logo text
Tambahkan
logo
logo-text

Unduh buku ini di dalam aplikasi

Bab 4 โต๊ะกินข้าวขาประจำ [ครบแล้ว]

“มึงไม่เห็นผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงนั้นเหรอ” ผมถามมันพร้อมกับชี้นิ้วไปที่ตัวผู้หญิงใจกล้าที่นั่งโต๊ะประจำของตัวเองอยู่
“ก็เห็น แล้วไงวะ” ไอ้คินทร์ยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง
ควายยังเรียกพี่ เผลอๆควายยังฉลาดกว่ามันนะผมว่า
“เพื่อนคินทร์ ใครๆก็รู้ว่านั่นโต๊ะประจำของกูกับมึง ไม่เคยมีใครกล้านั่งมาก่อน” ผมพยายามอธิบายให้มันฟังด้วยอาการใจเย็น
“อ้อ.. ให้กูจัดเลยป่ะ” ไอ้คินทร์ทำท่าพับแขนเสื้อขึ้น ใบหน้าฉายแววหื่นกามจนผมอดส่ายหน้าด้วยความเอือมระอาไม่ได้
“มึงพอเลยไอ้สัตว์ เดี๋ยวกูไล่เอง” ผมรั้งแขนมันไว้ก่อนจะเดินนำหน้าไป
ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมกำลังจะเดินไปหาเรื่อง เธอยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อนไปไหนแม้แต่เซนต์เดียว
“น้องครับ” ผมเรียก
หลังจากได้ยินเสียงผม เธอก็ค่อยๆหันมาก่อนจะมองอย่างสงสัย เพียงเสี้ยววินาทีบนใบหน้าสวยหวานก็ประดับไปด้วยรอยยิ้มโปรยเสน่ห์มาให้
“ว่าไงคะ” ผมมองท่าทางของเธอที่กำลังใช้มือเอาผมทัดหูข้างหนึ่งด้วยสายตาราบเรียบ
“นี่โต๊ะพวกพี่ น้องหาที่นั่งตรงอื่นไม่ได้แล้วเหรอครับ” ผมถามพร้อมกับปรายตามองไปที่โต๊ะข้างๆซึ่งมันก็ว่างอยู่เหมือนกัน
“นี่โต๊ะของพวกพี่เหรอคะ คือหนูไม่รู้จริงๆค่ะ” เธอทำเหวอราวกับว่าไม่รู้มาก่อนจริงๆ
“น้องควรจะรู้เอาไว้นะครับ ไม่ว่าน้องจะเป็นเฟรชชี่ที่เพิ่งเข้ามาใหม่หรือไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่น้องควรจะสังเกตบ้างว่าโรงอาหารที่คนพลุกพล่านมากมาย ทำไมเขาถึงเว้นที่ตรงนี้เอาไว้”
ผมยืนท้าวเอวมองหน้าเด็กผู้หญิงตรงหน้าที่เริ่มหน้าซีดหลังจากถูกผมซัดคำพูดแรงๆใส่ ดูท่าทางเหมือนจะเรียนวิศวะด้วยนะ แต่ไม่ได้มีความเข้มแข็งบึกบึนอะไรเลย โดนว่านิดว่าหน่อยก็ทำท่าจะร้องไห้ อย่างนี้ถ้าไปทำงานโดนนายจ้างด่าแรงกว่านี้ไม่ลาออกจากงานที่ทำเลยเหรอ
“คือ.. หนูไม่รู้จริงๆนะคะ” เธอเริ่มลนลานเมื่อผมเอาแต่จี้ไม่หยุด
“ตอนนี้ก็รู้แล้ว จะนั่งทำห่าไรล่ะครับ! ไปนั่งที่อื่นสิครับ!” ผมตวาดไล่เสียงดัง
คนในโรงอาหารเริ่มหันมาให้ความสนใจมากขึ้น สายตาหลายคู่มองมาที่ผมสลับกับเด็กผู้หญิงตรงหน้า
“เฮ้ย! มึงใจเย็นดิวะไอ้เฟียต” ไอ้คินทร์ปรามผมพร้อมกับคว้าแขนผมเอาไว้
“กูไม่เตะผู้หญิงหรอก” ผมกระซิบบอกมันอย่างหงุดหงิด
“แต่ท่าทางมึงอ่ะ จะต่อยน้องเขาอยู่แล้ว ดูดิ หน้าน้องเขาซีดเป็นไก่อบแห้งแล้วเนี่ย” ไอ้คินทร์ชี้หน้าเด็กผู้หญิงตรงหน้าให้ผมดู
ผมสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของมัน ก่อนจะมองเด็กผู้หญิงอ่อนแอตรงหน้านิ่ง
ตกลงนี่ฟังภาษาคนรู้เรื่องป่ะวะ สรุปจะลุกไม่ลุก?
FILM Talks.
“เฮ้ย! นั่นมันอะไรวะ” เสียงตกใจแตกตื่นของพาร์ททำให้ฉันสะดุ้งตกใจตามอย่างห้ามไม่อยู่
พาร์ทชี้นิ้วไปด้านหน้า ทำให้ฉันมองตาม พอเห็นเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ฉันก็เบิกตากว้างพร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาจากลำคอแทบจะพร้อมกันกับปิ่น
“เฮ้ย! / เฮ้ย!” เราสองคนหันหน้ามองกันทันที
ฉัน พาร์ท และปิ่น รีบวิ่งเข้าไปยังโต๊ะที่แก้วนั่งอยู่ทันที เหตุการณ์ที่ว่าคือแก้วนั่งทำท่าเหมือนจะร้องไห้ โดยที่มีผู้ชายสองคนใส่เสื้อช็อปยืนท้าวเอวขวางหน้าเอาไว้อีกที ประเมินจากสถานการณ์แล้วคงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากมาหาเรื่อง
“มีเรื่องอะไรกันแก้ว” ฉันโร่เข้าไปหาแก้วพร้อมกับโพล่งคำถามใส่โดยที่ไม่ได้มองหน้าผู้ชายสองคนนั้น
“พี่เขาบอกว่าโต๊ะนี้เป็นของพี่เขาอ่ะฟิล์ม” แก้วตอบเสียงสั่นเครือ ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
ฉันพยักหน้าสองที ริมฝีปากถูกเม้มแน่นก่อนจะหันขวับไปจ้องผู้ชายที่ยืนอยู่
แต่ทันทีที่สายตาสบเข้ากับดวงตาดำขลับแต่ทว่าแฝงไปด้วยแววขี้หงุดหงิดก็ทำให้ฉันชะงักกึก คำด่าที่ตระเตรียมไว้ห้าวินาทีก่อนหน้านี้พลันมลายหายไปจนหมด เหลือไว้เพียงอาการตาค้างปากอ้ากว้าง พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาอย่างตะกุกตะกักแทน
“ฮะ..เฮ้ย” เหมือนน้ำท่วมปากไปโดยปริยาย
“…”
ไร้เสียงตอบกลับจากคนตรงหน้า มีเพียงการกะพริบตาหนึ่งทีเท่านั้นที่นับได้ว่าเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเดียวที่มีของเขา ฉันหยิกแขนตัวเองไปหนึ่งทีเพื่อดึงสติ พอเริ่มรู้สึกตัวก็ขมวดคิ้วมองหน้าเขาไปแล้ว
“โต๊ะนี้เป็นของพวกพี่เหรอคะ” พอตั้งสติได้ถึงถามออกไป
พี่คนนี้.. เป็นคนเดียวกับที่ฉันไปเหยียบเท้าเข้าเมื่อวาน ทุกครั้งที่เห็นหน้าเขา อาการประหม่าก็เล่นงานฉันจนบังคับตัวเองไม่อยู่ ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ในใจท่องนะโมตัสสะสลับกับคาถาป้องกันภัยไปด้วย
“ครับ โต๊ะนี้เป็นของพวกพี่มาสามปีแล้ว” คนตรงหน้าตอบเสียงราบเรียบ
“หนูว่าพี่กำลังใจผิดนะคะ” ฉันหรี่ตามองหน้าเขา พร้อมกับเสียงที่พยายามควบคุมให้ดูปกติที่สุด
ตึกตัก...
เสียงหัวใจฉันเต้นอย่างรุนแรงเมื่อเขายกริมฝีปากขึ้นนิดหน่อยคล้ายกำลังจะยิ้มออกมา
อย่านะ! ได้โปรดอย่ายิ้มให้ฉัน
“หนูกับเพื่อนๆเห็นโต๊ะมันว่างอยู่ก็เลยเข้ามานั่ง”
ฉันแอนตี้ระบบแบบนี้มาตั้งแต่มัธยมแล้ว ไอ้การมีโต๊ะกินข้าวของกลุ่มแล้วไม่ให้คนอื่นนั่งเนี่ย บอกตรงๆว่ารู้สึกไม่โอเคมากๆ ถ้าอยากมีโต๊ะเป็นของตัวเองขนาดนั้น ทำไมไม่ออกเงินซื้อแล้วก็สลักชื่อเป็นของตัวเองซะเลยล่ะ
“…” พอเห็นเขาเงียบไม่โต้ตอบถึงได้ว่าต่อ
“โต๊ะนี้เป็นของสาธารณะ ทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันที่จะใช้ ถ้าพี่อยากใช้คนเดียวก็ออกเงินซื้อแล้วสลักเป็นชื่อพี่ไว้เลยสิคะ คนอื่นเห็นเขาจะได้ไม่นั่งกัน”
“พี่ว่าน้องกำลังเข้าใจอะไรผิดไปนะครับ” ตาที่หรี่ลงของเขาทำให้ความมั่นใจที่ฉันพยายามสะสมไว้เพื่อต่อต้านอาการประหม่าก่อนหน้านี้ถูกบั่นทอนลง
“…” ฉันเงียบเพื่อรอดูว่าเขาจะพูดแก้ตัวอะไรต่อไป
“โต๊ะนี้ก็สลักชื่อพี่ไว้อยู่แล้ว ไม่เชื่อก็ลองแหกตาน้องดูสิครับ”
ฉันอึ้งไปพักใหญ่ก่อนจะหันกลับไปมองโต๊ะเจ้าปัญหา สายตาสอดส่องหารายชื่อสลักที่เขาว่า
“พี่ชื่อ พลภัทร กิตติวงศ์”
‘นายพลภัทร กิตติวงศ์’ พระเจ้า!!!!
มีชื่อสลักไว้อย่างที่เขาว่าจริงๆ นี่มันอะไรกันเนี่ย o[]o

Komentar Buku (2463)

  • avatar
    พิชามญชุ์ โป้เคน

    ชอบตอนท้ายอะ ดีมากกกก👍

    9h

      0
  • avatar
    seawongNetnapa

    สนุกมากค่ะๆๆๆๆ😻

    2d

      0
  • avatar
    张美琪

    กลับมาต่อเนืัอเรื่องก่อนค่า😭 ค้างคาาา

    2d

      0
  • Lihat Semua

Bab-bab Terkait

Bab Terbaru