FIATT Talks.ผมนั่งกอดอกมองเพื่อนที่กำลังเดินแจกลายเซ็นให้กับบรรดานักศึกษาเฟรชชี่ที่เข้ามาใหม่ ก่อนจะแสยะยิ้มให้มัน ไอ้ ‘คินทร์’ เป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายกับผมมาตั้งแต่สมัยมัธยม ด้วยนิสัยปากหมาของผม ทำให้ไม่ค่อยมีใครอยากคบด้วย มีแค่ไอ้นี่แหละที่เข้ามาคุยและอยากผูกมิตรปรองดองกันรอยยิ้มโปรยเสน่ห์ของไอ้คินทร์ทำให้บรรดาสาวเล็กสาวใหญ่สาวไซส์มินิหรือแม้กระทั่งเด็กผู้หญิงที่เรียนอนุบาลก็ยังตกหลุมรักมันได้ง่ายๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ที่เด่นชัดสะดุดตาผมมากที่สุดก็เห็นจะเป็นฟันที่เรียงรายอยู่ในปากของมัน ถ้าให้นับ..ผมว่าเกินสามสิบสองซี่หลังจากแจกอ้อย เอ้ย! ลายเซ็นเสร็จ ไอ้คินทร์ก็เดินเข้ามาหาผม แต่พวกนักศึกษาผู้หญิงคนนั้นกลับชะงักและไม่กล้าเดินเข้ามาเพียงเพราะเห็นหน้าผม พวกเธอเริ่มซุบซิบนินทาในระหว่างที่เดินหนีออกไปและถ้าให้ผมเดา.. คงเป็นเรื่องของผมที่ว่า ‘ปากหมาแต่หน้าตาเทพบุตร’ไร้สาระชิบหาย...“หน้าบูดเป็นตูดหมาเลยนะมึง” มาถึงปุ๊บก็ปล่อยหมาออกมาทักทายผมเลย“ปากมึงก็หมาไม่แพ้กู ทำไมพวกผู้หญิงถึงได้ติดมึงนัก”ที่ถามไม่ใช่ว่าผมอิจฉาอะไรมันนะ ก็แค่อยากคลายข้อสงสัยของตัวเองแค่นั้น“ก็มึงมันปากหมากับทุกคน แต่กูปากหมากับแค่มึงไงครับเพื่อนเลิฟ”“อ่อ” ผมพยักหน้ารับรู้แสดงว่าที่คนไม่กล้าเข้ามาพูดกับผม ไม่กล้าสบตา หรือไม่กล้าแม้แต่จะเดินผ่านผม สาเหตุมันมาจากการที่ผมปากหมาใส่เขางั้นสินะ อืม.. แต่นั่นมันก็เรื่องของเขาล่ะ ไม่ใช่เรื่องของผม“แล้วนี่มึงจะไปกินข้าวที่ไหน ที่เดิม?” ผมปรายตามองหน้าไอ้คินทร์เมื่อถูกมันถามก่อนจะนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งหลังจากระดมมวลสมองทั้งหมดที่มี ผมก็ได้คำตอบ “อือ”“งั้นไป” ไอ้คินทร์เดินเข้ามากอดคอผมก่อนจะดึงให้เดินไปด้วยกัน“เดี๋ยว” ผมเบรกมันไว้เพราะมีเรื่องสงสัยอยากจะถามอีกเรื่อง “ผู้หญิงคนนั้นที่กูให้มึงพาไปห้องพยาบาลเป็นไงบ้าง”“ไม่รู้ดิ” มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ แต่สายตาลุกลี้ลุกลนฉิบหายผมมองมันตาขวางอย่างรู้เท่าทันสันดาน รู้หรอกว่าไอ้คินทร์คนเจ้าชู้มันทำอะไรผู้หญิงคนนั้นไปบ้าง ถ้าไม่แอบหอมแก้มก็น่าจะลูบนั่นคลำนี่นิดหน่อย หรือถ้าหนักหน่อยก็อาจจะโดนไอ้หื่นกามนี่จับนม“มึงทำอะไรเขา บอกกูมาไอ้ควย”“คินทร์!” มันชี้ที่ปากตัวเองก่อนจะทำปากเป็นประโยคว่า ‘มองปากกู’ แล้วตามด้วยประโยคที่มันเปล่งเสียงออกมาชัดถ้อยชัดคำราวกับได้เกรดสี่วิชาภาษาไทยทั้งๆที่ตอนมัธยมกว่าจะรอดหนึ่งมาได้ก็บุญโข “กูชื่อคินทร์!”“พ่อขุนรามเหรอมึงอ่ะ” ผมถามทิ้งท้ายไว้ก่อนที่จะเดินหนีมันออกมาพอหันกลับไปมองก็แทบจะกลั้นขำไว้ไม่อยู่เพราะมันยกมือขึ้นเกาหัวพลางทำหน้างงเป็นหมาเหงาเนื่องจากแปลความหมายจากคำพูดผมไม่ออก สมควรที่ภาษาไทยอ่อนด๋อยขนาดนี้ น่าสงสาร..ผมเดินนำไอ้คินทร์มาที่โรงอาหารสาม โรงอาหารที่นี่ชื่อว่า ‘โรงอาหารดอยดาว’ ที่เรียกแบบนี้เพราะมันมีที่มาจากการที่โรงอาหารถูกสร้างขึ้นมาเป็นเวลานาน และมีขั้นบันไดขึ้นโรงอาหารถึงหนึ่งร้อยขั้น(ทำไว้หอกไรตั้งหนึ่งร้อยขั้น =_=) ตอนเดินขึ้นโรงอาหารเลยโคตรเหนื่อยเหมือนกับการเดินขึ้นดอย กว่าจะได้กินข้าวก็หอบแดกเอาการอยู่เหมือนกัน แถมขาก็เป็นตะคริวเพราะเดินขึ้นที่สูงอีกตอนที่ผมเข้ามาที่นี่ตอนปีสอง โดนรุ่นพี่สาขารับน้องโดยการให้วิ่งขึ้นโรงอาหารภายในเวลาห้านาที ไม่ตายก็เหมือนมีชีวิตอยู่เหมือนคนพิการ ขาชาไปหลายวัน กว่าจะหายดีก็แดกพาราแก้ปวดไปหลายเม็ด หลังจากวันนั้นผมก็ไม่ได้เข้าการรับน้องและต่อต้านรุ่นพี่ไปโดยสิ้นเชิงส่วนรุ่นพี่คนไหนที่ข้องใจกับผมนัก เข้ามาท้าต่อยตี ผมก็สนองความต้องการของพี่เขาโดยการต่อยด้วย สรุปใครแพ้ ก็พวกพี่เขาที่มาหาเรื่องผมนั่นแหละ ไม่ได้จะอวดว่าตัวเองเก่งกาจขนาดไหนนะ แต่นี่มันเรื่องจริงหลังจากที่เดินขึ้นโรงอาหารมาได้ สายตาผมก็กวาดมองไปทั่วบริเวณ รุ่นเดียวกันหรือรุ่นน้องปีสองปีสาม พอเห็นผมทุกคนต่างก็เงียบเสียงลงโดยฉับพลัน คิ้วผมกระตุกแทบจะทันที“เงียบทำห่าไร!” ผมตะโกนลั่นอย่างหัวเสียเพราะงั้นทุกคนเลยพากันทำตัวตามปกติ ผมจิ๊เสียงในลำคออย่างไม่พอใจ จะกลัวกันหัวหดไปถึงไหน นี่ผมก็อยู่ปีสี่แล้ว จะจบออกไปอยู่แล้วมัวแต่กลัวจนขี้หดตดหายกันไปได้ผมมองไปที่โต๊ะกินข้าวประจำของตัวเอง พลันหัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว โต๊ะกินข้าวที่ไม่มีใครกล้านั่งมาตลอดสามปีที่ผมอยู่ที่นี่ แต่บัดนี้กลับถูกผู้หญิงผมดำหน้าตาบ้องแบ๊วนั่งครอบครองพื้นที่เป็นที่เรียบร้อยปึก!เสียงฝ่ามือกระทบลงบนบ่าผมหนักๆหนึ่งทีจนผมหันไปมอง เป็นไอ้คินทร์ที่เดินมาสมทบด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน“มีไรวะ” มันถามพร้อมกับเสียงหอบหายใจหนักๆ“นั่นมันโต๊ะกินข้าวประจำของกู” ผมพยักพเยิดหน้าไปยังโต๊ะกินข้าวของตัวเองไอ้คินทร์มองตามก่อนที่มันจะหันกลับมามองที่ผม พร้อมกับสายตาและใบหน้าที่แสดงออกถึงอาการสงสัยอยากจะโบกแม่งให้ความจำเสื่อม โทษฐานโง่เกินมนุษย์มนา...
ชอบตอนท้ายอะ ดีมากกกก👍
12h
0สนุกมากค่ะๆๆๆๆ😻
2d
0กลับมาต่อเนืัอเรื่องก่อนค่า😭 ค้างคาาา
2d
0Lihat Semua