คิ้วเข้าขมวด หล่อนคือคนเดียวกันที่เห็นตรงหน้าต่าง เป็นใครกันแน่ถึงอยู่บ้านคุณอาดาวเรืองได้ ผู้หญิงหน้าตาสะสวยแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นมาบ้านข้างๆ เลยสักครั้ง “ผมว่าผมเคยเห็นคุณ” เขาบอก แล้วไม่ยอมละสายตาจากใบหน้าของหญิงสาว“อย่ามาใช้มุกเก่าๆ เลยค่ะ เราสองคนไม่รู้จักกันมาก่อน” มิลันดาปฏิเสธเสียงแข็ง“ไม่เป็นไร คุณปฏิเสธผมไม่ว่าอะไรหรอก แต่รู้เอาไว้ว่าผมน่ะจำคนเก่ง”จำคนเก่งงั้นเหรอ อยากยิ้มเยาะนัก หากจำเก่งป่านนี้คงรู้แล้วว่าหล่อนคือใคร หรือเพราะหล่อนไม่สำคัญพอให้จดจำ“เรื่องของคุณเถอะค่ะ ทีนี้ปล่อยฉันได้แล้ว”ชายหนุ่มไม่ฟังอุ้มร่างบางเหนือพื้น“คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!” หญิงสาวร้องลั่น “ผมจะพาคุณไปหาหมอ”ชายหนุ่มบอก“ไม่ต้อง! คุณพาฉันไปส่งที่บ้านก็พอ แผลแค่นี้ไม่ทำให้ตายได้หรอก”“ไม่ตาย แต่ก็ทำให้เจ็บ” เขาเถียงแล้วไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะแสดงอาการไม่พอใจแค่ไหน ร่างบางถูกยัดไว้เบาะหน้าคู่คนขับ หล่อนรู้สึกขัดใจอยากโวยวาย กรีดร้องเสียให้สมใจอยาก ดูเขาสิน่าหมั่นไส้เสียจริงๆ “ฉันไม่ไปหาหมอเด็ดขาด คุณได้ยินไหม” หล่อนยังยืนยันคำเดิม“ถ้าไม่ไปหาหมอก็บอกมาบ้านอยู่ไหน”จะได้รู้สักทีว่าหล่อนใช่คนเดียวกับเมื่อเช้าหรือเปล่า แต่ดูเหมือนหล่อนไม่คิดตอบเอาแต่นั่งเงียบ“อยู่บ้านคุณชัยเดชใช่หรือเปล่า” เขาเลยถามเองมิลันดาหันมองเขาก่อนพยักหน้าช้าๆ เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าหล่อนอยู่ที่นั้น คงเห็นหล่อนผ่านหน้าต่าง น่าแปลกไหม รู้ว่าอยู่บ้านพ่อแต่กลับจำไม่ได้ว่าหล่อนเป็นใคร ถูกลืมจริงๆ แล้วสินะเรา น้ำตามันเริ่มเอ่อคลอ อย่าร้องเชียวนะมันน่าสมเพช มิลันดาเตือนตนเองหน้างอๆ ตอนนี้มันคุ้นตาจริงๆ หล่อนเป็นใครกันแน่ อยากนึกให้ออกเหลือเกิน ชายหนุ่มหยุดมองใบหน้าจนเผลอลอบสำรวจเรือนร่าง แล้วเขาก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าหัวใจดันเต้นแรงทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นแบบนี้กับใครมาก่อนรถจอดเทียบหน้าบ้านเขาลงมาเปิดประตูให้ มิลันดาไม่อยากให้เขารู้ว่าหล่อนเป็นใคร รีบเขย่งเท้าหมายจะหนีเข้าบ้านในทันที แต่กลับถูกเขารั้งท่อนแขนไว้“ผมจะเข้าไปส่ง”“ไม่ต้อง!” หล่อนรีบปฏิเสธ“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณต้องปฏิเสธความช่วยเหลือของผมด้วย”“เพราะฉันไม่ต้องการ ส่งฉันแค่นี้ก็พอแล้ว”มิลันดาสะบัดท่อนแขนตนเองออก ชายหนุ่มไม่ยอมก้าวออกจากตรงนั้น อยากรู้นักว่าหล่อนคือใคร คงไม่มีใครตอบได้นอกจากคนของบ้านหลังนี้ เขาถามอาดาวเรืองในภายหลังก็ได้จังหวะนั้นรมย์รวัตรแวะมาหามิลันดาที่บ้าน เขาลงจากรถแท็กซี่สายตาเหลือบเห็นชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน ยืนคุยกับเพื่อนอยู่ หล่อนสบตาเพื่อนแล้วขยิบตาให้เพื่อส่งสัญญาณไม่ให้รมย์รวัตรเรียกชื่อ แต่อีกฝ่ายดันพาสาวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้า พอเห็นเท้าเพื่อนบวมเลยสงสัย“อ้าวมิ เป็นอะไรทำไมขาเป็นอย่างนั้น” รมย์รวัตรทักมิลันดาแทบอยากบีบคอเพื่อนตอนนี้เสียให้ได้ คมฉณัฐนิ่งอึ้งไปสักพักเมื่อได้ยินชื่อ เขารีบปรับสีหน้าตนเองให้เป็นปกติ พิศมองใบหน้าหล่อนอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้คือมิลันดา ไม่แปลกที่หล่อนจะตั้งท่ารังเกียจเขา ไม่อยากเชื่อน้องมิเปลี่ยนราวกับคนละคน อยากจะบ้าตายที่ตาถั่วจำไม่ได้เลยสักนิด จะให้จำได้ได้ยังไงเล่า ในเมื่อรูปร่างเคยอวบในวัยเด็กกลับมีทรวดทรงองเอวน่ามอง แก้มเคยยุ้ยกลายเป็นเรียวและขาวอมชมพูจนเขาไม่อาจละสายตา ดวงตาเรียวสวยนั้นกลับดูสวยยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เขาแทบบ้าตายกว่าเขาจะรู้ตัวว่าได้พลาด มันก็สายเสียแล้ว“มาได้ยังไงวัตร” มิลันดาจำต้องทักกลับเห็นสายตาที่เขามองมายิ่งทำให้เหล่อนประหม่า หล่อนต้องไม่แสดงให้เขาเห็นว่าหล่อนอ่อนแอเด็ดขาด“มาแท็กซี่นะสิ ถามได้” รมย์รวัตรกวน“ถามดีๆ ตอบกวนเดี๋ยวเจอ!” มิลันดาบ่นพร้อมยกมือโชว์กำปั้นหากหล่อนคือน้องมิ เขาอยากบอกหลายเรื่อง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ลืมเลือนเช่นเดียวกัน ความผิดในอดีตที่ตนได้กระทำไว้ อยากให้มิลันดาอภัย แล้วกลับมาพูดคุยสนิทสนมกันเช่นเดิม“น้องมิ พี่ขอคุยกับน้องมิหน่อยได้ไหม”พอได้ยินคำพูดเดิม ความรู้สึกบางอย่างมันกำลังกระทบกระเทือนความรู้สึกภายใน หล่อนแอบซ่อนมันไว้มานาน ไม่อยากให้มันกระเพื่อมไหวอีกครั้ง“ขอโทษนะคะ คุณไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าน้องมิก็ได้ มันเป็นอดีตไปแล้ว ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน” หล่อนปฏิเสธแล้วหันไปหาเพื่อน“วัตรพยุงหน่อยดิ ปวดขา”“มาถึงก็ใช่เลยนะ ยัยป่าเถื่อนชอบวางอำนาจ!” รมรวัตรบ่น“อยากเจอดีหรือไง ไอ้วัตร!” หญิงสาวดุรมย์รวัตรจึงต้องประคอง แม้จะรู้สึกขัดใจ เมื่อข้อเท้าไม่ทำตามคำสั่ง มันดันเจ็บจนต้องนิ่วหน้าทำให้เพื่อนชายต้องลำบากในการพยุง“คงต้องอุ้มแล้วละไม่ไหวแบบนี้ตายพอดี!”“อืม อุ้มก็อุ้มสิ”รมย์รวัตรช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเดินเข้าไปในบ้าน คมฉณัฐมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกขัดใจ แต่มิลันดากลับยิ้มพรายพูดคุยกับเพื่อนชายอย่างมีความสุข“กินไรมาเนี่ยมิหนักสุดๆ”“อย่ามาบ่นได้ไหมวัตร”คมฉณัฐถอนหายใจเฮือกใหญ่ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังถูกกรรมตามสนอง มิลันดาคงไม่มีวันให้อภัยแน่ๆ วันนี้คงต้องทำงานก่อน แต่เขายืนยันไม่มีวันยอมแพ้เรื่องมิลันดาแน่นอนรมย์รวัตรอุ้มหล่อนเข้ามาในบ้าน ดาวเรืองประคองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง เพื่อนหนุ่มเลยยกมือไหว้ดาวเรือง หล่อนรับไหว้และจำได้ดีว่าหนุ่มคนนี้คือเพื่อนบุตรสาวเคยเจอกันที่อังกฤษ“เกิดอะไรขึ้นลูก ทำไมข้อเท้าบวมแบบนี้” ดาวเรืองถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ พอดีเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อย”“ไม่ไปหาหมอเหรอลูก”“ไม่ต้องหรอกคะแม่ หนูทำแผลเองได้อย่าลืมนะคะว่าหนูจบหมอมาค่ะ” “จ้าๆ แม่หมอคนเก่ง ถ้าบวมมาแล้วไม่หายแม่จะหัวเราะให้” มิลันดาจัดการทายาและพันข้อเท้าของตนเอง โดยมีรมย์รวัตรเป็นคนช่วยเหลือ“มิแน่ใจเหรอไม่ต้องไปหาหมอ จับดูแล้วเหมือนมันจะร้าวนะ” รมย์รวัตรเตือน“ไม่ดีกว่าวัตร แค่นี้ไม่น่าเป็นไรหรอก”“อย่าทำเป็นเล่น เดี๋ยวมันบวมแล้วอักเสบจะรักษายากเอานะ”“รอดูพรุ่งนี้ก่อนว่ามันเป็นไง”รมย์รวัตรเลยถอนหายใจ เมื่อคนเจ็บไม่ยอมฟัง“เฮ้อ... ตามใจก็แล้วกัน”มิลันดาขึ้นห้องไปนอนพลางก้มดูอาการบาดเจ็บของตนเอง หญิงสาวรู้สึกว่ามันจะบวมขึ้นมากหล่อนคงต้องไปหาหมอจริงๆ เพราะอาการแย่กว่าที่คิด หล่อนเอนกายลงนอน พยายามลบภาพของเขาออกจากสมอง แต่ยิ่งลบกับยิ่งจดจำ เลยถอนหายใจยาวในเมื่ออยากคิดก็คงต้องปล่อยไป แต่หล่อนจะไม่มีวันให้เขาได้ล่วงรู้ความรู้สึกในตอนนี้เด็ดขาด
อ่านเพลิน ชอบๆ
6d
0ดีดี
9d
0ชอบมากค่ะ อ่านแล้วยิ้มไปด้วยตลอด เสียดายอยากให้ หมอปิ่นมีลูกก่อน
29d
0Lihat Semua