‘เราชอบแกว่ะ’เสียงหนึ่งดังแว่วในหัวผม ขณะนี้ผมนั่งอยู่บนรถประจำทาง ผมมองไปรอบๆและพบว่าไม่ใครเลยนอกจากผมกับพนักงานขับรถ นั่นทำให้ผมได้สติว่าเสียงนั้นคงเป็นเสียงในความทรงจำของผมเองคงแปลกใจสินะว่าทำไมผมถึงนั่งอยู่บนรถประจำทาง ผมจะไปที่ไหน ? แน่นอนวันนี้เป็นวันที่เราจะกลับมาเจอกัน ดังนั้นจุดหมายปลายทางของผมคงไม่พ้นที่โรงเรียนมัธยม เธอโทรมาบอกผมเมื่อเช้าว่าจะเข้ามาเล่นที่โรงเรียนช่วงบ่าย ๆ ถ้าผมสะดวกเธอขอร้องให้มาเป็นเพื่อนกันหน่อยแหงล่ะสิ ! ผมโคตรจะว่างเลย และที่สำคัญผมอยากเจอเธอด้วยกริ๊งผมกดกริ่งรถเพื่อจะลงป้ายที่จะถึง เมื่อรถจอดสนิทผมก้าวเท้าลงอย่างหนักแน่น ไม่รู้ผมตื่นเต้นมากไปรึเปล่า มือผมมันสั่น ๆ ยังไงไม่รู้ ผมสูดลมหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอดและเดินเข้าไปในโรงเรียนอย่างคุ้นเคย เดินตรงไปยังสถานที่นัดพบซึ่งก็คือ ห้องสมุด ทำไมต้องเป็นที่นี่ ก็คงตอบได้ว่าเพราะสมัยก่อนที่นั้นเป็นที่ประจำของเราเลยแหละแฮ่ !อยู่ ๆ ก็มีคนกระโดดตัดหน้าผมพร้อมกับแลบลิ้นร้องแฮ่ จนผมต้องก้าวถอยหลังด้วยความตกใจ เสียงหัวเราะใส ๆ ของหญิงสาวตรงหน้าดังลั่นทันทีที่ผมได้สติ เล่นบ้าอะไรเนี่ย ผมคิดในใจ แต่ก็ยิ้มให้เธอซึ่งแม่คุณคนนี้อารมณ์ดีแบบนี้ตลอด และยังขี้แกล้งเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนจากไปจากสมัยก่อนเลยสักนิด “ตกใจขนาดนั้นเลย” เธอถามด้วยเสียงร่าเริงปนหัวเราะ“เออดิ ขวัญเสียเลย ต้องเลี้ยงข้าวปลอบขวัญล่ะแบบนี้”“โธ่ ไอ้คนเห็นแก่กิน หยอกแค่นี้ทำขวัญสงขวัญเสีย” เธอว่าพร้อมทำแก้มป่อง หน้าเนียนใสอมชมพูทำให้ท่าทางนั่นน่ารักเป็นพิเศษ เมื่อก่อนผมว่าเธอน่ารักอยู่แล้วนะ แต่ยิ่งตอนนี้เธอทำให้ผมยิ่งเขิน เวลาที่เธอยิ้มหรือหัวเราะได้ คงไม่ต้องอธิบายว่าเธอน่ารักขนาดไหนสำหรับผม“รวยก็เลี้ยง อย่ามางก”นี่ผมเหมือนกวนประสาทกับเธอรึเปล่านะ ตอนนี้ผมใจเต้นจนไม่รู้ว่าจะต้องพูดหรือทำอะไรแล้วนะ บ้าเอ้ย นี่ผมเป็นอะไรกันแน่“อ่ะ ๆ ไว้หลังจากแวะหาอาจารย์แล้วค่อยไปกิน เราเลี้ยงเอง ถือว่าค่าจ้างมาเป็นเพื่อน” ผมหัวเราะพร้อมกับพยักหน้ารับ และเดินตามหลังเธอไปหลังจากนั้นพวกเราก็แวะเยี่ยมบรรดาอาจารย์จนครบทุกหมวด อาจารย์ทุกท่านดูดีใจที่ลูกศิษย์มาเยี่ยมเยียน พวกผมเองก็รู้สึกดีที่นานๆครั้งจะได้แวะเข้ามากราบไหว้อาจารย์ที่สอนสั่งเรามา เราอยู่นานกันพอสมควร ซึ่งตอนนี้ก็ใกล้จะเป็นเวลาเลิกเรียน ผมคิดว่าคงได้เวลาที่ต้องกลับกันแล้ว บรรยากาศภายในโรงเรียนก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลย ทำให้ผมคิดถึงช่วงเวลานั้นนิดหน่อย“คิดถึงเมื่อก่อนเนอะ” คนที่เดินนำผมพูดขึ้นมา ความรู้สึกเธอคงไม่ต่างกับผมนักเหรอก เป็นธรรมดาที่เราจะคิดถึงสถานที่ที่ซึ่งเราเคยอยู่“อืม ก็คิดถึงแหละ คงเป็นเพราะความผูกพันด้วย”“แกคิดถึงอะไรที่สุด” เธอเอ่ยถาม ผมไม่แน่ใจนักว่าความหมายของคำถามนั่นต้องการจะสื่ออะไร ผมพยายามนึกหาคำตอบที่คิดว่าดีที่สุดสำหรับคำถามนั่นแต่แล้วก็หาไม่เจอ หรือจริง ๆ ผมรู้แต่ไม่กล้าพูดออกไปมากกว่า'คิดถึงเธอ'“ไม่รู้ดิ”เธอทำหน้าผิดหวังกับคำตอบของผม ถ้าเป็นผม ผมก็คงผิดหวังนะ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเธอคาดหวังคำตอบแบบไหนไว้เช่นกัน“สำหรับเรา เราคิดถึงแกที่สุดอ่ะ” เธอพูดยิ้ม ๆ และเดินนำต่อไป ผมมองตามแผ่นหลังของเธอ ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำ วินาทีนั่นผมอยากตอบเธอไปเหลือเกินว่า ผมก็คิดถึงเธอที่สุด แต่ผมก็ลังเลเกินไปว่า ความคิดถึงของเราอาจจะคนละความหมาย “จะไปกินข้าวป่ะเนี่ย ยืนทำอะไรอยู่ รีบ ๆ มาขึ้นรถ”เธอเรียกผมขณะที่เธอกำลังสวมหมวกกันน็อค และรอให้ผมไปซ้อนท้ายมอไซต์คันเก่งของเธอ ผมรีบเดินไปหาเธอ คว้าหมวกกันน็อคอีกใบมาใส่จากนั้นก็กระโดดขึ้นซ้อนท้ายทันที นี่ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่อะไรสำหรับผมเหรอกนะ เพราะเมื่อก่อนผมก็ซ้อนท้ายรถของเธอเป็นประจำ ผมมักติดสอยคล้อยตามเธอกลับบ้านอยู่เสมอ ดูเธอเป็นผู้หญิงที่โคตรจะแกร่งและผมดูอ่อนแอมากเลยที่ไม่ขี่รถให้ผู้หญิงซ้อน แต่ผมชอบแบบนี้มากกว่า ตรงที่ผมได้กลิ่นของเธอลอยมาตามแรงลมกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอ@ร้านหมูกระทะ“ไหนบอกจะกินข้าว นี่มันหมูกระทะ” ผมถามคนตรงหน้าทันทีที่เธอจอดรถที่หน้าร้านหมูกระทะ ผมไม่ได้เกี่ยงที่จะกินที่นี่เพียงแต่กวนประสาทเธอเล่น ๆ เท่านั้น“เออน่า อาหารเหมือนกันกินได้” เธอตอบกวน ๆ ตรงไปเลือกที่นั่งตรงมุมสุดของร้าน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้มานั่งร้านอาหารแบบนี้ด้วยกันแค่สองคน โดยปกติแล้วจะไปเป็นกลุ่มเสียมากกว่า “แกจะกินอะไรก็ไปตักก่อนเลยนะเดี๋ยวเรานั่งรอ”“ได้ ๆ แกเอาน้ำอะไรเดี๋ยวกดมาให้” ผมถามเธอเนื่องจากที่นี้ต้องบริการน้ำดื่มและอาหารเอง มันเป็นร้านบุฟเฟ่ต์“งั้นเอาน้ำแดงละกัน”ระหว่างที่ผมเดินไปกดน้ำและตักอาหาร ผมก็ลอบสังเกตเธออยู่เป็นครั้งคราว เธอหยิบกล้องดิจิตอลของเธอขึ้นมาถ่ายเล่นไปพลาง ๆ ตอนนั้นเองที่มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาคุยกับเธอ ท่าทางของเจ้าตัวยังพูดคุยตอบกลับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ร่าเริงสดใส แต่คุยไปได้สักพักท่าทางนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด เธอหุบยิ้มและก้มหน้าลง เขายังคงพูดอะไรสักอย่างต่ออยู่ เธอจึงเงยหน้ามองเขาพูดบางอย่างไปและยิ้มให้ผู้ชายตรงหน้าบางๆ ก่อนจะโบกมือลากัน ผมเดินกลับเข้าไปนั่ง คนตรงข้ามยังคงก้มหน้าก้มตาเล่นกล้องในมืออยู่ ผมจึงยื่นแก้วน้ำให้เธอ ทันทีที่เธอเห็นมันดูเจ้าตัวจะตกใจอยู่สักหน่อยที่ผมกลับมาแล้ว เธอมองหน้าผมนิ่งแล้วรับแก้วน้ำไปจากมือของผม เธอยังคงยิ้มให้ผมผิดกับสีหน้าที่เธอแสดงออกกับผู้ชายคนนั้นลิบลับ"เมื่อกี้ใครเหรอ คนที่เข้ามาคุย ใช่เพื่อนเราไหม พอดีเราเห็นแค่ข้างหลัง" ผมถามขึ้น "อ๋อ ก็เต๋อไง มันมากินที่นี่เหมือนกัน ตอนมันจะกลับมันเห็นเราเลยเข้ามาทักน่ะ" สิ้นเสียงนั้นเหมือนเธอจะพูดอะไรสักอย่างต่อ แต่สุดท้ายเธอก็ยื่นกล้องมาให้ผมพร้อมกับลุกขึ้นจากโต๊ะ "จะเอาอะไรอีกมั้ย เดี๋ยวเราจะตักเพิ่ม" ผมส่ายหน้าแทนคำตอบแล้วพลิก ๆ กลับ ๆ หมูย่างบนกระทะ พร้อมกับเลื่อนดูภาพในกล้องไปพลาง ช่วงที่รอหมูสุก ภาพที่เธอถ่ายก็ไม่มีอะไรมากเป็นพิเศษส่วนมากจะเป็นภาพสิ่งของ วิวรอบตัว เท่านั้น ถึงยังไงก็ตามผมมักจะติดอยู่ในเฟรมเสมอ ราวกับจงใจแอบถ่ายผม ถ้าบอกว่าดีใจคงจะออกนอกหน้าเกินไป ยิ่งมีบางภาพที่มีผมอยู่ในเฟรมทั้งเฟรม ยิ่งรู้สึกว่าการหุบยิ้มทำไมเป็นเรื่องยากเย็นขนาดนี้นะ...พวกเรารู้สึกดีกับการร่วมกินอาหารมื้อนี้ด้วยกันเป็นอย่างมาก เราพูดคุยกันหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นชีวิตมหา’ลัย การปรับตัว เพื่อนใหม่ และการเดินทางไปเที่ยว พวกเราหัวเราะกับเรื่องราวที่เราแลกเปลี่ยนกัน นั้นเลยทำให้บรรยากาศระหว่างเราเต็มไปด้วยความสดใสอีกครั้ง“เออหลังจากนี้ไปถ่ายรูปที่สวนเป็นเพื่อนกันหน่อยนะ”“ก็ได้อยู่เหรอก ยังไงแกก็ต้องเป็นคนไปส่งเราที่บ้านนะ ฮ่า ๆ” ผมตอบพร้อมกับหัวเราะ สวนที่เธอว่าคือสวนสาธารณะใกล้ ๆ ทางกลับบ้านพวกเรา แต่นี่มันมืดแล้วผมสงสัยว่าเธอจะไปถ่ายอะไร“แกจะไปถ่ายอะไร มันมืดแล้วนะ”“ช่วงนี้มันช่วงเทศกาล แสงไฟเยอะแยะ จริง ๆ แค่อยากไปถ่ายเล่นเฉย ๆ ไปเถอะน่า” “อ่าฮะ ยังไงก็ได้”ความจริงแล้วผมก็ยังอยากใช้เวลาร่วมกับเธอต่ออีกสักหน่อย จึงไม่คิดปฏิเสธอยู่แล้ว อีกทั้งความสงสัยกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปตอนคุยกับเต๋อยังคงกวนใจผมอยู่ไม่น้อย ถึงอยากจะรู้แต่ผมไม่ใช่คนขี้เสือกที่จะกล้าถามคำถามพวกนี้ออกไปโต้ง ๆ ซะด้วยนะ ยังไงก็แล้วแต่... ผมยังมีอีกอย่างที่อยากจะถามกับ 'ไมล์' ผู้หญิงที่มาด้วยในวันนี้ คำถามเดียวที่ค้างใจ 'ไมล์ แกยังชอบเราอยู่ไหมวะ'
ดีวดวมด
18h
0❤️🔥💞
1d
0ชอบมากๆ
2d
0Ver Todos