“ไม่ว่านานแค่ไหน ข้าก็จะรอ ข้ารอเจ้ามาตั้งแต่วัยเยาว์ เหตุใดจะรออีกไม่ได้” องค์ชายรองหลับตาลง สัมผัสกับความรู้สึกอบอุ่นนั้นอย่างมีความสุข พร้อมดอกเหมยสวรรค์ยังคงร่วงหล่นแสดงความหมาย ถึงคู่บารมีขององค์ชายรองที่กำลังจะเกิดขึ้นเจี้ยนลู่ฟางดึงมือหญิงสาวเดินมายังสระสวรรค์ที่ตั้งอยู่ในสวนบูรพา เป็นสถานที่บันทึกความทรงจำต่าง ๆ มากมายในยามเด็ก ฝูงผีเสื้อจำนวนมากบินวนไปมารอบ ๆ กายทั้งสอง ให้เจี้ยนลู่ฟางทอดสายตาไปยังเบื้องหน้า ที่ดาษดื่นไปด้วยดอกบัวทิพย์“เจ้าจำได้ฤาไม่ ในยามเด็ก พวกเราสามคนชอบมาไล่จับผีเสื้อบริเวณนี้ เจ้าเป็นคนซุ่มซ่ามเผลอตกสระสวรรค์อยู่บ่อย ๆ ลำบากข้ากับองค์รัชทายาททุกที แต่ใครจะรู้...เวลานั้นข้ามีความสุขเพียงใด ที่ได้พบเจ้าทุกวัน ในตอนนั้นข้าไม่เข้าใจความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้น..” องค์ชายรองพูดจบ จึงหันพระพักตร์งดงาม กลับมายังหยางฟางเหนียง แล้วเงยหน้าขึ้นมองดอกเหมยสวรรค์ที่กำลังร่วงหล่นบ่งบอกสถานะของเขาเวลานี้“วันนี้ข้ารู้แล้ว ว่าที่ดอกเหมยสวรรค์ร่วงหล่นลงมา กำลังจะบอกบางอย่าง” หลังจากองค์ชายรองพูดจบ ฟางเหนียงก้มหน้าลงแล้วเบี่ยงกายเดินตรงไปยังสระสวรรค์ ทอดสายตามองดอกบัวในนั้นอย่างเงียบ ๆ“หากเราสองคน เป็นคู่บารมีกันจริง อย่างไรข้าก็ไม่อาจหลีกหนีได้ ท่านเทพแห่งชะตามักบอกพวกเราเสมอ ว่าไม่มีผู้ใดอยู่เหนือกฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้ แท้จริงแล้วหัวใจของข้ามิเคยรังเกียจพระองค์เลยสักครั้ง...ที่ข้าเย็นชาราวกับสตรีไร้ความรู้สึก นั่นเพราะข้ากลัวว่าสถานะของข้า มิคู่ควรกับพระองค์”“หากเจ้ามิคู่แล้ว แล้วผู้ใดจักคู่ควรกับข้าได้อีก เราต่างเติบโตมาด้วยกันนะฟางเหนียง”“หากแต่...ยามนี้ข้ารู้แล้วเพคะ” หญิงสาวเผยยิ้มอ่อนโยนให้เขา“เช่นนั้นข้าจะขอพระราชทานอนุญาตจากเสด็จพ่อ ให้แต่งตั้งเจ้าขึ้นเป็นชายาของข้า ข้าจะทูลของานอภิเษกจากเสด็จพ่อโดยเร็วที่สุด” ฟางเหนียงยกมือขึ้นปิดปากองค์ชายรองในทันที พลางส่ายศีรษะไปมาเป็นการปฏิเสธ“เร็วเกินไปเพคะ”“แต่เจ้าเห็นแล้วมิใช่ฤา ว่าดอกเหมยสวรรค์ร่วงหล่นลงมาเช่นนี้ นั่นหมายถึงเวลาที่ข้าต้องมีชายาเป็นคู่บารมี หากเจ้าบ่ายเบี่ยงเกรงว่าเหล่าเทพต่าง ๆ จะไม่เห็นด้วย”“ข้าอยากให้องค์รัชทายาทออกจากการบำเพ็ญเพียรก่อน อย่างไรพวกเราทั้งสาม ก็เติบโตมาพร้อมกัน ข้าอยากเห็นองค์รัชทายาทร่วมยินดี กับพิธีอภิเษกของเราเพคะ” เจี้ยนลู่ฟางได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าปล่อยยิ้มออกมา พลันดึงร่างเล็กเข้าไปสวมกอด“เช่นนั้นข้าจักทูลขอเสด็จพ่อไว้ ไม่ว่าเหตุผลใด ข้าจะไม่เร่งรัด ให้เจ้าลำบากใจ ต้องรอแค่ไหนข้าก็จะรอ” ภายใต้อ้อมกอดขององค์ชายรอง ฟางเหนียงปล่อยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข พลันเลื่อนสายตามองดูดอกเหมยสวรรค์ที่ร่วงหล่นลงมาปะทะกาย พร้อมกลิ่นหอมคละคลุ้งไปทั่วทั้งแดนสวรรค์ แสดงถึงบารมีของนางในภายหน้า ให้เหล่าเทพทั้งหลายต่างนอบน้อมเทพแห่งชะตารวบรวมกำลัง ทลายเกราะกำบังของสำนักหมิงเซียนที่ใช้หลบภัยจากภายนอก เพียงพริบตาเดียวเกราะกำบังเหล่านั้นก็สลายหายไป กลุ่มหมอกสีจางที่ปกคลุมทุกอย่างไว้ค่อย ๆ เผยให้เห็นสำนักหมิงเซียนกระจ่างชัดขึ้น สองเท้าของเทพแห่งชะตาเดินตรงไปตามทางเดิน พลางยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อทอดสายตา เห็นน้ำตกอันสวยงามยังคงเด่นตระหง่านเหมือนเช่นหนึ่งพันปีก่อน พร้อมกับเสียงนกอินทรีร้องดังลั่นโฉบไปมา“สถานที่แห่งนี้ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มู่เฉิงหนิงดูแลสำนักของนางได้ดีเสมอมาตามคำสัตย์ ที่ให้ไว้กับราชาสวรรค์ ความมุ่งมั่นนี้แม้ผ่านไปนานเท่าไหร่ นางก็ยังยึดมั่นแน่วแน่ที่จะฝึกฝนเซียนขึ้นไปทำหน้าที่บนสวรรค์ ข้อนี้ ข้านับถือนางยิ่งนัก” เทพแห่งชะตาก้าวเท้าเดินต่อไปได้เพียงไม่กี่ก้าว“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงบุกรุกสำนักของเรา” เสียงเข้มของศิษย์ผู้หนึ่งพูดขึ้น พร้อมวางดาบทาบมาที่คอของเทพแห่งชะตา หมายเอาชีวิต ที่กล้าบุกรุกเข้ามาในสำนัก ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม ไม่มีผู้ใดล่วงล้ำมาได้“ศิษย์ห้า เจ้าอย่าได้เสียมารยาท ลดดาบของเจ้าลงเดี๋ยวนี้” มู่เฉิงหนิงเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อน พร้อมหันไปปรามทันที“ศิษย์ห้า เจ้าจำเทพแห่งชะตามิได้ฤา หนึ่งพันปีก่อน เขาเป็นผู้พาเจ้ามาส่ง ณ สำนักแห่งนี้” สิ้นเสียงอาจารย์หญิงเท่านั้น ศิษย์ห้าจึงลดดาบลง พลางเลื่อนสายตาเพ่งมองเทพแห่งชะตาอีกครั้ง ก่อนจะรีบคุกเข่าลงด้วยความรู้สึกผิด“ข้าวู่วามเกินไป ขอท่านเทพอภัยด้วย”“ศิษย์ของข้าทำผิดไปแล้ว ขอท่านเทพแห่งชะตาอย่าได้ถือสา” มู่เฉิงหนิงค้อมตัวลง“ไม่เป็นไร ข้ามิได้ถือสา” เทพแห่งชะตาเห็นนางค้อมตัวลง เขารีบค้อมตัวกลับ ด้วยเกรงในบารมีบางอย่างของนาง ก่อนจะเลื่อนสายตามองสำนักหมิงเซียนด้วยความประทับใจครั้งแล้วครั้งเล่า“วันนี้ข้ามารับเซียนน้อยทั้งเก้าคน ขึ้นไปทำหน้าที่บนสวรรค์” มู่เฉิงหนิงเลื่อนสายตากลับมายังศิษย์ห้าที่ยืนอยู่ด้วยสายตาอาลัยอย่างถึงที่สุด
สนุกดี ทำออกมาเรื่อยๆนะ
25/08/2023
0ดีมากเลยค่ะ อ่านสนุกมาก
20/08/2023
0ชอบค่ะ
18h
0Ver Todos