคงพัฒนาฝีมือตนเองได้อีกมาก“เธอแน่ใจนะอรว่าจะแต่งตัวแบบนี้ออกไป”ปานแขมองลอออรตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอจัดเต็มงัดเอาชุดเก่งที่กัดฟันซื้อมาสวมโดยเฉพาะ ชุดที่สวมราคาเรือนหมื่น แต่เพื่อนร่วมห้องที่มักจะได้รับคำชมจากเจ้ปลาเสมอเรื่องรสนิยมการออกแบบชุด กลับสวมแค่เสื้อยืดสีขาวกับสเวตเตอร์สีดำ แถมกางเกงก็เก่าจนสีซีด ผ้าพันคอแสนทุเรศที่เธออยากเอาไปทิ้ง ลอออรก็ยังสู้อุตส่าห์เอามาพันคอ“ทำไมล่ะ...ชุดเก่งของอรเลยนะ”ลอออรตอบเสียงใส หมุนตัวเป็นวงกลม พร้อมกับยิ้มแป้น แล้วก็มองหน้าปานแขด้วยแววตาบ้องแบ๊วเด็กฝึกที่พยายามเป็นสาวไฮโซถอนใจดังเฮือก“ที่เรากำลังจะไปคือซาลูนะอร” เสียงปานแขเข้มขึ้น“ใช่ไง อรรู้แล้ว...”“เธอกำลังจะไปที่ซาลูด้วยเสื้อผ้าแบบนี้จริงเหรอ?”ลอออรขมวดคิ้ว เธอกับปานแขกำลังเข้าไปเป็นเด็กฝึกแลกเปลี่ยนในซาลูจริงๆ แล้วเธอแต่งตัวแบบนี้ไปไม่ได้หรือไง“ซาลูเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ของโลกเชียวนะ เธอจะขายขี้หน้าคนอื่นเขานะอร” ปานแขพูดพร้อมกับถอนหายใจไปด้วย“ไม่เป็นไรหรอกแข ไม่มีใครสนใจอรหรอก ที่นั่นมีแต่คนสวยๆ ดังๆ ไม่มีใครมองเด็กหน้าตาบ้านๆ แบบอรหรอกเนอะ” ลอออรอยากพูดให้ตรงกับความคิด แต่เธอเกรงว่าจะทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างเพื่อนที่นั่นมีแต่คนร่ำรวย สนนเงินเดือนแต่ละคน เธอหาทั้งปียังไม่ได้ครึ่งของเงินเดือนแต่ละเดือนของพวกเขา เธอมาเพราะต้องการหาความรู้ ไม่ได้แข่งขันกับใคร เพราะต่อให้ประกวดประชันกันจริงๆ ไม่มีทางสู้คนเหล่านั้นได้ ดังนั้นลอออรเลยขออยู่เงียบๆ ไม่ทำตัวเด่นให้สะดุดตา มันดีกับตัวเธอเองด้วย“แต่อยากน้อยเธอก็น่าจะแต่งตัวให้ดีกว่านี้” ปานแขไม่วายบ่น“ไปเถอะแข เดี๋ยวถูกเจ้ปลาบ่นหากไปสาย”ลอออรตัดบทสนทนา เธอดันหลังปานแขออกจากห้องและรีบปิดประตูห้อง“อย่างน้อยเธอก็น่าจะแต่งหน้าบ้าง” เสียงปานแขบ่นต่อไม่มีคำโต้แย้ง ปานแขจึงระอาที่จะต้องบ่น ความจริงลอออรไม่แต่งเติมก็สวยจนเธอยังรู้สึก ปานแขไม่อยากนึก หากจับเพื่อนคนนี้แต่งตัวขึ้นมา ลอออรจะสะดุดตาขนาดไหน ขนาดหน้าซีดๆ มีเพียงริมฝีปากที่เคลือบด้วยลิปกรอส ยังหวานหยดหากพิจารณาดีๆพอออกจากลิฟต์ เสียงแรกที่ได้ยินคือเสียงของเจ้ปลาเด็กฝึกที่มาจากประเทศไทยสิบชีวิต ผู้หญิงหก ผู้ชายสี่ เสียงจึงดักมากไปนิด เพราะบริเวณลอบบี้เงียบสนิท มีเพียงสาวประชาสัมพันธ์นั่งอยู่คนเดียวรถตู้คันใหญ่จอดรออยู่ คนขับหน้าดุยืนขนาบอยู่ด้านข้าง“อรนับสิ มาครบหรือยัง” เสียงเจ้ปลาดึงเธอมาจากความสนใจรอบตัวลอออรกระชับผ้าพันคอ นับสมาชิกในใจคร่าวๆ แล้วจึงรีบต้อนคนทั้งหมดขึ้นไปบนรถตู้ที่เจ้ปลานั่งรออยู่“ครบแล้วค่ะเจ้”“ดีแล้ว...ออกรถได้เลย ช้ากว่านี้ไปถึงซาลูสายแน่ๆ” เสียงเจ้ปลายังคงบ่น หลังเจ้ปลาก้มมองนาฬิกาข้อมือจากโรงแรมที่พักไม่ไกลจากซาลูเท่าไหร่ ใช้เวลาเดินทางประมาณสิบห้านาที ลอออรชะเง้อมองตัวตึกซาลูสูงเด่นเป็นสง่า กลางคืนว่างามสง่าแล้ว พอได้เห็นตอนกลางวันยิ่งดูขลังเสียงจอแจดังขึ้นเมื่อรถยนต์หยุดสนิทเจ้ปลาหันมาตวัดสายตาปราม เสียงซุบซิบจึงได้เงียบลงหลังไปยื่นเอกสารที่ลอออรรับมาจากทิโมธีให้กับประชาสัมพันธ์ตรงโถงลอบบี้ เจ้ปลาพาเด็กในสังกัดไปรวมกลุ่มที่ด้านข้าง มองผู้คนที่เดินตบเท้าเข้ามาเพราะจุดประสงค์เดียวกับตนเองด้วยแววตาเป็นประกายวงการแฟชั่นเติบโตมากขึ้นทุกๆ วัน คนรุ่นใหม่นี่แหละคือตัวแปรสำคัญ เพราะความคิดในสมองอันแยบยลนั้น ค่อยๆ ถูกกลั่นออกมาเป็นผลงานชิ้นเอกซาลูมีแนวคิดสนับสนุนความคิด ความกล้า เปิดโอกาสให้คนทั่วไปได้มส่วนร่วม ใต้การชี้นำของซาลู“วันนี้อาจจะได้พบคุณเควินนะ”เสียงร้องวี๊ดแทบจะพร้อมเพรียงกัน เจ้ปลาต้องรีบถลึงตาใส่ เนื่องจากคนทั้งโถงลอบบี้หันมามองเป็นตาเดียว“เบาๆ สิยะ อย่าสะเหล่อนักสิ ฉันล่ะอายชาวบ้านชาวช่องนัก”มันไม่แปลกหรอกที่ทุกคนจะพากันร้องกรี๊ด จุดประสงค์หลักในการเข้าร่วมโครงการก็เพื่อได้มีโอกาสเข้ามาใกล้ชิดเควินตัวเป็นๆเขาเป็นผู้ชายที่เข้าถึงยากที่สุดแต่ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวก็สร้างความเกรียวกราวได้ไม่น้อย
แค่นี้กะสนุกละะ
2d
0ดีอ่าช๊อบบบบ
2d
0ดีมาก
2d
0View All