“นั่นเขาทำอะไรกันรึ” หญิงสาวแรกรุ่นที่เข้ามายังเรือนหลวงไชยพิชิตมองรอบๆ อย่างแปลกหูแปลกตาพลางหันไปถามอีนวล บ่าวรับใช้คนสนิทของคุณหญิงเอื้องฟ้า เธอมีสีผิวค่อนข้างคล้ำกระดำกระด่าง ตัวเตี้ยอวบอ้วน เสียงพูดแหบแห้ง อายุประมาณยี่สิบได้ เหตุนี้คุณหญิงเอื้องฟ้าจึงวางใจที่จะให้เป็นบ่าวรับใช้คนสนิท เพราะไม่ต้องคอยกังวลว่าสามีหรือลูกชายจะเป็นสมภารกินไก่วัด“นั่นรึ” อีนวลมองตรงไปยังกลุ่มของหญิงสาวที่กำลังวาดท่วงท่าอย่างอ้อนช้อยไปมา“นั่นคือนางละครรำ ถ้าเอ็งยังไม่เข้าใจข้าจักแจ้งให้ เรือนหลังนี้เป็นเรือนของหลวงไชยพิชิต คุณหลวงท่านไม่ค่อยอยู่เพราะมีงานราชการมาก คุณเอื้องฟ้าเป็นใหญ่ในเรื่องการดูแลบ่าวไพร่ทั้งหมด บ่าวไพร่ที่เอ็งเห็นว่ามีอยู่มากโข ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน บ่าวไพร่ชายตรงนั้นจะมีหน้าที่ทำนา ขนฟืน ทำทุกอย่างที่เป็นงานหนักๆ บ่าวไพร่แม่หญิงที่ชราหรือไม่สู้งามนักก็จะเป็นแม่ครัวหุงหาอาหาร ส่วนนางละครรำที่เอ็งเห็นคุณเอื้องฟ้าจะสอนให้รำเพื่อที่จะได้ไปแสดงทั้งในและนอกวังแล้วแต่จะมีคนว่าจ้าง” กลิ่นจันทร์มองบ่าวไพร่ในเรือนด้วยสายตากังวล หากแต่ยังก้าวเท้าตามอีนวลไปติดๆ ด้วยสายตาเกือบทุกสายตาเพ่งมองมายังเธอเป็นจุดเดียว ดูเหมือนเธอจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขาไม่น้อย“อีนวล มึงพาใครมา” หญิงสาววัยกลางคนผิวเข้มเดินกร่างเข้ามาถามอย่างวางอำนาจ“บ่าวคนใหม่ คุณหญิงพึ่งรับเข้ามา หลีกทางข้า” เมื่ออีนวลอ้างถึงเจ้านาย คนวางอำนาจจึงยอมถอยออกแต่โดยดี“หน้าตาผิวพรรณเยี่ยงนี้ คงเอามาเป็นนางรำ กูละจะได้เห็นคนถูกตบเช้าตบเย็นแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ” กลิ่นจันทร์รีบย่างเท้าตามอีนวลพลางหลบหน้าหญิงกร่างคนนั้น เธอน่ากลัวราวกับหมาป่า อีนวลพากลิ่นจันทร์เข้ามาในเรือนแคบๆ ที่แบ่งกันนอนอย่างเบียดเสียด ก่อนจะจัดแจงหอบเสื่อหมอนและผ้าห่มมาวางให้“เอ็งนอนตรงนี้กับข้าก่อนแล้วกัน ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปยุ่งกับมัน”“ใครรึ”“อีสา คนเมื่อกี้ มันชื่ออีสา มันไม่ชอบพวกนางรำ มันว่าเอาเปรียบ”“ไม่ชอบนางรำ แล้วเกี่ยวอันใดกับข้า”“จะไม่เกี่ยวได้เยี่ยงไร ก็คุณเอื้องฟ้าจะให้เอ็งไปเป็นนางรำอย่างไรเล่า ผิวพรรณรูปโฉมอย่างเอ็ง คงไม่ได้เป็นเพียงขี้ข้าก้นครัวแบบพวกข้าดอก”“ข้ารำมิเป็น ข้าจักไม่รำ” หญิงสาวนั่งคู้เข่าขึ้นมาพลางทำหน้าบูดบึ้ง พลางนึกโกรธบิดาที่ใช้อำนาจบังคับให้เธอต้องมาเป็นขี้ข้าในเรือนเขา“อีน้องสาวจอมสำออย เพราะเอ็งทีเดียวเชียว ทำให้ข้าต้องตกอยู่ในสภาพเยี่ยงนี้ และถ้าเอ็งคิดจะครองพี่หาญคนเดียวข้าจักไม่มีวันยอม”“เอ็งว่ากระไรรึ” อีนวลฟังคำกลิ่นจันทร์ไม่ถนัดนัก ก่อนกลิ่นจันทร์จะรู้สึกตัวแล้วหันไปส่ายหน้า“เอ็งจักไม่รำมิได้ ในเมื่อตอนนี้เอ็งเป็นขี้ข้า เจ้านายว่าอย่างไรเอ็งก็ต้องว่าตาม ขืนดื้อมิเชื่อฟังก็จักโดนทำโทษด้วยหวาย แลกิริยาเยี่ยงเมื่อครู่ก็ห้ามทำต่อหน้าเจ้านาย”เสียงดนตรีไทยประโคมดังขึ้นเป็นจังหวะ มองปราดเดียวก็รู้ว่านักดนตรีเล่นได้อย่างชำนาญ ส่วนนางรำแต่ละคนวาดลีลาสวยงามพร้อมเพรียง คุณเอื้องฟ้านั่งยิ้มอย่างพึงใจ ก่อนที่อีนวลได้พากลิ่นจันทร์เดินเข้ามาหา ทั้งสองคุกเข่าคลานเข้าไปอย่างอ่อนน้อม“มาแล้วรึ อีนวลมึงจัดหาที่หลับที่นอนให้มันแล้วใช่ฤาไม่”“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” อีนวลก้มหน้าตอบอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว“ไหนเอ็งขยับเข้ามาหาข้าหน่อย มานั่งด้านข้างข้า แล้วดูนังพวกนี้มันไปพลางๆ พอฝึกเสร็จแล้วจงรำออกมาให้งามอย่างพวกมัน มิใช่รำเหมือนนกปีกหักข้าจักเฆี่ยนให้หลังลาย” กลิ่นจันทร์ก้มหน้ารับคำ ก่อนจะหันไปดูนางรำที่รำอย่างชำนาญ ท่วงท่าอ้อนช้อยราวกับว่าเป็นนางฟ้านางสวรรค์ เธอมองหญิงสาวพวกนั้นอย่างชื่นชม หากแต่จุดสนใจกลับถูกชายหนุ่มรูปงามที่เดินเข้ามากระชากออกไป เพียงแค่แรกพบเขาก็กุมเอาหัวใจเธอไปถือไว้อย่าง่ายดาย กลิ่นจันทร์ส่งสายตาหวานฉ่ำไปยังชายหนุ่มที่เดินเข้ามา แม้เขาจะไม่ชายตาแลเลยก็ตาม“คุณพระพายมาเจ้าค่ะ คุณเอื้อง” สิ้นเสียงของบ่าวไพร่ที่มารายงาน หญิงชรารีบหันไปหาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพลางลุกขึ้นเดินไปรับ ก่อนจะโอบกอดด้วยความคิดถึงอย่างถนอม“พ่อเจ้ามิกลับมาด้วยรึ”“ท่านพ่อมีราชการด่วน คงหลายวันกว่าจักกลับได้ ข้ามีของฝากมาให้คุณแม่ด้วย” พระพายหยิบขนมชาววังออกมาหนึ่งกระชอมใหญ่ก่อนจะให้บ่าวไพร่ ไปจัดมาให้คุณเอื้องฟ้าลองลิ้มรส กลิ่นจันทร์นั่งมองชายหนุ่มรูปงามที่เป็นถึงลูกเจ้าของเรือนด้วยแววตาสุดเสน่ห์หา“มึงมองลูกกูเยี่ยงนั้นมีความหมายใดอีกลิ่นจันทร์” พระพายหันมองตามสายตาดุดันของมารดา ก่อนจะหันมาพบกับกลิ่นจันทร์หญิงสาวร่างเล็ก ผิวบาง อ้อนเอ่นอรชร ถึงแม้เธอจะพยายามหลบซ่อนสายตาจากเอื้องฟ้าแล้ว ชายหนุ่มพอมองออกว่าหญิงสาวกำลังทอดสะพานน้อยๆ ให้“เปล่ามองเจ้าค่ะ” กลิ่นจันทร์ถูกเอื้องฟ้าจับได้จึงรีบก้มหน้าลง
ดีมาก
4d
0ดีงามมาก
4d
0ดีครับ
5d
0Lihat Semua