สาวเจ้าหยุดแลกจูบ หันมองตามเสียงตวาดเข้ม ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ รีบผลักไสหนุ่มอีกคนให้ออกห่าง “คมคุณมาทำอะไรที่นี่คะ” หล่อนถามเขาปากคอสั่นชายหนุ่มที่แลกจูบกับกานต์สินี หันหน้ามามองเขาแล้วยกนิ้วโป้งขึ้นก่อนเลียริมฝีปาก เพื่อบ่งบอกว่าแฟนของเขามันสุดยอด ชายแปลกหน้าหัวเราะแล้วเดินผิวปากจากไป ปล่อยให้คมฉณัฐยืนขบกรามแน่นเพื่อระงับอารมณ์เดือด“ทำไมคุณทำแบบนี้กานต์ ผมไม่อยากจะเชื่อ!” เขาตัดพ้อ“คมฟังกานต์ก่อน!” กานต์สินีรีบหาข้อแก้ตัว“คงไม่ต้องฟังอะไรอีกแล้วมั้ง แค่นี้ก็เกินพอแล้ว!” เขาเดินหนีออกมา กานต์สินีพยายามวิ่งตามเป็นจังหวะเดียวกับที่ทุกคนในร้านอาหารเดินออกมา พิภัทรหยุดมองหญิงสาวกำลังวิ่งตามบุตรชาย หล่อนมายืนดักด้านหน้าเพื่อกั้นไม่ให้แฟนหนุ่มเมิน “คมฟังกานต์ก่อนนะคะ” กานต์สินีสะอื้น“ถอยไป” ชายหนุ่มบอกเสียงแข็ง“กานต์รักคมนะคะ กานต์ผิดไปแล้ว คมให้อภัยกานต์นะคะ” หล่อนพยายามอ้อนวอน“ผมอาจให้อภัยคุณได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมให้อภัยไม่ได้!” เขาตวาดจนคนฟังสะดุ้ง คมฉณัฐเดินหนีออกมา เห็นบิดาและครอบครัวของน้องมิมองอยู่ร่างอรชรทรุดกองกับพื้น หล่อนรักเขา แต่หล่อนก็ต้องการเรื่องอื่นไม่ใช่ความรักเพียงอย่างเดียว คมฉณัฐไม่เคยแตะต้องหล่อนเลย เฝ้าพร่ำบอกรอให้พร้อมเสียก่อนเท่านั้น หล่อนทนไม่ไหวเลยหาทางปลดปล่อยตัวเองแล้วมันผิดตรงไหนกัน เขาต่างหากที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ทั้งที่หล่อนพยายามทุกทางเพื่อให้เขาตอบรับความต้องการ“มีเรื่องอะไรกันคม” พิภัทรถามบุตรชาย“ไม่มีอะไรหรอกครับพ่อ” เขาเหลือบมองแฟนบุตรชายเห็นกำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น ถ้าเดาไม่ผิดคมคงรู้ความจริงแล้ว“พ่อเตือนแกแล้ว แต่แกไม่เชื่อ แล้วเป็นยังไงเจอกับตัวเองแบบนี้คงเชื่อแล้วสินะ แล้วแกจะทำยังไงกับคนที่แกเข้าใจผิด” น่าแปลก... ทำไมเขาถึงได้ไม่รู้สึกโกรธกานต์สินีมาก กลับรู้สึกผิดกับมิลันดามากกว่าที่เข้าใจหล่อนผิดไป “พ่อครับแค่นี้ผมก็รู้สึกแย่พอแล้วนะครับ” “ความรู้สึกนี่จะติดตัวแกจนกว่าหนูมิจะกลับมานั่นล่ะเจ้าคม”“แล้วน้องมิจะกลับมาเมื่อไหร่เหรอครับ” เขาหันไปถามดาวเรือง“อีกนานจ้ะ มิคงกลับมาหลังจากรับปริญญาแล้ว”กว่ามิลันดาจะกลับมาเมืองไทยไม่รู้อีกนานเท่าไหร่ เขาเองอยากจะขอโทษหล่อนในหลายๆ เรื่อง และอยากจะบอกความรู้สึแท้จริงที่มีออกไป คงทำอะไรไม่ได้ไปมากกว่าการเฝ้ารอสินะมิลันดามิลันดานั่งถอนใจเฮือกใหญ่ พยายามตั้งใจเรียนอย่างหนัก เพื่อไม่ให้หัวสมองคิดถึงเรื่องความรัก ให้ตัวเองต้องเจ็บปวดอีก แม้แรกมาเยือนหล่อนจะรู้สึกเหงา แต่ก็สู้กัดฟันทนเพราะไม่อยากเห็นหน้าเขา แต่โชคดีที่บิดาและมารดามักเดินทางมาเยี่ยมเสมอ และคอยบ่นตลอดให้กลับไปที่เมืองไทยเสียที ใจก็อยากกลับ แต่พอถึงเวลาก็ไม่กล้า หล่อนยังไม่สามารถเผชิญหน้ากับเขาได้ แปลกใจตัวเองเหมือนกันทั้งๆ ที่มันก็ผ่านมานานมากแล้ว แม้จะมีชายอื่นมาตามจีบหล่อนมากมาย แต่หล่อนก็ยังคงรักปักใจกับเขาเหมือนเดิม นี่นะหรือ? ที่เขาบอกว่าความรักของมิลันดาเป็นเรื่องไม่จริงเขามองเป็นเรื่องตลก คำพูดของเขายังดังก้องในโสตประสาทจนถึงวันนี้ หล่อนไม่เคยลืมคำพูดนั้นได้เลย“ถึงมิจะรักพี่ แต่พี่ก็ไม่มีวันรักเด็กอย่างมิหรอกนะ” หญิงสาวนึกถึงคำพูดวันนั้นถึงกับน้ำตาซึมรมย์รวัตรเหลือบเห็นเพื่อนสาวน้ำตาคลอ เขารู้ดีว่าเพื่อนเป็นอะไร เพราะตั้งแต่คบกันมาเขาเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อยู่หลายครั้ง เขาพบกับมิลันดาตั้งแต่ตอนอายุสิบสี่เด็กสาวที่หน้าตาหม่นเศร้าเอาแต่ตั้งใจเรียนหนังสือไม่ยอมสุงสิงกับใคร ไม่ยอมพูดกับผู้ชายคนไหนเขาเป็นคนแรกที่หล่อนยอมพูดคุยด้วย เวลาผ่านไปเกือบสิบปีแล้วที่เขากับหล่อนคบเป็นเพื่อนกันมา ถึงแม้ว่าจะมีความรู้สึกเกินเพื่อน แต่รู้ดีว่าเพื่อนสาวมีผู้ชายที่ฝังใจมายาวนานไม่เคยลืม“มิเราซื้อน้ำมาให้” รมย์รวัตรยืนน้ำอัดลมให้หญิงสาว“ขอบใจนะ” มิลันดารับก่อนจะกล่าวขอบคุณ“เป็นยังไงบ้าง งานวิจัยที่ทำกับรุ่นพี่ไปถึงไหนแล้ว?” รมย์รวัตรสอบถามมิลันดาเหลือบมอง หล่อนรู้ดีมาตลอดว่าเขาคิดเช่นไร แม้พยายามสักเท่าไหร่ ก็ไม่สามารถรักเขาได้ทั้งๆ ที่อยากจะทำใจให้รักเพื่อนแสนดีคนนี้ เพื่อลืมผู้ชายใจร้ายเสียทีที่หล่อนยอมเปิดใจคบกับรมย์รวัตร เพราะเขาเป็นคนไทยเช่นเดียวกับหล่อน ประเทศอังกฤษทำให้รู้สึกกลัวในช่วงแรกที่มาเรียน แต่เพราะมีเขาหล่อนถึงได้รู้สึกอุ่นใจ รมย์รวัตรเสมอต้นเสมอปลายไม่เคยเปลี่ยน“ใกล้เสร็จแล้วล่ะวัตร”“มิ... ถามอะไรหน่อยได้ไหม”“อะไรเหรอ”“มิคิดจะกลับเมืองไทยบ้างไหม”หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ พลางคิดอย่างชั่งใจใช้ว่าไม่อยากกลับแต่เพราะหล่อนไม่กล้าพอต่างหาก“คิด... แต่เราไม่รู้ว่าจะกลับไปทำไม”หล่อนตอบเสียงเบา“ไม่คิดถึงพ่อแม่เหรอ เราเห็นพ่อแม่มิเป็นห่วงมิมากนะ มิจากเมืองไทยมานานไม่เคยกลับไปที่นั้นเลยไม่ใช่เหรอ”มิลันดาหยุดคิดกับคำพูดของรมย์รวัตร ใช่เกือบสิบปีแล้วสินะที่หล่อนจากเมืองไทยมา แม้วันใดที่คิดจะกลับไปใจมันดันเต้นแปลกๆ ชอบกล ทำใจไม่ได้สักครั้งที่จะกลับไปเพราะกลัวที่จะเห็นเขาอีกครั้ง“เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เราก็อยากกลับเมืองไทยเหมือนกัน” หล่อนตอบเพื่อนตามตรง“มิ... มันถึงเวลาที่มิต้องเข้มแข็งแล้วนะ มิจะใช่ชีวิตแบบนี้ไม่ได้อย่าให้ชีวิตเรายึดติดกับคนๆ เดียวเลยนะ มิเป็นผู้หญิงที่สวยมีความสามารถ ทั้งฉลาด เก่งไปเสียทุกเรื่อง อย่าให้เขามามีอิทธิพลกับมิเลย กลับไปเผชิญหน้ากับเขา แม้มันจะเจ็บก็ดีกว่ามิจะหนีความจริงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ” รมย์รวัตรพยายามเตือนสติสิ่งที่กังวลคือการเผชิญหน้า เท่าที่รู้มาพี่คมยังพักอยู่ใกล้บ้านหล่อนเหมือนเคย แต่รมย์รวัตรเองพูดมีเหตุผล ทำไมหล่อนจะต้องให้เขามามีอิทธิพลกับชีวิตของหล่อนขนาดนี้ “ขอบใจมากนะวัตร ไว้เราเรียนจบก่อนแล้วกันแล้วขอคิดอีกทีว่าจะเอายังไง” หล่อนขอคิดเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจอีกครั้งดีกว่า กว่าจะถึงเวลานั้นขอสร้างกำลังใจให้ตัวเองเสียก่อน“อืม ดีแล้วมิ ลองคิดดู เราเองก็อยากกลับเมืองไทยแล้วเหมือนกัน”
อ่านเพลิน ชอบๆ
6d
0ดีดี
10d
0ชอบมากค่ะ อ่านแล้วยิ้มไปด้วยตลอด เสียดายอยากให้ หมอปิ่นมีลูกก่อน
26/08
0Ver Todos