[[ คีตะ ]]หลังจากโดนพ่อกับแม่บ่นชุดใหญ่เรื่องปล่อยให้ต้นเตยกลับบ้านคนเดียวเสร็จ ผมก็รีบกลับขึ้นห้องด้วยความหงุดหงิด เพราะผมไม่ได้ปล่อยให้เธอกลับบ้านคนเดียวซะหน่อย แต่จะพูดอะไรได้ เมื่อในสายตาของพ่อกับแม่ ผมเป็นคนผิดเสมอแต่พอจะเดินผ่านหน้าห้องของต้นเตย ผมก็รู้สึกผิดขึ้นมาที่ก่อนหน้านี้พูดจาแรงไปหน่อยเธอกำลังทำอะไรอยู่นะ...ผมยังไม่ยอมกลับห้อง ซึ่งห้องของผมก็อยู่ติดกับห้องเธอนั่นแหละ เดินเลยไปไม่กี่ก้าวก็ถึง แต่ด้วยความอยากรู้เลยลองเอาหูแนบกับประตู เผื่อจะได้ยินความเคลื่อนไหวภายในห้องแต่แล้วอยู่ๆ ประตูห้องของเธอก็เปิดออก เราสบตากันเข้าอย่างจัง ก่อนที่เธอจะปิดประตูใส่หน้าผมเสียงดังปังเมื่อกี้ถ้าผมตาไม่ฝาด ตาของเธอแดงๆ เหมือนคนร้องไห้เลย หรือว่าเธอเสียใจที่ผมพูดกับเธอแบบนั้น"นี่! ยัยหมูขี้เซา เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ"ต้นเตยไม่ตอบโต้อย่างที่ควรจะเป็น นั่นยิ่งทำให้ผมร้อนใจ"ยัยเตี้ย ฉันบอกให้เปิดประตู"จะตะโกนเสียงดังกว่านี้ก็ไม่ได้ เพราะกลัวพ่อกับแม่ที่อยู่ชั้นล่างจะได้ยิน เดี๋ยวท่านจะคิดว่าเราทะเลาะกัน แล้วผมก็จะโดนบ่นจนหูชาอีกตามเคย"ไม่ยอมเปิดใช่ไหม ได้...ยัยเตี้ย"ผมรีบเข้าห้องตัวเอง โยนกระเป๋าทิ้งอย่างไม่สนใจว่ามันจะตกลงตรงไหน เพราะตอนนี้สิ่งที่ผมสนใจที่สุด คือคนที่อยู่ห้องข้างๆแต่เอ๊ะ! ทำไมต้องสนใจยัยนั่นด้วย สงสัยผมคงเป็นบ้าไปแล้วจริงๆแต่เมื่อกี้เธอเหมือนคนร้องไห้จริงๆ นะ แล้วผมก็เป็นคนไม่ชอบปล่อยให้อะไรค้างคาใจ เพราะงั้นไปดูเธอหน่อยดีกว่าแค่เพราะไม่อยากค้างคาใจหรอกนะ ไม่ใช่ว่าสนใจหรือเป็นห่วงยัยนั่นซะหน่อย"คีตะ...พ่อกับแม่จะออกไปซูเปอร์มาเกต ซื้อของมาทำอาหารเย็น ลูกจะเอาอะไรหรือเปล่า แล้วจะทำอะไรล่ะนั่น"ขณะที่ผมกำลังจะปีนระเบียงเพื่อข้ามไปยังห้องของต้นเตย แม่ก็เปิดประตูเข้ามา แต่ยังดีที่กระโดดลงมาได้ทันก่อน"ผมออกกำลังกายอยู่น่ะ แม่จะออกไปข้างนอกเหรอ ผมไม่เอาอะไรหรอก อ้อ! งั้นแม่ช่วยซื้อเค้กมาให้ผมหน่อยละกัน นึกอยากกินขึ้นมาพอดี"บอกไปแล้ว แม่จะสงสัยอะไรหรือเปล่านะ เพราะปกติผมไม่เคยแตะเค้กเลย มีแต่ต้นเตยที่ชอบกินเค้กเป็นชีวิตจิตใจ เค้กเป็นปอนด์สองปอนด์ก็สามารถกินได้จนเกลี้ยง นอกจากจะกินเก่งแล้ว ยังนอนเก่งอีกด้วย นั่นเลยทำให้ผมชอบเรียกเธอว่า 'ยัยหมูขี้เซา'"เค้กเหรอ? เรานี่นะอยากกินเค้ก สงสัยฝนจะตกฟ้าจะรั่วล่ะมั้งเนี่ย แต่ก็เอาเถอะ เดี๋ยวแม่ซื้อมาให้ อยู่บ้านดีๆ ล่ะ แล้วก็ห้ามไปกวนใจต้นเตยล่ะ""ครับๆๆ ไม่กวนครับ ผมจะอยู่แต่ในห้อง ไม่ออกไปไหนเลยครับ""ทำงั้นได้ก็ดี แม่ไปล่ะ"พอแม่กลับออกไปปุ๊บ ผมก็รีบวิ่งไปล็อกประตูห้องทันที ไปแอบมองตรงหน้าต่างจนเห็นรถแล่นออกไป จากนั้นก็เริ่มปีนระเบียงข้ามไปห้องต้นเตยทันที[[ ต้นเตย ]]นานแล้วที่ฉันทำใจเรื่องพ่อกับแม่ได้ แม้จะคิดถึงท่านทุกวันแต่ก็ไม่เคยคิดถึงจนร้องไห้แบบนี้ อาจจะเป็นเพราะใกล้ถึงช่วงวันนั้นของเดือน อารมณ์ก็เลยอ่อนไหวไปหน่อยหลังจากร้องไห้จนพอใจแล้วก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมา เลยลุกไปล้างหน้าล้างตาจะลงไปหาน้ำดื่มข้างล่าง แต่พอเปิดประตูออกไปก็เห็นคีตะทำท่าทางลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าห้องฉันเผลอสบตาเขาเข้าอย่างจัง แต่พอรู้สึกตัวก็รีบปิดประตูหนีทันทีหวังว่าเขาคงไม่ทันเห็นตาแดงๆ ของฉันหรอกนะ ไม่งั้นมีหวังถูกล้อไม่หยุดแน่ๆหลังจากยืนฟังอยู่หลังประตูอยู่นาน ข้างนอกก็เงียบไป คีตะคงกลับห้องตัวเองไปแล้วล่ะมั้ง ฉันเลยเดินกลับไปนอนคว่ำหน้าลงกับหมอน ไม่กงไม่กินมันแล้วล่ะน้ำ นอนดีกว่า...แต่แล้วฉันก็ได้ยินเสียงตะกุกตะกักอยู่ตรงระเบียง ด้วยความตกใจเลยดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วค่อยๆ ลุกไปดูเผื่อจะตัวเงินตัวทองปีนขึ้นมา เพราะเคยเห็นมันเพ่นพ่านอยู่แถวนี้บ่อยๆ จะได้เผ่นทัน แต่ทว่า..."กรี๊ด!"อยู่ๆ ก็เป็นคีตะที่โผล่เข้ามา ฉันตกใจนึกว่าโจรเลยร้องกรี๊ดออกมา"เฮ้ย! จะกรี๊ดทำไม!"เขาโผเข้ามาเอามือปิดปากฉันไว้ ด้วยความตกใจขาของฉันเลยถอยหลังอัตโนมัติ นั่นเลยทำให้สะดุดกับพรมที่ปูอยู่จนล้มหงายหลัง มือก็ดันไปคว้าเอาเสื้อของคีตะ ทำให้เขาล้มตามลงมาด้วย"โอ๊ย!"ฉันร้องลั่น ทั้งเจ็บ ทั้งจุก ทั้งหนัก"ยัยบ้าเอ๊ย! เธอจะดึงฉันทำไม ถ้าหน้าหล่อๆ ฉันมีรอยช้ำหรือรอยขีดข่วน จะทำยังไงฮะ"คีตะบ่นเป็นหมีกินผึ้งขณะที่นอนทับฉันอยู่ ในขณะที่ฉันกำลังจะตายเพราะหายใจไม่ออก"ลุ...ลุกออกไป ฉะ...ฉันหายใจไม่ออก"หมอนี่คิดจะฆ่ากันทางอ้อมใช่ไหม ถึงไม่ยอมลุกออกไปสักที แต่แล้วอยู่ๆ เขาก็ขยับตัวลุก ทำให้ฉันรีบสูดอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนที่จะขาดอากาศหายใจซะก่อน"ลุกแล้วก็ขยับออกไปสิ"คีตะดันตัวขึ้น แต่ไม่ยอมขยับออกไป เปลี่ยนเป็นคร่อมร่างฉันไว้แทน ซึ่งท่านี้มันค่อนข้างจะหมิ่นเหม่อยู่ไม่น้อย ถ้ามีใครมาเห็นคงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้แน่ๆ"เมื่อกี้เธอกรี๊ดทำไม"เขาถามพร้อมกับมองหน้าฉัน"ก็ฉันตกใจนี่ นึกว่าโจรก็เลย...กรี๊ดออกมา""โจร? เธอคิดว่าโจรจะโง่เหมือนเธอเหรอ ปล้นบ้านกลางวันแสกๆ นี่นะ"หมอนี่หลอกด่าฉันอีกแล้ว แต่ตอนนี้ฉันเจ็บไปทั้งตัว ไม่มีแรงและอารมณ์จะเถียงกลับหรอกนะ"คราวนี้ไม่เถียงแฮะ หรือว่าล้มเมื่อกี้หัวฟาดฟื้นจนสมองกลับแล้ว"ฉันไม่ได้สมองกลับโว้ย! "เจ็บมากหรือเปล่า"อยู่ๆ น้ำเสียงของเขาก็อ่อนลง ฉันเลยช้อนสายตาขึ้นแล้วก็ดันสบตาเข้ากับเขาวันนี้สบตากับหมอนี่กี่รอบแล้วเนี่ย ถ้าฉันเป็นปลากัดป่านนี้คงไข่เต็มท้องแล้วมั้งตึกตัก...ตึกตัก...โอ้! ทำไมหัวใจฉันถึงเต้นแรงขนาดนี้ หรือว่าฉันกำลังจะตาย แต่เอ๊ะ! คนจะตายหัวใจต้องเต้นช้าลงนี่นา แล้วฉันเป็นอะไรไป"หูดับไปแล้วรึไง ฉันถามว่าเจ็บมากหรือเปล่า"ลมหายใจร้อนๆ ของคีตะที่เป่ารดหน้าฉันอยู่ ทำให้ฉันเริ่มหายใจไม่สะดวก เลยได้แต่พยักหน้าเบาๆ แทนคำตอบแต่เอ๊ะ! ขณะที่ฉันหลุบตาลงก็เห็นสร้อยที่ห้อยคอเขาอยู่ มีจี้คล้ายๆ ล็อกเกต ทำไมฉันไม่เคยเห็นเขาใส่มาก่อนเลยนะ"สร้อยอะไรน่ะ ทำไมฉันไม่เคยเห็น"ฉันหลุดปากถามออกไป คีตะก้มมองสร้อยตัวเองแล้วรีบจับยัดใส่ไว้ในเสื้อ"ของสำคัญของฉัน ไม่ต้องมายุ่ง แล้วมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ ทำไมฉันถึงต้องให้เธอดูด้วย""ฉันก็ไม่ได้อยากดูสักหน่อย แค่เห็นว่ามันสวยดีเลยถาม"เฮอะ! คิดว่าฉันอยากรู้เรื่องของนายนักเหรอ"ลุกขึ้นมาได้แล้ว จะนอนให้รากงอกออกมาจากหลังหรือไง""ก็นายขวางทางอยู่ แล้วฉันจะลุกได้ยังไงล่ะ โอ๊ย!"พอลุกขึ้นนั่งเท่านั้นแหละ รู้สึกเหมือนทั้งร่างร้าวไปหมด โดยเฉพาะหัวที่ห่อหุ้มสมองอันชาญฉลาดของฉันเอาไว้ เอามือลูบๆ ดูก็เหมือนว่ามันปูดออกมา กะขนาดดูแล้วน่าจะสูสีกับมะนาวลูกย่อมๆ ได้เลยล่ะ"นี่นาย! นายเป็นต้นเหตุให้ฉันเจ็บตัวแบบนี้ ไม่คิดจะมีน้ำใจช่วยพยุงฉันขึ้นไปนั่งบนเตียงหน่อยเหรอ""คิดจะใช้ฉันหรือไง ฉันไม่ใช่เบ๊เธอนะ"เออ! ลุกเองก็ได้วุ้ย คิดว่าฉันจะง้อคนอย่างนายหรือไงในเมื่อเขาไม่ยอมช่วย ฉันจึงค่อยๆ คลานไปที่เตียง แต่สงสัยหมอนั่นเห็นสภาพฉันแล้วคงสมเพช เลยช่วยพยุงแขนฉันขึ้น แล้วพาไปนั่งที่เตียง"ลดน้ำหนักได้แล้วนะยัยเตี้ย เห็นตัวแค่นี้แต่หนักอย่างกับหมู"ถึงจะช่วยแต่ก็ไม่วายจะค่อนแคะกัน"แล้วฉันไปหนักบนหัวนายหรือไง"ฉันย้อนเข้าให้ หมอนั่นถึงกับอึ้งไปเลย"ฉันผิดเองแหละที่ช่วยเธอ ยัยหมูขี้เซา น่าจะปล่อยให้นอนขี้นอนเยี่ยวอยู่บนพื้นซะให้เข็ด แล้วจะลุกไปไหนล่ะนั่น ไม่ดูสังขารตัวเองเลย"คีตะเห็นฉันทำท่าจะลุกก็รีบถาม ขณะที่กำลังบ่นอยู่"ฉันจะลงไปหาน้ำแข็ง""เอามาทำไม""นายก็ดูหัวฉันสิ""ทำไม หัวเป็นอะไร บ้าเอ๊ย! รออยู่ตรงนี้ ฉันไปเอามาให้เอง"
ชอบอ่านมากครับเรื่องนี้สนุกมากเลย
21h
0ดีมากเลยค่า
1d
0สนุกมากค่ะ
3d
0Ver Todos