“สวัสดีครับ” ภูมิภัทรเดินตรงไปหาลลิสาที่เพิ่งออกมาจากลิฟต์ หลังจากนั่งรอเธออยู่ด้านล่างของคอนโดมิเนียมเกือบหนึ่งชั่วโมง ในมือของเขาถือช่อดอกไม้ ที่มีดอกกุหลาบสีขาวอยู่เพียงดอกเดียวและมีกระดาษสีน้ำเงินเข้มห่อหุ้มเอาไว้อย่างสวยงาม“ค่ะ” ลลิสาตอบกลับและมองไปรอบๆ ว่ามีใครน่าสงสัยอยู่แถวนี้หรือไม่ เธอไม่อยากมีข่าวว่าไฮโซหนุ่มที่นักข่าวกำลังให้ความสนใจนั้นมาหาเธอถึงที่พัก ทั้งๆ ที่เมื่อวานเพิ่งปฏิเสธไปว่าไม่ได้สนิทกัน“พี่ขอโทษนะครับ ที่ผ่านมาพี่ไม่ได้เอาดอกไม้มาให้น้องลินด้วยตัวเอง แต่เมื่อคืนพี่ได้ฟังที่น้องลินให้สัมภาษณ์ พี่เลยรู้ตัวแล้วว่าพี่ไม่ควรทำเพียงแค่ส่งดอกไม้ พี่ควรส่งมันให้น้องลินด้วยมือของพี่เอง เพื่อแสดงให้น้องลินรู้ว่า...”“ลินต้องรีบไปทำงาน คนขับรถมารอแล้วค่ะ” ลลิสาพูดตัดบทสนทนา แต่ก็ยังมีมารยาทมากพอที่จะส่งยิ้มให้เขา เพราะเธอกำลังสงสัยว่าเขาแอบใส่เครื่องดักฟังไว้ในช่อดอกไม้เก่าๆ หรือเปล่า ถึงรู้ว่าเธอคุยกับแม่ว่าอะไรบ้าง“ช่วยรับดอกไม้ที่พี่ตั้งใจเอามาให้ก็พอครับ น้องลินสะดวกจะคุยกับพี่เมื่อไหร่ เราค่อยคุยเรื่องนี้กันต่อ”“ขอบคุณค่ะ ลินขอตัวนะคะ ไม่อยากไปทำงานสาย” ลลิสารับช่อดอกไม้ที่เขาส่งมาให้เพื่อรักษาน้ำใจ ก่อนเดินจากไป โดยที่เบื้องหลังนั้นมีภูมิภัทรมองตามอย่างไม่ละสายตา เพียงแค่ได้คุยกับเธอสั้นๆ เขาก็ทบทวนแล้วว่า นอกจากบริหารงานด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทำอยู่เป็นประจำแล้ว ต่อไปนี้เขาต้องเพิ่มทักษะการบริหารเสน่ห์ของตัวเองให้เธอตกหลุมรัก เพราะการจะได้ครองใจเธอนั้น คงเป็นเรื่องที่เขาต้องใช้ความพยายามมากทีเดียว"สวัสดีจ้ะ""...สวัสดีครับ" สองมือยกขึ้นไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ ผู้หญิงที่เข้ามาทักเขา น่าจะมีอายุไม่ต่างกับแม่ของตัวเองมาก เธอกำลังมองเขาอย่างจับผิด คล้ายๆ กับสงสัยว่าเขาจะมาวางระเบิดคอนโดหรือเปล่า แต่จากรูปลักษณ์และการแต่งกาย เธอก็คงไม่ใช่แม่บ้านหรือพนักงานรักษาความปลอดภัย“ชื่ออะไรจ๊ะ เป็นใครมาจากไหน ทำไมน้าไม่คุ้นหน้าเลย”“ผมเหรอครับ”“ใช่ค่ะ น้าถามว่าคุณเป็นใคร ชื่ออะไร รู้จักลูกสาวน้าด้วยเหรอ” หลังจากเห็นเหตุการณ์ที่เขาเข้ามาพูดคุยกับลลิสา ศรัญญาก็วางท่าเป็นแม่สุดหวงลูกสาวดั่งไข่ในหิน“สวัสดีครับ ผมชื่อภูมิภัทรครับ คุณน้าจะเรียกผมว่าภูมิก็ได้ครับ” ภูมิภัทรรีบแนะนำตัวอย่างสุภาพและรวดเร็วแบบติดจรวด หวังว่าคงจะไม่สายเกินไปที่จะทำให้แม่ของเธอประทับใจนะ“แล้วตกลงว่าเป็นเพื่อนกับลินใช่ไหม”“ก็... รู้จักกันครับ”“แล้วมาหาลินที่นี่มีอะไร ปกติมีแต่เพื่อนสนิทลินที่มาหาที่นี่ มีธุระสำคัญอะไรหรือเปล่า”“คุณน้าพอจะมีเวลาสักครู่ไหมครับ” ภูมิภัทรเห็นว่าแม่ของลลิสาคงจะซักไซ้ไม่เลิกแน่ๆ ถ้าเขาไม่ตอบอะไรให้มันชัดเจน“มี แต่ไม่มาก”“ผมรบกวนคุณน้านั่งคุยกับผมก่อนได้ไหมครับ เชิญครับ ยืนนานๆ เดี๋ยวจะเมื่อย” เขายื่นมือจะไปแตะแขนของศรัญญาเพื่อช่วยพยุงไปนั่ง แต่เธอก็หันหลังเดินไปด้วยตัวเองพร้อมกับความประทับใจ คนนี้แหละที่เธออยากได้มาเป็นลูกเขย ขยันส่งดอกไม้มาให้ลูกสาวทุกวัน แม้ลูกสาวจะไม่สนใจใยดี แต่ก็ยังเดินหน้าจีบต่อ ไม่เหมือนพวกไฮโซคนอื่นๆ ที่ไม่รู้จักพยายาม แถมยังรู้จักเอาอกเอาใจ เกรงว่าคนแก่อย่างเธอจะปวดแข้งปวดขา“ผมภูมิภัทร พิริยะหิรัญนะครับคุณน้า ผมรู้จักกับน้องลิน เพราะเธอเป็นเพื่อนของเพื่อนผม เลยโอกาสได้เจอและได้พูดคุยกันเล็กน้อย ผมประทับใจหลายๆ อย่างในตัวของน้องลิน เลยอยากทำความรู้จักน้องลินให้มากขึ้นครับ”“คนเดียวกันกับที่ส่งดอกไม้มาให้ทุกวันสินะ” ศรัญญาฟังจนจบก็มองภูมิภัทรอย่างพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้จะแต่งตัวเหมือนผู้ชายที่ทำงานในออฟฟิศทั่วๆ ไป แต่รัศมีความเป็นเจ้าคนนายคนเปล่งประกายมาจากนาฬิกาเรือนหรู คงมีราคาหลายแสนหรืออาจจะแพงหลักล้าน“ใช่ครับ ขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้มาส่งให้ด้วยตัวเอง เกรงใจน้องลินน่ะครับ ยังไม่ได้สนิทกันมาก มาที่นี่ทุกวันคงจะไม่ดี”“ขอบคุณแทนลูกสาวน้าด้วยนะที่ให้เกียรติ แต่ลินเขาทำงานหนัก ไม่ได้มีเวลาสนใจช่อดอกไม้เท่าไหร่หรอก”“ไม่เป็นไรครับ แค่น้องลินรู้ว่าเป็นดอกไม้จากผมก็พอครับ”“แล้วนี่จะจีบลูกสาวน้าจริงๆ เหรอ คิดดีหรือยัง ลินงานยุ่งมากนะ ทำงานทั้งวันและเกือบทุกวัน ถ้าลูกสาวแม่ไม่มีเวลาให้จะไม่น้อยใจใช่ไหม ทำไมไมคบคนที่ทำงานเป็นเวลาเหมือนตัวเองล่ะ”“ผมทราบดีครับว่าน้องลินทำงานหนัก ตัวผมเองก็ทำงานทุกวัน เรื่องมีเวลาให้กันหรือเปล่า ผมยังกล้าคิดไปไกลถึงขั้นนั้นครับ ตอนนี้ขอแค่ให้น้องลินเปิดโอกาสให้ผมได้ทำความรู้จักมากขึ้นก่อน”“ที่บอกว่าทำงานทุกวัน น้าถามได้ไหมว่าทำงานอะไร เสาร์ อาทิตย์ไม่ได้หยุดพักผ่อนอย่างคนอื่นเขาเหรอ”“ผมช่วยครอบครัวบริหารโรงแรม ดูแลในส่วนของตัวอาคารและการจัดการสถานที่ภายใน โรงแรมอยู่ถัดไปจากคอนโดนี้แค่ไม่กี่ซอยเองครับ”“เป็นคนมีบุญวาสนานะ เกิดมาบนกองเงินกองทอง สมมติว่าถ้าได้คบกับลิน ครอบครัวเราจะรับได้เหรอ ลูกสาวน้าไม่ใช่ไฮโซ นามสกุลไม่ดัง แล้วเราก็คงมาจากครอบครัวคนจีน แต่ครอบครัวของน้ากับลินเป็นคนไทยแท้ ไม่สันทันเรื่องเทศกาลตรุษจีนหรือเช้งเม้งนะ”“เรื่องนั้นสบายใจได้ครับ พ่อกับแม่ผมเป็นคนมีความคิดทันสมัย ท่านทราบดีครับว่าหมดยุคที่จะตัดสินใครจากนามสกุลแล้ว พี่สาวผมก็แต่งงานกับคนฝรั่งเศษ น้องชายผมมีแฟนเป็นคนเกาหลี พ่อกับแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมอาจจะโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ แต่ผมก็มีบริษัทที่ลงทุนด้วยตัวเองนะครับ ผมลงทุนร่วมกับเพื่อนรุ่นพี่ เปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้างครับ บริษัทของผมดูแลทั้งงานเล็กๆ อย่างสร้างบ้าน ไปจนถึงงานใหญ่ๆ อย่างการสร้างคอนโดมิเนียมและหมู่บ้านจัดสรร ผมไม่ได้จะพูดเอาใจหรือทำคะแนนนะครับ แต่ถ้าคุณน้ากำลังหาผู้รับเหมามาดูแลเรื่องบ้านที่กำลังจะสร้าง ผมยินดีบริการเป็นพิเศษครับ” ภูมิภัทรพยายามพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุด เพราะไม่อยากถูกเข้าใจว่าเขากำลังโอ้อวด เขาเพียงต้องการบอกให้ทราบว่าเขามีหน้าที่การงานที่ดีพอที่จะดูแลลลิสาได้“ขอบใจที่เล่าสู่กันนะ แต่น้าต้องไปก่อน มีนัดเล่นโยคะกับแก๊งคนแก่ด้วยกัน” ศรัญญาปิดเสียงโทรศัพท์ที่มีคนโทรเข้ามาได้จังหวะอย่างพอดิบพอดี“ผมขอรบกวนคุณน้าอีกคำถามเดียวนะครับ”“จ้ะ”“คุณน้าจะเมตตาอนุญาตให้ผมทำความรู้จักกับน้องลินได้ไหมครับ”“เรื่องนี้น้าคงต้องแล้วแต่ลูกสาวนะ”“ขอบคุณครับ แค่คุณน้าไม่ปฏิเสธ ผมก็ดีใจมากแล้วครับ ให้ผมไปส่งไหมครับ คุณน้าเล่นโยคะที่ไหน”“เดินออกไปไม่ไกลก็ถึงแล้ว”“ครับ ผมอยากเจอคุณน้าบ่อยๆ นะครับ” ภูมิภัทรยกมือไหว้ศรัญญาด้วยความเคารพและเดินไปส่งเธอที่ประตูทางออก ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เป็นความโชคดีนั้นที่ได้เจอกับแม่ของลลิสา เขาจึงได้มีโอกาสบอกกล่าวว่าเขามาเพื่อจุดประสงค์ใด และก็พอจะดูออกว่าแม่ของลลิสานั้นไม่ได้หวงลูกสาวมากเท่าไหร่นัก พูดจาเอาอกเอาใจนิดหน่อยก็คงจะเข้าถึงได้ไม่ยาก ที่สอบถามเรื่องราวชีวิตของเขาเมื่อครู่ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องการอยากรู้ที่มาที่ไปของคนที่จะมาอยู่ใกล้ลูกของตัวเองส่วนศรัญญานั้นให้คะแนนภูมิภัทรร้อยเต็มสิบ เขามีสัมมาคารวะ รู้ว่าควรอย่างไรเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ เป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะพูดความจริงว่าคิดสิ่งใดกับลูกสาว และที่ประทับใจที่สุดคือหน้าที่การงาน นอกจากครอบครัวจะมั่งคั่ง ยังรู้จักทำมาหากินด้วยตัวเอง หากภูมิภัทรไม่ได้รับมรดกจากทางบ้าน เขาก็ยังมีความสามารถมากพอที่จะดูแลลูกสาวได้“ภูมิภัทร”“ครับคุณน้า” คนถูกเรียกชื่อรีบวิ่งมาหาศรัญญาอย่างรวดเร็ว“น้าจะดูผลงานเก่าๆ ของบริษัทเราได้จากไหนบ้าง”“นี่นามบัตรผมครับ คุณน้าสามารถเข้าไปชมผลงานได้ที่แฟนเพจของบริษัท ตามชื่อในนามบัตรได้เลยครับ เราอัปเดตงานที่เสร็จแล้วและกำลังสร้างอยู่ตลอด หรือคุณน้าจะเข้าไปเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเราก็ได้ครับ”“แบบบ้านของน้าก็ใกล้เสร็จแล้ว ถ้าเสร็จเมื่อไหร่ น้าจะส่งแบบไปให้ประเมินราคาการก่อสร้าง แต่ถ้าแพงกว่าบริษัทอื่น น้าคงจะไม่ได้ใช้บริการนะ”“ครับ” ภูมิภัทรค่อยๆ หุบยิ้ม เพราะประโยคทิ้งท้ายนั้นฟังแล้วเหมือนถูกต่อยเข้าที่ท้อง แต่ถ้ายื่นแบบบ้านมาให้ประเมินเมื่อไหร่จริงๆ ก็ไม่ยากเกินความสามารถของเขาหรอกที่จะทำให้ลลิสาและแม่ได้จ่ายค่าก่อสร้างในราคาถูกที่สุด แต่วัสดุและคุณภาพของอุปกรณ์การก่อสร้างยังเป็นไปตามแบบที่ต้องการ งานนี้เขายอมตัดราคาเจ้าอื่น และต่อให้งบประมาณบานปลาย เขาก็ยินดีจะออกเงินส่วนเกินให้โดยไม่ปริปากบ่นเลยล่ะ
ดีมาก
1d
0ดีคะ
22d
0ชอบมากๆๆๆ
16/08
0Ver Todos