ณ หอพักเปี่ยมสุข หอพัก 3 ชั้นขนาดกลางในย่านชุมชน ซึ่งมีจำนวนผู้พักอาศัยเต็มแน่นทุกห้อง จากค่าเช่าแสนถูก อัธยาศัยไมตรีอันดีของเจ้าของ ระบบสาธารณูปโภคครบครัน และการคมนาคมที่สะดวกสบายไปเสียรอบด้านตึก... ตึก... ตึก...บัวบกหิ้วถุงข้าวกล่องขึ้นบันไดมาหยุดที่หน้าห้องห้องหนึ่งบนชั้นสอง ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้าไป เรียกเจ้าของสายตา 4 คู่ภายในนั้นให้หันมามอง ประหนึ่งกำลังรอคอยเธออยู่อย่างใจจดใจจ่อ“ช้าจัง คิดว่าแอบกินข้าวหมดแล้วซะอีก” ชายหนุ่มในชุดนักศึกษาแซวขำๆ...เขาเป็นเจ้าของรูปร่างสูงโปร่ง ความสูงเกือบ 180 ซ.ม.พอๆ กับธนู ผมรองทรงปล่อยยาวถึงต้นคอ ผิวขาวและค่อนข้างได้รับการดูแลอย่างดี ตามแบบฉบับลูกคุณหนูเจ้าสำอาง จมูกโด่ง กับรอยยิ้มที่เหมือนจะเย้ยหยันคนทั้งโลก อันเป็นความเคยชินอย่างช่วยไม่ได้ รวมไปถึงนัยน์ตาฉายแววทีเล่นทีจริง เยือกเย็นระคนกล้าแข็งคู่นั้นด้วย และแน่นอน ! รถเปิดประทุนสีดำหน้าหอพักนั่นเป็นของพี่ชายซึ่งเขาหยิบยืมมา“เห็นฉันเป็นคนแบบนั้นหรือไง ! ถ้าคิดว่าฉันตะกละนักทีหลังก็ไปซื้อเองสิ !” บัวบกตอบฉุนๆ หน้าตาบอกบุญไม่รับ“บูดมาเชียวนะ เจอใครหาเรื่องมาหรือไง ?” หนุ่มร่างอ้วนเจ้าของห้องถามยิ้มๆ ด้วยใบหน้าที่บ่งบอกถึงความเป็นคนอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลา“ก็นิดหน่อย... ช่างเถอะ ! จัดการแล้ว” บัวบกเสียงอ่อนลง แต่นั่นทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที“รู้ใจกันดีเหลือเกินนะ”ทั้งคำพูดและน้ำเสียงแกมประชด ทำให้ทุกคนหันมามองไฮโซหนุ่มเจ้าของคำพูดอย่างชวิน ขณะที่ตัวเขาเองกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เหมือนไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ไม่ทันที่บัวบกจะได้ถามอะไร“นี่ ! ฉันสั่งผัดซีอิ๊ว ทำไมถึงกลายเป็นผัดกระเพรา แบบนี้ฉันจะกินไงได้ยังไง บอกแล้วไงว่าฉันไม่กินข้าว” หนุ่มแว่นนักศึกษาสมาชิกแก๊งอีกคนโวยวาย“ก็เส้นมันหมดจะให้ฉันทำยังไง กินไม่ได้ก็ไม่ต้องกินสิ กินยากนักก็” บัวบกอารมณ์เสียขึ้นมาอีกรอบ“เอาน่าๆ ชลมันไม่ได้กินยากหรอก มันกินข้าวแล้วปวดท้อง ชีวิตนี้เลยต้องกินแต่ก๋วยเตี๋ยว” ชวินแทรกขึ้นพลางหัวเราะขบขัน เปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วเสียจนทุกคนพากันงุนงง “กล่องนี้ก็ให้ยุทธ์หรือไม่ก็จรกินก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันพาไปเลี้ยงสุกี้”“ถ้าสั่งข้าวมาให้ฉันเห็นเหมือนคราวที่แล้ว ฉันจะจัดการโอนเงินบัญชีนายเข้ามูลนิธิยัยบัวบกให้หมดเลย” ลิชลขู่ สีหน้าเหี้ยมโหดบ่งบอกว่าพูดจริงทำจริง...เขาเป็นเพื่อนมหาวิทยาลัยเดียวกับชวิน แต่เรียนคนละคณะ ชวินเรียนรัฐศาสตร์ ส่วนเขาเรียนวิศวคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังเรียนนำหน้าหมอนั่น ซึ่งมัวไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น 2 ปี ด้วย ใช่แล้ว ! มือแฮกเกอร์ประจำแก๊งก็คือเขาเอง“พูดแบบนี้ เกิดบัวโทรไปสั่งข้าวให้โต๊ะเรา ฉันก็เจ๊งคนเดียวสิเนี่ย” ชวินยังไม่เลิกแหย่หญิงสาว“ฉันจะไปรู้ได้ไงว่าพวกคุณจะไปกินสุกี้กันที่ไหน !” บัวบกตอบคำแซวของชวินแบบฉุนๆ เพราะยังไม่หายโมโหสองหนุ่ม“แสดงว่าถ้ารู้จะโทรไปสั่งว่างั้นเถอะ” ชวินแซวต่อ ทำเอาบัวบกค้อนหน้าคว่ำ“คุณชวินก็ชอบไปล้อให้เขาโกรธ เกิดเขาโมโหไล่โปะยานอนหลับ หรือคิดผงอะไรแปลกๆ ให้เรากิน มีลุ้นตายหมู่เลยนะครับ” ประยุทธ์หนุ่มร่างอ้วนเจ้าของห้อง และมือสะเดาะกุญแจประจำแก๊ง ร่วมด้วยช่วยแซวต่อ มีเพียงขจรหนุ่มนักมวยผิวคล้ำล่ำบึ้กเท่านั้นที่ยังคงนั่งเคี้ยวข้าวเงียบๆ“ตกลงที่ให้ฉันลางานมูลนิธิมานี่ เพื่อจะให้มาฟังเรื่องไร้สาระพวกนี้ใช่ไหม !” บัวบกเท้าเอวตั้งท่าจะเอาเรื่อง ในฐานะที่เธอเป็นทั้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิบ้านเด็กกำพร้า อดีตเด็กกำพร้าของมูลนิธิ และนักปรุงผงยานอนหลับประจำแก๊ง“เปล่า... แค่เห็นว่าเหนื่อยกันมาทั้งเดือน ไม่มีวันหยุด เลยจะให้พักร้อนสัก 3 - 4 วัน” ชวินตอบยิ้มๆ แต่นั่นกลับทำให้ทุกคนหันมาจ้องหน้าเขา ด้วยความแปลกใจระคนเคลือบแคลงใจ“คิดยังไง ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยคิดอยากพัก ไม่ได้ทำงานอดิเรกพวกนี้แล้วนอนไม่หลับ แกเคยพูดไว้ อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” ลิชลจ้องหน้าเพื่อนราวกับจะจับผิด“ช่างฉันเถอะน่า ! ทำไม ! ไม่ดีหรือไง” หัวหน้าแก๊งหนุ่มยังคงนั่งละเลียดข้าวกลางวันของตัวเอง เป็นทองไม่รู้ร้อน“ไม่ใช่ว่านายระแวงเรื่องหมอนั่น เลยคิดจะให้ทิ้งช่วงสักระยะ แล้วเอาเรื่องพักร้อนมาบังหน้าหรือไง นายเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหมล่ะว่า หมอนั่นไม่ใช่คนไม่เต็มบาท แต่เป็นพวกไม่ธรรมดา” หนุ่มแว่นแฮกเกอร์ประจำแก๊งยังคงสงสัยในพฤติกรรมแปลกๆ ของคนเป็นหัวหน้า“ฉันบอกว่าพักร้อนก็คือพักร้อนสิ !” ชวินเสียงเข้มสวน บ่งบอกว่าไม่ต้องการให้ใครออกความเห็นอะไรอีก ซึ่งทุกคนต่างรู้จักนิสัยส่วนตัวข้อนี้ของเขาดี จึงไม่มีใครพูดอะไรขึ้นมาอีก นอกจากปล่อยให้เขานั่งจัดการกับมื้อเที่ยงของตัวเองจนพอใจ และนึกอยากกลับ“คนอื่นเอาไว้เสร็จงานใหญ่ครั้งหน้า ฉันจะพาไปเลี้ยงบุฟเฟ่ต์... ไป ! โทษทีที่ให้นายนั่งรอ”...และในที่สุดเวลานั้นก็มาถึง“นั่งรอไม่ว่า ดันมาเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ให้ดูนี่สิ !” ลิชลบ่นอุบ แล้วลุกตามชวินออกไป“ฉันก็ต้องกลับก่อนนะ ป่านนี้แม่ครูคงวุ่นวายใหญ่แล้ว ไม่น่าลางานมาฟังเรื่องไร้สาระเลย ให้ตายเถอะ !” บัวบกตั้งท่าจะเดินออกไปอีกคน“อ้าว ! แล้วข้าวกล่องนี่ล่ะ” ประยุทธ์ชูถุงข้าวกล่องที่บัวบกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ“แล้วแต่นายสิ ให้จรไปก็ได้” ชวินหันมาตอบคำถามแทนบัวบกที่ดูจะสนใจการกลับไปยังมูลนิธิเหนือสิ่งอื่นใด “ฉันไม่เอา ขอบใจ” ขจรปฏิเสธสั้นๆ พร้อมกับลุกเดินนำหน้าบัวบกออกไป“เฮ้ย ! นี่จะกลับกันหมดเลยเหรอ ฉันอุตส่าห์หยุดงานทั้งวัน อยู่เป็นเพื่อนกันก่อนสิ” ประยุทธ์โอดครวญระหว่างที่เดินตามทุกคนออกไปหน้าห้อง“โทษว่าที่รองประธานท่านสิ นัดมาทำไม ไม่เห็นจะเป็นเรื่องเลย” บัวบกมิวายค้อนให้ชวิน“โอเคๆ ฉันยอมรับผิดก็ได้ เดี๋ยวจะชดใช้ให้มื้อหน้าก็แล้วกัน” หัวหน้าแก๊งหนุ่มหัวเราะรับอย่างอารมณ์ดี แต่แล้วความรู้สึกแปลกๆ เหมือนกำลังถูกใครบางคนจ้องมอง ก็ทำให้เขาต้องเบนสายตาลงไปเบื้องล่าง บริเวณที่จอดรถหน้าหอพัก...ใครคนหนึ่งกำลังมองขึ้นมาเช่นกัน ผู้ชายสวมแจ็คเก็ต ขี่มอเตอร์ไซค์ และสวมหมวกกันน็อคปิดบังใบหน้า ซึ่งกำลังเลื่อนกระจกหน้าหมวกลง“ดูอะไรของนายน่ะ ?” ลิชลมองลงไปข้างล่างบ้าง เช่นเดียวกับสมาชิกแก๊งคนอื่นที่มองตามสายตาดุๆของชวินลงไป ทันได้เห็นเขาคนนั้นขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป“ผู้ชายคนนั้น...” บัวบกพึมพำ คลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นเขาที่ร้านอาหารตามสั่ง ขณะที่ชวินนึกไปถึงบุรุษปริศนาเมื่อคืน และเริ่มเป็นกังวลมากขึ้น ถึงแม้จะเชื่อมั่นว่ามนุษย์ร้อยหน้าพันอาชีพอย่างประยุทธ์จะสามารถเอาตัวรอดได้ก็ตามที
ดีสุด
16d
0สนุกดี ากครับ
13/08
0สนุกมากค่ะปกติเป็นคนขี้เบื่อแต่เจอเรื่องนี้ไปอยากอ่านเรื่อยๆเลยค่ะ
08/08
0Ver Todos