มู่หรงเซียนหลิวทำท่าจะเข้ามาขอความเมตตาจากผู้ที่ตัดสินชะตาชีวิตของผู้คนได้ในคำเดียว แต่ถูกยกมือห้ามไว้ จึงจำใจถอยกลับไปยืนที่เดิม แม้จะไม่รู้เลยว่าธิดาของเขาไปทำสิ่งใดไว้ หรือหูหนวกตาบอดถึงขนาดไม่รู้ว่านี่คือพระอนุชาองค์โปรดของฮ่องเต้ แต่เขาก็จะต้องออกโรงปกป้องนางด้วยชีวิต“แต่ก็เอาเถอะ เจ้ายังเยาว์นัก ถึงขนาดที่ชอบออกไปเที่ยว...”พูดไม่ทันจบประโยค คนมีชนักติดหลังก็เงยหน้าขึ้นถลึงตาใส่เขา แต่พอนึกได้ก็ปรับดวงตาให้เจือแววน่าสงสารอย่างรวดเร็ว นางสบตาเขาด้วยความขอร้องไม่ให้เขาเผยความลับออกไป ทั้งที่ตัวเองไม่อยู่ในจุดที่จะต่อรองสิ่งใดทั้งสิ้นหลี่อวี้อ๋องพลันหัวเราะในใจกับท่างทางเสแสร้งของนาง“กระหม่อมขอบังอาจทูลถามว่าเยว่ชิงน่ะหรือพ่ะย่ะค่ะ ที่ชอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก” คนเป็นบิดาเหงื่อตกด้วยรู้นิสัยของบุตรสาวตัวเองดี ครั้งนี้เกรงว่าจะไปทำอะไรเป็นการล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าเข้า“ก็...” ชายหนุ่มเว้นจังหวะ มองเยว่ชิงหน้าถอดสีจากเดิมที่ซีดเผือดอยู่แล้ว ก่อนจะทำเป็นโบกไม้โบกมือ “ข้าอาจจะพูดผิดไป หรือไม่เช่นนั้นคงจำคนผิด”“เห็นจะจำคนผิดเพคะ” หญิงสาวคลายมือที่กำอยู่กับกระโปรง ปากเอื้อนเอ่ยถ้อยคำด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน “เยว่ชิงอยู่แต่ในเรือน จนถึงขนาดไม่ทราบว่าพระองค์ผู้ทรงสง่าราศีเป็นถึงท่านอ๋อง ทั้งนี้ก็เพราะขาดการออกไปเปิดหูเปิดตาในโลกกว้าง ถึงได้ทำผิดพลาดร้ายแรง ลบหลู่พระเกียรติของพระองค์”ร้ายจริงเชียว ผิดอยู่เห็น ๆ ยังจะพูดให้ตัวเองได้ประโยชน์อีกหลี่อวี้อ๋องนึกเอ็นดูนางนัก แต่ก็อยากจะสั่งสอน จึงอาศัยความได้เปรียบทางบรรดาศักดิ์ชิงความเป็นต่อ“ข้าจะไม่ถือโทษโกรธเจ้า เหมือนที่ข้าไม่ต้องการจะให้มีพิธีรีตองเมื่อข้ามาปรากฏตัวที่นี่ หรือการต้องใช้คำพูดคำจายุ่งยากมากความอะไร เพียงแต่เจ้าจะต้องทำสิ่งหนึ่งให้แก่ข้า”“เชิญรับสั่งมาเถิดพ่ะย่ะค่ะ และถ้าเยว่ชิงทำไม่ได้ กระหม่อมผู้เป็นบิดาของนางจะขอรับผิดชอบแทนเอง”“เรื่องนี้ง่ายมาก” เขาจับตัวนางให้ยืนขึ้นเต็มความสูงดังเดิม ก่อนจะบังคับให้สบตา เห็นทั้งความหวาดหวั่นในดวงตาคู่สวย แต่ประกายดื้อดึงก็แทบจะฝังกลบเอาไว้ไม่มิด“อันใดหรือเพคะ”“เจ้าจะต้องสละเวลาทำงานเพื่อแผ่นดินโดยไม่ปริปากบ่น เมื่อใดก็ตามที่ข้าเรียกหา เจ้าจะต้องยินดีมาพบตามคำสั่ง แล้วข้าจะมอบหมายหน้าที่ให้เจ้านำไปปฏิบัติ”จวนทั้งจวนพลันเงียบเสียงลง จากที่สงบเงียบอยู่แล้ว ตอนนี้กลับสงัดกว่าเดิม กระทั่งเข็มตกอาจได้ยิน ทว่าคำสั่งของท่านอ๋องถือเป็นประกาสิทธิ์ที่อยู่เหนือทุกอย่าง น้ำเสียงของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยอำนาจ แม้แต่ท่าทางก็ยังดูขึงขัง เห็นจะมีเพียงแววตาเท่านั้นที่ฉายประกายความพึงพอใจ ต่างจากปกติที่มักเฉยชาจนจับความรู้สึกไม่ได้มู่หรงเซียนหลิวจับสังเกตนี้ได้ เพราะตัวของหลี่อวี้อ๋องเองจงใจให้ว่าที่พ่อตาเห็นอยู่แล้วท่านแม่ทัพใหญ่คิดว่าหากตนไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างบุตรสาวของตนเองจนเกินไปนัก เขาก็คิดว่าหลี่อี้อ๋องต้องพอพระทัยเยว่ชิงมากเกินกว่าที่คาดเอาไว้ และมันยิ่งแจ่มชัดกว่าวันที่เขาได้พบกับท่านอ๋องครั้งแรกในจวนแห่งนี้ที่เข้ามาคุยกับเขาในเรื่องที่ทำให้ตกตะลึง3245 คำแก้ไข“อย่างเช่นสิ่งใดหรือเพคะ” เยว่ชิงทนความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหวจึงเอ่ยปากถาม“อย่างเช่นพูดกับข้าเหมือนตอนก่อนที่เจ้าจะรู้ว่าข้าเป็นอ๋องน่ะ”“อ้อ” นางหลุบตาต่ำ รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย“แล้วเรื่องที่หม่อมฉัน…ข้าต้องทำ…อย่างเช่นสิ่งใดหรือเจ้าคะ”“อย่างเช่นไปช่วยข้าเลือกลูกม้าตัวใหม่”“ลูกม้า!”สองพ่อลูกอุทานแล้วมองหน้ากัน“ใช่ แล้วข้าจะให้เจ้าตัวหนึ่งด้วย เลือกเอาตัวที่แพงที่สุดก็ได้ จะไปหรือไม่ไป”น้ำเสียงของหลี่อวี้อ๋องไม่ใช่การถามความสมัครใจ แต่เยว่ชิงไม่ได้สังเกต นางรีบตอบตกลงเพราะตื่นเต้นที่จะลูกม้าตัวที่แพงที่สุด ก่อนที่บิดาจะเป็นฝ่ายหยิกนางจนเนื้อเขียวแล้วตอบตกลงให้แทนถึงแม้นางจะงุนงงไม่น้อยว่าการเลือกลูกม้าเป็นการทำคุณให้แผ่นดินไปได้อย่างไร และนางก็ไม่ได้อยากจะไปในที่แบบนั้นกับบุรุษที่เป็นถึงท่านอ๋อง แต่กลับหาเรื่องกลั่นแกล้งนางมาตั้งแต่เมื่อวานก็ตาม แต่นางไม่มีทางเลือกอื่นใดหลงเหลืออยู่เลย และหากจะคิดปลอบใจตนเอง ก็คงกล่าวได้ว่าอย่างน้อย นางก็จะได้เจ้าม้าน้อยน่ารักกลับมาด้วย“ข้าจะพานางกลับมาก่อนค่ำโดยไม่ทำให้นางเสื่อมเสียเกียรติหรือตกเป็นที่ครหาของชาวบ้าน” หลี่อวี้อ๋องเสริมท้ายประโยคอย่างไรเสียนางก็เป็นถึงท่านหญิงที่พี่ชายของเขาเมตตา ไหนจะหลานชายที่พึงใจในตัวนางซึ่งเขายังไม่ได้ไปพูดคุยให้ชัดเจนอีกด้วย เขาจะทำให้นางถูกพูดถึงในทางเสีย ๆ หาย ๆ ไม่ได้เด็ดขาด“หากนางทำสิ่งใดผิดพลาดหรือขัดเคืองพระทัย ได้โปรดอย่าถือสาหาความกับนางเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะตักเตือนนางด้วยตัวเอง” มู่หรงเซียนหลิวรีบออกหน้าเสียก่อน ถึงจะคาดเดาได้ว่าท่านอ๋องพึงพอใจในบุตรีของตน แต่ทางที่ดีอย่าให้นางทำให้พระองค์ขุ่นข้องหมองใจจะเป็นการดีที่สุด แต่เขาก็รู้จักเยว่ชิงดี“ท่านแม่ทัพไม่ต้องห่วง ข้าคิดว่านางเป็นสตรีที่ฉลาดรู้ทีเดียว เรื่องเมื่อวานนางก็ได้พิสูจน์ให้ข้าเห็นแล้วด้วย”“เรื่องเมื่อวานหรือ” มู่หรงเซียนหลิวขมวดคิ้ว“คือ...เราไปกันเลยไม่ดีหรือเจ้าคะ ข้าอยากช่วยท่านทำประโยชน์จะแย่แล้ว อยากเห็นเหล่าลูกม้าน่ารักด้วย ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” เยว่ชิงรีบโพล่งขึ้น เอื้อมมือมาจับชายแขนเสื้อของเขาไว้ แต่พอเห็นทุกคนเบนสายตามามองก็รีบปล่อยออกราวกับโดนไฟลวก“เยว่ชิง หากเจ้าทำเสียมารยาทอีกครั้งละก็” ผู้เป็นบิดารีบออกปากเตือนพลันสังเกตสีหน้าท่านอ๋องไปด้วยคนโดนเอ็ดเม้มปาก ท่าทางสลดลง“ท่านแม่ทัพอย่าดุนางนักเลย เรื่องเมื่อวานที่ข้าพูดถึง ข้าจำผิดไป เรื่องมันเกิดขึ้นในวันที่นางไปเดินตลาดกับคุณชายท่านหนึ่ง ตอนจะกลับนางทำถุงเงินตก พวกอันธพาลเก็บได้ แต่นางก็ตัดสินใจอย่างถูกต้องที่จะไม่เอาตัวเข้าไปสู่ปัญหา ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อเอาเงินจำนวนนั้นกลับมาคืนให้นางเท่านั้นเอง”เรื่องราวที่ออกจากปากของท่านอ๋องแม้จะฟังสะเปะสะปะไปบ้าง แต่มู่หรงเซียนหลิวก็ไม่คิดที่จะสืบสาวหาความ และได้แต่พยักหน้ารับ ปล่อยให้บุตรีเดินออกจากจวนไปขึ้นรถม้ากับท่านอ๋องด้วยความรู้สึกผ่อนคลายลงแต่ความรู้สึกผ่อนคลายก็อยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อบุตรชายทั้งสามได้ทำลายความสงบนั้นลงตอนรู้ว่าเยว่ชิงผู้เป็นดังไข่ในหินออกไปข้างนอกกับบุรุษ แม้คนผู้นั้นจะเป็นถึงหลี่อวี้อ๋องหลังจากนั้นจวนทั้งจวนก็วุ่นวายแทบแตกเลยทีเดียว“เจ้าขี่ม้าเป็นไหม”หลี่อวี้อ๋องชวนคุยเมื่อทั้งคู่มาถึงที่หมายอันเป็นทุ่งขนาดใหญ่สีเขียวสุดลูกหูลูกตา ส่วนที่เป็นที่เพาะพันธุ์ม้าอยู่อีกทางหนึ่ง มีม้าหลายตัวยืนเล็มหญ้าอยู่ไกล ๆ ลมพัดแผ่วเจือไปกับเสียงของสัตว์ที่มีความสง่างามร้องขึ้นมาเป็นระยะทั้งคู่เดินทอดน่องเลียบทุ่งหญ้าไปช้า ๆ เกิดความสงบเงียบระหว่างคนสองคนขึ้นมาชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่าความสงบสวยงามของวิวทิวทัศน์ได้บันดาลให้มันเกิดขึ้น“พอเป็นแต่ไม่ค่อยดีนักหรอกเจ้าค่ะ พี่น้องข้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”“ข้าสอนให้เอาไหม”เยว่ชิงเงยหน้ามองคนที่เดินเอามือไพล่หลังอยู่เคียงข้าง ไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเขานักว่าเหตุใดถึงได้ทำเรื่องทุกอย่างแล้วพานางมาถึงนี่ สิ่งที่นางโปรดปรานคือการเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้แล้วได้ซื้อของเป็นภูเขา ไม่ใช่ยืนอยู่ในทุ่งหญ้าโล่ง ๆ แม้นางจะรู้ว่าม้ามีราคาสูงมาก แต่นางก็ยังพึงใจกับของที่มีประกายระยิบระยับมากกว่า“ถ้าเจ้าเห็นลูกม้าแล้วยังไม่ตกหลุมรัก ข้าจะพาเจ้าไปซื้อของสวย ๆ งาม ๆ ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ เพราะฉะนั้นเลิกจ้องข้าแล้วทำหน้าแบบนั้นเสีย” เขาพูดอย่างรู้ทัน“หม่อมฉันทำตามบัญชาของพระองค์อยู่แล้วเพคะ” นางทำน้ำเสียงกึ่งประชดประชัน“ดี”“ว้ายยย!!!”หลี่อวี้อ๋องโอบนางจากด้านหลังแล้วอุ้มนางลอยหวือขึ้นไปนั่งบนหลังมาโดยที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะยกตัวเองตามมานั่งซ้อนด้านหลังอย่างง่ายดาย เขาขยับเข้ามาประชิดจนนางรู้สึกได้ถึงแผงอกที่แนบอยู่กับแผ่นหลัง ตอนนั้นเองที่นางคิดว่าเหตุใดเขาจึงพานางมาที่นี่ส่วนท่านอ๋องจอมเจ้าเล่ห์ก็โอบสตรีน้อยร่างบางแล้วลอบสูดดมกลิ่นกายที่หอมราวกับมวลบุปผาหลายชนิดตามที่ใจปรารถนา“นั่งหลังแข็งขนาดนั้นเมื่อไหร่เจ้าจะขี่ม้าเป็นกัน”เสียงกระซิบข้างหูยิ่งทำให้เยว่ชิงนั่งเกร็งไปทั้งร่าง มือสองข้างถูกดึงให้ไปจับสายบังเหียนบังคับม้าโดยมีมือหนากุมอยู่อีกทอดการใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนสร้างความร้อนรุ่มไปทั่วทั้งสรรพางกาย โดยเฉพาะบนใบหน้าที่จู่ ๆ พลันเห่อร้อนแดงซ่าน ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเห็นก็ให้นึกหลงใหลในตัวนางอย่างยิ่ง ถึงขนาดคิดว่าการโดนหลู่เกียรติเล็กน้อยให้เป็นเพียงคุณชายนั้นช่างคุ้มค่านักเมื่อเทียบกับช่วงเวลานี้1561 คำแก้ไข
ดีมากกก
1d
0วาสว
2d
0ดีี
8d
0Lihat Semua