logo
logo-text

Unduh buku ini di dalam aplikasi

บทที่ 5

บทที่ 5
สองเดือนไม่ต่างจากสิบปี... พ่อเลี้ยงไม่รับสายของเธอ ไม่ส่งข้อความมาหา มีแค่เงินโอนเข้ามาในบัญชีซึ่งเธอได้ให้แม่อนงค์ไว้ เพราะหาเงินได้ด้วยตัวเองแล้ว
“ถ้านอนไม่ได้ เรียกฉันนะ ฉันจะชวนคุย” น้ำเสียงแผ่วลง คนขับนั่งตัวเกร็งมือจับพวงมาลัยแน่นคอยลอบมองคนข้างกายอยู่เป็นระยะ ๆ ด้วยความสงสาร
ปรายลดารักพ่อเลี้ยงมานานแล้ว...
แต่ก่อนนั้นสมัยยังเรียนประถมศึกษามาด้วยกัน นัชชาเคยคิดว่ามันเป็นความรักในแบบของเด็ก ๆ พอโตมาถึงได้รู้ว่าเพื่อนไม่เคยเปลี่ยนใจ แม้จะมีหนุ่ม ๆ มาทอดสะพานให้อยู่มากมายเท่าไร
สายตาของพ่อเลี้ยงที่มองปรายลดาก็ไม่ต่าง... หล่อนแน่ใจในเรื่องนั้นจึงได้สร้างเรื่องส่งข้อความไป ประกอบกับที่โมโหธามไท
ดวงหน้าแดงก่ำของคนที่พริ้มตาหลับอยู่เงียบ ๆ ยังมีหยดน้ำใสรินไหลไม่ขาด และสถานการณ์ก็ไม่เป็นใจ...
‘ขีดเส้นใต้เอาไว้... ว่าเธอไม่รัก ขีดลงบนกระดานดำ ตามด้วยกระทิงแดงหนึ่งขวด’
“ดีเจช่องนี้มันยิงมุกอะไรเนี่ย!”
เสียงหวานกร้าวว่าพลางหลุบตามองคนที่ดูอาการไม่ค่อยดี รีบเปลี่ยนเพลงที่มาจากพื้นที่ส่วนตัวของเธอในไดร์ฟอันเล็ก ๆ ซึ่งมันคงมีแต่เพลงแด็นซ์กระจาย ทว่าคงไม่ทันการ...
“ฮือ... ปริม..” เสียงคร่ำครวญดังระลอกใหญ่หลังจากที่เธอเก็บมันเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไป
ถึงปรายลดาจะมีความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเอง เป็นคนตลกโปกฮาประสาแม่ค้าออนไลน์ แต่หากว่าได้ร้องไห้แล้วล่ะก็! โรงละครโอเปร่ายังต้องกราบ...
ไม่ต่างจากหมูในโรงฆ่าสัตว์ที่กำลังจะโดนเชือด... สองมือสั่นเทายกขึ้นปิดหน้าสะอึกสะอื้นไห้ จากนั้นเธอก็จัดฉากเปิดโรงมหรสพน้ำตาและน้ำเสียงชุดใหญ่ เมื่อไม่รู้ว่าหนทางข้างหน้าของชีวิตเธอโดยไม่มีเขาจะเป็นอย่างไร
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาคมคายในเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยจากกางเกงสแล็คดำ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเพราะความรีบร้อน หยุดปลายเท้าลงในห้องโล่งเปล่าที่มีข้าวของหลายอย่างหายไป
ผ้าห่ม ผ้าปูที่นอน อุปกรณ์การเรียนและหนังสือ ชั้นวางของกระจุกกระจิกสะอาดเกลี้ยงเหมือนเป็นห้องที่ไม่มีใครอยู่ ร่างสูงก้าวไว ๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าลายการ์ตูนเพื่อเปิดมันออกดูให้แน่ใจซึ่งก็ไม่มีเสื้อผ้าสักตัว
จากเปลวโทสะลูกใหญ่ที่ทำให้เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าตีตั๋วกลับประเทศไทยในทันที กลายเป็นความรู้สึกอ้างว้างประหลาดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ
“แม่... พุทราไปไหน?” เสียงทุ้มสั่นเครือ นัยน์ตาคู่คมเข้มสีฟ้าครามประกายกร้าวอ่อนลงเหลือแค่ความสิ้นหวัง ไม่แม้แต่จะเหลียวมองแม่อนงค์ที่ยืนข้าง ๆ กัน
“เขาก็ไปอยู่ของเขาสิ โตแล้วนี่... จะไปไหนก็ได้ ทีลูกยังหอบกระเป๋าไปฟิลิปปินส์ไม่บอกคนที่บ้านสักคำ ถ้าแม่ไม่โทรไปถามปิ่นก็คงไม่รู้”
ปิ่นแก้วเป็นเพื่อนสาวคนสนิทในกลุ่ม จบสถาปนิกมาด้วยกัน อยู่ในสายงานเดียวกันคือสายวิชาการออกแบบอุตสาหกรรม หากไม่เดินสวนกันหรือปากต่อปากบอกต่อ เขาตั้งใจไปอยู่คนเดียวเงียบ ๆ โดยไม่บอกใครสักคนจริง ๆ
“แล้วพี่ปองล่ะ?” ในสีหน้าคร่ำเครียดกว่าเดิมเมื่อนึกถึงพี่ชายที่ไม่เคยจะกลับบ้าน ไม่คิดจะเลี้ยงลูกเลี้ยงตัวเอง ถึงปองกานต์จะมารู้ทีหลังว่าปรายลดาไม่ใช่ลูก แต่คนอยู่ด้วยกันมาน่าจะมีน้ำใจสักหน่อย
“แม่จะไปรู้ไหมล่ะ? รายนั้น ตั้งแต่แม่พุทราเสียก็ทำตัวเละเทะเปะปะไปเรื่อยเปื่อยนั่นแหละ ลูกจะไปตามมันกลับมาหรือไง?”
“ไม่เด็ดขาด” ในน้ำเสียงหนักแน่น เขาคงไม่คิดจะไปตามตัวปองกานต์กลับบ้านแน่ ๆ เพราะไม่น่าจะเป็นเรื่องดีหากพี่ชายที่ถูกผีพนันเข้าสิงจะกลับมาสูบเลือดสูบเนื้อคนในบ้าน
“พี่ปองส่งเงินให้พุดใช้บ้างไหม? แล้วนี่... พุดยังเรียนหนังสือไม่จบ เงินก็ยังขอผมใช้ จะไปอยู่เองได้ยังไง?”
แม่อนงค์ส่ายหน้าไปมา “พุดไม่ได้ใช้เงินลูกมาเป็นปี ๆ แล้วเปา... สมุดบัญชีกับบัตรเอทีเอ็มของพุดอยู่กับแม่ พุดบอกให้แม่เก็บไว้ใช้ซื้อของให้หลาน” อนงค์ว่าจะไม่บอกเรื่องนี้เพราะหญิงสาวนั้นขอเอาไว้ แต่เป็นเพราะสีหน้าซีดเผือดไร้เม็ดสีของลูกชายที่ไม่เชื่อหูตัวเองยังจะเอาผิดแม่อีกคน
“แม่ทำไมไม่บอกผม.. แม่ปล่อยพุดไปได้ยังไง?”
“บ้านเงียบ ๆ แบบนี้ใครมันจะอยากอยู่ แม่ยังไม่อยากจะอยู่ นี่ถ้าแกไม่โทรมา แม่ก็ไม่มาหรอก แค่จะมาเอาของกับดูบ้านสักหน่อยเท่านั้นแหละ”
“แต่ผมบอกให้แม่อยู่กับพุด”
ในน้ำเสียงไม่พอใจ แม่อนงค์ยกมือเท้าเอวเอาเรื่อง “ขืนอยู่จะได้เป็นบ้าเพราะมันก่อนน่ะสิ ร้องไห้เช้ากลางวันเย็นก่อนนอนยังกับแม่ม่ายผัวตาย มันไม่ผูกคอตายคาขื่อบ้านแกก็เป็นบุญเท่าไร กว่าจะเลี้ยงมันโตมาก็แทบแย่ แม่ต้องมารอเก็บศพมันด้วยหรือยังไง?”
บ้านอีกหลังที่อาศัยอยู่กับหลานๆนั้นก็อยู่ในซอยเดียวกัน อนงค์จึงเดินทางมาเยี่ยมเยียนบ้านหลังนี้อาทิตย์ละวันสองวัน มาบ่อยขึ้นตั้งแต่ปรายลดาเริ่มแตกเนื้อสาว...
อาจจะด้วยสาเหตุว่าสายตาของชายหนุ่มที่มองลูกเลี้ยงนั้นเปลี่ยนไป ชนิดว่าคนรู้กันทั้งซอย!
ใคร ๆ ก็รู้ว่าพ่อบ้านนี้ไม่เคยกลับบ้าน ทิ้งน้องชายให้เลี้ยงลูกแทน ซึ่งขี้ปากหลายคนละแวกนี้ก็คงจะกล้านินทาแค่ลับหลังเท่านั้นว่าลูกเลี้ยงอาเลี้ยงกลายเป็นคู่ผัวเมีย เจ้าของบ้านจึงบากหน้าทนไปอย่างไม่สะทกสะท้านอะไรมาหลายปี กระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ไม่รู้นึกครึ้มอะไรถึงได้หอบเสื้อผ้าหนีไปดื้อ ๆ
“พุด... ร้องไห้เหรอแม่? ตอนนี้.. พุดอยู่ที่ไหน?”
“ฉันจะไปรู้ไหมล่ะ? โต ๆ กันแล้ว จัดการปัญหาเองก็แล้วกัน ฉันจะกลับไปเลี้ยงหลานละ” น้ำเสียงขุ่นมัวของอนงค์หมายความว่าหล่อนไม่อยากยุ่งอะไรด้วยอีก
ที่หญิงสาววัยเจ็ดสิบสองปีมาคงเป็นเพราะกำลังเห่อหลานคนใหม่ จึงตั้งใจมาเอาของในสมัยปรายลดายังเป็นเด็กสาวตัวกระจ้อยร่อย เพื่อระลึกความหลัง ได้ถือโอกาสมาหาลูกชายด้วย
ปรเมษฐ์มีพี่สาวอีกสองคน แต่งงานมีครอบครัวกันไปหมดแล้วยังเปลี่ยนนามสกุลตามสามี เป็นเหตุให้เขาคือความหวังอันริบหรี่ของบ้านที่อาจรักษานามสกุล ‘โรจน์จินดา’ ไว้ให้สืบทอดต่อไป หากว่ามีโอกาสจะได้มีลูกมีหลานกับเขา ส่วนอีกคนนั้นคือปองกานต์คงไปตั้งความหวังอะไรไม่ได้

Komentar Buku (34)

  • avatar
    Peerpeer

    ชอบๆ อ่านเพลิน สนุกดี

    22/04

      0
  • avatar
    จิตรลดา แย้มวัตร

    ชอบค่ะ

    23/02

      0
  • avatar
    Jidapha Sunprakhon

    กยพะดีทค่ะ

    31/12/2022

      0
  • Lihat Semua

Bab-bab Terkait

Bab Terbaru