ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา กงล้อแห่งวัฏจักรเดิมก็เริ่มต้นหมุนวนอีกครั้ง สื่อมวลชนจากทุกสำนักยืนออกันแน่นขนัดอยู่บริเวณด้านหน้าคฤหาสน์สุดหรูของ ส.ส.บดินทร์ ต่างแข่งกันรายงานข่าวล่ามาแรงอย่างพร้อมเพรียงเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว แน่นอนว่าผู้ที่โด่งดังและได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วราชอาณาจักร ย่อมหนีไม่พ้นเหล่าสมาชิกแก๊งองค์กรลับใต้ดินซึ่งอาจกำลังนั่งยิ้มอยู่หน้าจอโทรทัศน์ ตรงข้ามกับใครบางคนที่มีแนวโน้มจะเกิดอาการคลุ้มคลั่ง กับสิ่งที่ได้รับรู้“กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบตี 2 แล้วได้อะไรมาบ้างล่ะ ไหนว่าคนบ้าน่าจะรู้ความคิดของคนบ้าไง !” พล.ต.ต.เกรียงไกรจ้องหน้าลูกชายที่เข้ามายืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานประจำตำแหน่ง ภายในห้องส่วนตัวบนตึกกองปราบปราม ท่าทางโมโหสุดขีดหลังจากได้ดูข่าวการบุกปล้นบ้าน ส.ส.บดินทร์ ของกลุ่มองค์กรลับใต้ดิน“โอ้โห ! นี่พ่อนอนฟังจนผมกลับบ้านเลยหรือครับเนี่ย” ธนูซึ่งอยู่ในชุดแบบไปรเวต เสื้อยืดขาว แจ็คเก็ตสีกรมท่ากับกางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ ยืนยิ้มตาโตไม่ทุกข์ร้อน และไม่เป็นการเป็นงานอีกเช่นเคย“ลูกไม่กลับบ้านจะให้หลับลงได้ยังไง ถึงหลับลง แม่แกก็คงมาเข้าฝันปลุกฉันตื่นอยู่ดี” คนเป็นพ่อพยายามระงับอารมณ์“นั่นก็แสดงว่าแม่รักพ่อมากนะครับเนี่ย ไม่เห็นมาเข้าฝันลูกบ้างเลย จะได้บอกแม่ว่าคิดถึง” คนเป็นลูกนอกเรื่องไปเรื่อย แต่ไม่เป็นผล“ตกลงแกได้อะไรมาบ้าง เข้านอนเกือบตี 4 ไม่ใช่เหรอ ช่วงเวลา 2 ชั่วโมงนั่นแกทำอะไร บอกฉันมาซิธนู !” พล.ต.ต.เกรียงไกรวกกลับมาที่คำถามเดิม สีหน้าเคร่งเครียด จนน่ากลัวว่าเส้นเลือดปูดโปนในสมองจะระเบิดออก“ล้างรูปไงครับ อัดจากวีดีโอที่ถ่ายมาได้ เลยต้องมีกรรมวิธีหลายขั้นตอนหน่อย” ธนูตอบ พร้อมกับดึงรูปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตออกมา เหมือนเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ทันทีที่ท่านนายพลหันมามองรูปทั้ง 5 ใบที่ลูกชายคลี่เป็นรูปพัดอวด“นี่รูปคนพวกนั้นงั้นเหรอ หมายความว่าเมื่อคืนแกไปที่บ้าน ส.ส.บดินทร์ ตอนพวกนั้นบุกปล้นบ้านใช่ไหม แล้วทำไมแกไม่โทรแจ้งตำรวจ !”เสียงของท่านนายพลในยามนี้ ช่างทะลุทะลวงไปถึงหูชั้นในดีแท้“ถ้าไม่เตรียมการไว้ก่อน ตำรวจจับไม่ได้ไล่ไม่ทันคนนพวกนั้นหรอกครับ” ชายหนุ่มเก็บรูปใส่กระเป๋าเสื้อ ก่อนที่พ่อของเขาจะคว้าไว้ได้ทัน“แกหมายความว่ายังไง จะบอกว่าตำรวจอย่างพวกฉันไม่มีน้ำยางั้นเหรอ !” พล.ต.ต.เกรียงไกรตบโต๊ะด้วยความเดือดดาล ข้าวของทั้งหลายต่างพากันสะดุ้งสะเทือน บ้างล้มระเนระนาด แต่นั่นเป็นคนละอารมณ์กับชายหนุ่มหนึ่งเดียวที่ยืนอยู่ในห้อง“ผมไม่ได้ว่าพ่อแล้วก็ลูกน้อง แต่วิธีเถรตรงของพ่อมันไม่ทันวิธีโคตรโกงของคนพวกนั้นหรอก รวบรวมข้อมูลให้ได้มากกว่านี้ แล้วค่อยวางแผนจับกุมมันก็ยังไม่สายนี่ครับ เอาให้มันคาหนังคาเขาไปเลย” ธนูชี้แจงเหตุผล“แกไม่ใช่ตำรวจอย่างฉัน แกไม่เข้าใจหรอก เสียงของคนที่เดือดร้อนเพราะเจ้าพวกนั้นที่มันดังอยู่ในหัวพวกฉันน่ะ การที่จับกุมคนผิดมาดำเนินคดีไม่ได้ ยิ่งนานเสียงพวกนั้นก็ยิ่งดัง ต่อไปกฎหมายก็จะถูกฉีก คนทำตามอำเภอใจเต็มประเทศ แล้วอ้างว่าทำเพื่อส่วนรวม... หึ ! ถ้าแกคิดว่าแกแน่นัก ก็ไปหาข้อมูลมา ฉันให้เวลาแก 1 อาทิตย์ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า” ท่านนายพลลุกขึ้นชี้หน้าลูกชาย ท่าทางโกรธจัด แล้วเดินออกไปจากห้อง สวนกับภูผาที่กำลังจะเดินเข้ามา“ฝากผู้กองส่งแขกด้วยแล้วกัน ต่อจากนี้ไม่ต้องให้ใครโทรตาม คดีนี้จะเป็นคดีสุดท้าย ถ้าเหลวก็ไม่จำเป็นต้องอนุญาตให้เข้ามาที่นี่อีก” สั่งเสียงเข้ม หน้าเครียด แล้วเดินเร็วออกไปทันที ทำเอาภูผายืนอ้าปากค้าง เพราะไม่ทันตั้งตัว“คุณธนู เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย ! ?” เขาหันไปถามธนู ซึ่งกำลังยืนใช้คอมพิวเตอร์ของผู้เป็นพ่ออยู่ภายในห้องอย่างถือวิสาสะ“อย่าเรียกผมคุณเลยครับ ผมเด็กกว่าตั้ง 5 ปี แถมผู้กองยังระดับหัวหน้า มีลูกน้องตั้งมากมาย อนาคตไกลอย่างที่ผมเทียบไม่ติด แค่ 1 ปี 1 ขั้นนี่ก็ไม่เห็นฝุ่นแล้ว ผมซูฮกจริงๆ” ธนูตอบนอกเรื่องไปไกล ใบหน้ายังคงเปื้อนยิ้มเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับประกาศิตของพ่อ“อย่าพูดแบบนั้นเลย คุณ... เอ่อ... น้องธนูเองก็มีความสามารถอย่างที่ทุกคนในกองปราบยอมรับ” ภูผาพยายามคิดหาคำปลอบใจ เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงรู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยกับคำพูดของผู้เป็นพ่อ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น“ยกเว้นพ่อไว้คนนึงนะครับ” ชายหนุ่มรุ่นน้องอมยิ้ม ทั้งที่ดูจะเป็นความรู้สึกที่ขัดแย้งกับประโยคที่พูด“ท่านเป็นห่วงน้องธนูมากนะ คดีไหนที่ต้องให้น้องธนูช่วยเป็นสายสืบ แทบนั่งไม่ติดเลย หน้าเครียดตลอด ยิ่งน้องธนูไปช่วยจัดการพวกคนร้ายก่อน ท่านก็ยิ่งร้อนใจตามหน่วยปฏิบัติการไปด้วย อย่างวันนั้น” ภูผาแอบแง้มความจริงเบื้องหลังท่าทีดุดันของผู้บังคับบัญชา“ผมก็แค่ไปทดลองลูกระเบิดแก็สหัวเราะ ยาชา ยานอนหลับ สารพัดแก็สที่คิดได้ก็เท่านั้น ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ผมไม่ได้คิดอะไรมาก” ธนูยิ้มขอบคุณภูผา อันที่จริงเขาเองก็ใช่จะไม่รู้ถึงความเป็นห่วงของพ่อ หากแต่มันคือวิถีทางที่เขาเลือก เพื่อที่จะแบ่งเบาภาระที่พ่อต้องแบกไว้ต่างหาก เขาถึงต้องก้าวต่อไปให้ได้บนเส้นทางสายนี้“แล้วเรื่องเมื่อกี๊...” ผู้กองหนุ่มยังอดเป็นกังวลไม่ได้“พ่อไม่ได้ห้ามผมเข้าบ้านนี่ครับ ไม่เห็นมีอะไรน่าซีเรียส ไม่ต้องมาที่นี่ ผมก็รับงานทางเมล์ได้ ถ้าผู้กองอยากให้ผมช่วยล่ะก็ สำหรับผู้กองผมไม่คิดเงินหรอก มันเป็นงานที่ผมรัก แล้วก็ไม่มีทางปล่อยให้พลาด”รอยยิ้มกับคำพูดแสดงความมั่นใจของธนู ทำให้ภูผาสบายใจขึ้น“อย่างนั้นก็ได้ แล้วนี่หาข้อมูลเพิ่มอยู่หรือ ทำไมไม่นั่งเก้าอี้ล่ะ ?” ผู้กองหนุ่มรุ่นพี่เอ่ยถาม“อู๊ยยย ! หามิได้ครับ ผมมิบังอาจนั่งทับที่ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้มีศักดิ์และสิทธิ์เต็มอำนาจในที่แห่งนี้” จอมกะล่อนปั้นหน้าหวาดกลัวเต็มที่“ขนาดนั้นเลยเหรอ” ภูผาอดขบขันในความทะเล้นของธนูไม่ได้ “แล้วได้อะไรเพิ่มเติมบ้างไหม ?”“ก็... พอสมควรครับ รวมกับของเก่าแล้วก็น่าสนุกดี” ธนูมองข้อมูลของแก๊งเป้าหมายบนจอคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในแฟ้มข้อมูลของบิดา แล้วยิ้มแบบมีเลศนัย โดยที่ภูผาไม่ทันสังเกตเห็นเมื่อเงามืดแห่งราตรีมาเยือน เหล่าผู้มีชนักติดหลังทั้งหลาย ต่างหวาดกลัวต่อกลุ่มคนผู้เปรียบเสมือนยมทูตซึ่งจะลากคอพวกเขาลงสู่สถานที่คุมขัง วันนี้ผู้ใดกันที่ดวงชะตาขาด...“จะขัดขืนผมก็ไม่ว่าหรอก ให้เลือกด้วยว่าจะเอาสเปรย์พริกไทย เครื่องช็อตไฟฟ้า หรือลูกกระสุน... แบบไหนดีล่ะครับท่าน ส.ส. ? หรือให้ผมเลือกให้ดี ?” ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าแก๊งยิ้มเหี้ยม เสนอทางเลือกให้ ส.ส.อำนวยผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังงามที่พวกเขาถือวิสาสะเข้ามาเหยียบ“กะ... กะ... ก็ได้ ! ! แกอยากได้อะไรก็เอาไปเลย ยะ... อย่าทำอะไรฉันนะ ละ... แล้วก็อย่าเอารูปที่ฉันอยู่ที่นี่ไปออกทีวีหรือหนังสือพิมพ์ด้วย ฉะ... ฉันขอร้องล่ะ” ส.ส.อำนวยวิงวอนตะกุกตะกัก มือข้างหนึ่งยังคงกอดภรรยาน้อยสาวสวยที่ซุกตัวสั่นเทาเข้ามาหาด้วยความกลัว“คงจะไม่ได้หรอกนะครับ เพราะมันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกผม เวลาทำทำไมไม่หัดคิดซะก่อนล่ะครับ ผิดทั้งต่อครอบครัวตัวเอง แล้วก็ต่อประชาชนและประเทศชาติแบบนี้ ยิ่งน่าประกาศให้โลกรู้เข้าไปใหญ่ ฮะๆ ๆ” เขาหัวเราะสะใจ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นที่หน้าต่าง“ว้า ! ตาปิดหมดเลย หมดหล่อกันพอดี”เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ดังขึ้นบริเวณหน้าต่าง เรียกให้ทุกคนหันขวับไปมองเจ้าของเสียงในชุดสูทขาวที่นั่งอยู่บนกิ่งมะม่วงข้างตัวตึก ต่างมองเห็นกันและกันได้อย่างชัดเจน ทั้งจากแสงโคมไฟภายในห้อง รวมไปถึงกระจกหน้าต่างแบบบานเลื่อนที่เปิดกว้างอยู่“แกเป็นใคร ! ?”เสียงร้องถามดังประสานมาจากเหล่าสมาชิกแก๊ง แต่ก่อนจะได้รับคำตอบ แสงแฟลชก็สว่างวาบขึ้นอีกหลายครั้ง เป้าหมายคือการซูมเก็บภาพใบหน้าที่มีหมวกไอ้โม่งคลุมอยู่ของคนทั้ง 5 รวมทั้งภาพหมู่อีก 1 ภาพ เพื่อใช้ประมาณการส่วนสูงและเปรียบเทียบลักษณะทางกายภาพ“เผอิญมาจากสำนักข่าวไอซียู จะเก็บภาพคนดังไปลงข่าวสักหน่อย” ธนูตอบ พลางเก็บกล้องใส่ไว้ข้างในเสื้อ“สำนักข่าวบ้าบออะไรของแก ส่งกล้องนั่นมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะยิงให้พรุนเลย !” หัวหน้าแก๊งองค์กรลับใต้ดินชักปืนจากเอวเล็งไปที่ธนู แต่ทว่าเขาไม่ได้อยู่บนกิ่งไม้เสียแล้ว“โทษทีนะ พอดีใส่เสื้อกันกระสุน ฉันเลยอาจจะไม่ตายสมใจนาย แต่ถ้าสูทสั่งตัดชุดนี้เป็นรูแม้แต่รูเดียว ฉันจะฟ้องนายยกตระกูลเลย” ธนูซึ่งโหนกิ่งไม้อยู่ด้วยมือข้างหนึ่งขู่ยิ้มๆ เป็นรอยยิ้มเยือกเย็นที่ทำให้กลุ่มคนตรงหน้าถึงกับชะงัก ก่อนที่เขาจะเหวี่ยงตัวไปอยู่บนกำแพงรั้วอิฐสีขาวความสูง 2 เมตรและกระโดดลงไปยังพื้นถนนด้านล่าง หายไปกับความมืดเช่นเดียวกับที่คนทั้ง 5 เคยทำ“ช่างมัน ! แยกย้ายกันทำหน้าที่ต่อ” ชายหนุ่มหัวหน้าแก๊งร้องสั่งฉุนๆ ทั้งที่ในใจนึกประหวั่นกับความหมายของรอยยิ้มเย็นเมื่อครู่ ไม่แพ้ลูกน้องทั้ง 4 คน ! !
ดีสุด
16d
0สนุกดี ากครับ
13/08
0สนุกมากค่ะปกติเป็นคนขี้เบื่อแต่เจอเรื่องนี้ไปอยากอ่านเรื่อยๆเลยค่ะ
08/08
0Ver Todos