บทที่2.สะดุดรักแม่สาวจอมเปิ่น ซองเอกสารหนาพอสมควร หนาขนาดลอออรยัดเก็บในอกเสื้อไม่ได้ เธอเลยจำใจถือแล้วก็เดินย้อนกลับมาทางเดิม...แต่เพราะความโก๊ะส่วนตัวด้วยล่ะมั้ง หรือไม่ก็ทางเดินวกวนจนลอออรหลงทาง เธอเดินไปฝั่งตรงกันข้ามกับขามา เดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนมาหยุดยืนมึนที่หน้าประตูห้อง ห้องหนึ่งบานประตูเผยอแง้ม มีแสงไฟส่องลอดผ่านช่องว่างเล็กน้อยนั่นมาลอออรชั่งใจระหว่างหมุนตัวเดินกลับ แล้วพยายามคลำหาทางออก กับการเดินไปข้างหน้า เผื่อบางทีจะเจอใครสักคน เธอน่าจะได้รับความกระจ่าง เพราะคนในย่อมรู้ทางออก แทนการเดินวนไปเวียนมาและแล้วลอออรก็ตัดสินใจเลือกทางที่สอง เธอผลักประตู แล้วเดินเข้าไปด้านในห้องโถงกว้าง มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่ตัวเดียว ไม่มีเก้าอี้ ไม่มีใครสักคนเหมือนที่ลอออรคาดคะเน หญิงสาวหมุนมองไปรอบๆ ตัว เธอพยายามเพ่งสายตามองฝ่าความมืด เมื่อแสงไฟส่องสว่างเฉพาะที่กลางโต๊ะเท่านั้น“มันยังไงกันนะ ทำไมมีคนเลย” ลอออรบ่นพึมพำ ขยับเดินไปข้างหน้า ความกลัวผสมกับความกล้าจนแยกไม่ออกมันเป็นประสบการณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่สำหรับเธอเลย ตึกใหญ่โตแต่แทบจะไม่มีคนอยู่ บริเวณลอบบี้ด้านล่างยังมีพนักงานซาลูเดินกันให้ควัก แต่นับตั้งแต่เธอเดินออกจากลิฟต์ตัวนั้น ลอออรเจอแค่เลขานุการสาวคนนั้นคนเดียวแต่แล้ว...สายตาของลอออรก็ไปสะดุดกับอะไรบางอย่าง เธอตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้ และถือวิสาสะก้มลงมองกระดาษสเกตวางซ้อนทับกันกองมหึมา มันคือขุมทรัพย์ทางปัญญาที่ดีไซเนอร์ระดับหัวกะทิกลั่นกรองมาแทบทั้งนั้นลอออรยกมือปิดปากทัน ก่อนที่เสียงกรีดร้องของเธอจะทำให้ใครสักคนแตกตื่น เมื่อกลั้นใจกลืนเสียงกรีดร้องลงคอไว้ได้ ลอออรจึงลดมือลง ยื่นมือสั่นๆ จับกระดาษสเกตแผ่นหนึ่งขึ้นมาดูใกล้ๆหญิงสาวเอียงคอมองผลงานชิ้นเอกในมือ เธอจิปากเบาๆ และกัดริมฝีปากล่าง ขณะใช้ความคิดเธอแค่เด็กฝึก ฝึกอย่างหนักเพื่อจะเป็นดีไซเนอร์ในอนาคต ลอออรเคยออกแบบเอง เธอแก้ไขแบบที่ตัวเองสเกตนับร้อยรอบกว่าจะพอใจชิ้นงานนั้นแต่กระดาษสเกตตรงหน้า แทบไม่มีร่องรอยการแก้ไขชุดที่ดีไซเนอร์ออกแบบไว้ แทบไม่มีที่ติ แต่ทำไมไม่รู้นะ ลอออรกลับคิดว่า...มันยังมีบางอย่างขาดหายไปตอนที่ฉวยดินสอขึ้นมาจากพื้นโต๊ะ ลอออรไม่ได้คิดอะไรเลย มันมีบางอย่างดึงดูดเธอจมไปกับจินตนาการ มือเรียวเล็กขยับขีดเขียน เธอเติมบางอย่างในภาพสเกตที่ไม่มีรอยแก้ แล้วก็ยกขึ้นมามองใกล้ๆ พร้อมกับยิ้มสมใจ เมื่อภาพสเกตที่ไม่สมบูรณ์นั้น สมบูรณ์ขึ้นแล้วแกร๊ก...เสียงสิ่งมีชีวิตเคลื่อนไหว ลอออรสะดุ้งตัวโยน เธอโยนกระดาษแผ่นนั้นไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนก็รีบวิ่งผลุนผลันออกไป หากมีใครสักคนเห็นเธอที่นี่คงไม่เป็นการดีกับตัวเองเท่าไหร่ทิโมธีปิดประตูระเบียง เขาออกไปสูดอากาศด้านนอก เพื่อให้ความรุ่มร้อนของตนเองลดลง เขาร้อนใจพอๆ กับเควิน สมองมืดทึบ เมื่อยังไม่เจอผลงานชิ้นเยี่ยมเข้าตาพอดีกับที่เควินเดินสวนเข้ามา สีหน้าของเจ้านายดูแปลกๆ ท่าทางเควินเลิ่กลั่ก เหมือนกำลังมองหาใครสักคน“กลับกันก่อนดีกว่าไหมครับ ผมว่าวันนี้คงไม่ได้อะไร” หลายชั่วโมงกับการมองหาเพชรเม็ดงามในกองภาพสเกต แต่กลับคว้าน้ำเหลว ไม่มีภาพสเกตไหนเข้าตาเขาและเควินเลยชายหนุ่มไม่ตอบ เขาเดินไปทิ้งตัวนั่งบนเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ชิดกำแพงกระจก คงเป็นตอนที่เขาอารมณ์ไม่ดีสุดๆ จึงผลักเก้าอี้กระเด็นไปไกลขนาดนั้น“จะกลับก่อนก็ได้นะ แต่ขอผมอยู่อีกแปบนึง”เควินพึมพำตอบหลังจากหลุบเปลือกตาลงเหมือนต้องการพักตา“คงต้องรอให้เวโรนิก้ากลับมาก่อน หล่อนน่าจะมีไอเดียดีๆ” เวโรนิก้าคือดีไซเนอร์คู่ใจของเควิน หากผ่านสมองอนชาญฉลาดของหล่อน ทุกคลอเลคชั่นที่ออกมาดังเกรียวกราวเสมอ“ไปเถอะๆ ผมอยากพัก” เควินโบกมือไล่ เขากำลังผิดหวังอย่างแรงเขาตามแม่สาวนัยน์ตาโตนั่นมาติดๆ ไม่รู้สิว่าคลาดกันตอนไหน เขายังเห็นหน้าหล่อนไม่ชัดเลย ที่จำได้ก็แค่รอยยิ้มสดใสกับแววตาจัดจ้าคู่นั้นมีเสียงปิดประตูดังเบาๆ ไม่มีใครรบกวนเควินอีก ชายหนุ่มจมอยู่กับความคิดตัวเองนานพอสมควรตอนที่เขาตัดใจเดินออกจากห้อง ก็ตอนที่ลอออรกระโจนเข้าไปในลิฟต์พอดี“โอ้ย...นึกว่าหลงอยู่ในเขาวงกตเสียแล้ว” หญิงสาวเอนตัวพิงผนังลิฟต์ ทอดสายตามองแสงไฟลิบตาด้วยแววตาแจ่มกระจ่างเธอเสียเวลางมหาทางออกเป็นชั่วโมง กว่าจะคลำทางจนเจอลิฟต์ก็เล่นเอาเหงื่อตกโถงทางเดินเงียบกริบ แม้แต่เลขานุการสาวคนเดิมก็ไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว หญิงสาวติดใจแค่นิดเดียว ชั้นนี้ทั้งชั้นไม่มีคนอยู่เลยหรือไงลอออรมารู้เอาทีหลัง หลังจากฝึกงานได้ครบอาทิตย์ ชั้นที่เธอมาเอาเอกสาร เป็นโซนต้องห้ามหากไม่มีคำสั่งของผู้บริหารระดับสูง ไม่มีคนในซาลูคนไหนไปถึงที่นั่น ลิฟต์จะถูกล็อกไว้ คงเป็นความโชคดีของเธอ วันนั้นเควินลืมล็อกลิฟต์ เขากำลังหงุดหงิดจนเผอเรอนั่นเอง
แค่นี้กะสนุกละะ
2d
0ดีอ่าช๊อบบบบ
2d
0ดีมาก
2d
0View All