Part Iนิกม์01ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าความรัก แบบชายหญิง มีคำว่ารักแท้ ความรู้สึกที่เป็นความลุ่มหลง ชั่ววูบในช่วงขณะหนึ่ง สำหรับผมมันเป็นแค่เรื่องที่เกินกว่า จะเกิดขึ้นกับตัวเอง..คนเรากว่าจะมีใครเข้ามา สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะเจอใครสักคนและสามารถที่จะรักษาความรักนั้นไว้ได้ โดยเฉพาะคนอย่างผม ไม่ใช่ว่าผมเรื่องมากนักเหรอก แต่ผมคิดว่าจะมีสักกี่คนบนโลกนี้จะมายอมรับตัวตนทื่อ ๆ แบบผมได้ จนในที่สุดผมก็ได้เจอกับเขาคนนั้นทว่า... เบื้องบนช่างโหดร้าย พวกเขาพรากเธอไปจากผม[แค่ฝันได้มั้ย ตื่นขึ้นมาในวันพรุ่งนี้ให้เธอยังอยู่ข้าง ๆ:’ (]ผมจ้องข้อความที่โพสต์ลงโซเชียลมีเดียของตัวเองซึ่งตอนนี้ได้ถูกส่งไปยังหน้าฟีดข่าวของเพื่อน ๆ ผมเรียบร้อยแล้ว ใจมันคิดได้แค่ว่า ถ้าสิ่งที่พิมพ์ลงไปมันเป็นจริงคงจะดีสินะคอมเม้นกำลังใจที่ส่งมามากมายไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมาแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเพื่อน ๆของผมได้แต่พร่ำบอกให้ผม เข้มแข็งนะ , สู้ ๆ นะ , เป็นกำลังใจให้นะ แต่ผมกลับไม่รู้สึกถึงความห่วงใยพวกนั้นเลย แม้พวกเขาอาจจะห่วงใยผมจริงๆก็ได้ ผมเลือกที่จะไม่อ่านต่อและโยนโทรศัพท์มือถือทิ้งลงไปข้างตัวแต่... เพียงไม่กี่วินาทีต่อมาครืด ครืด...สมาร์ทโฟนเจ้ากรรมก็สั่นขึ้นมาขัดเสียก่อน ผมอยากจะปล่อยมันไว้ทั้งแบบนั้น แต่อีกใจก็คิดว่าฝ่ายที่ทักมาจะรู้สึกแย่รึเปล่า เขาคงเพียงแค่ต้องการจะพูดให้กำลังใจและไม่อยากให้ผมเสียใจเท่านั้น“สวัสดีคุณนิกม์ เป็นไร เราเห็นแกโพสต์เศร้า ๆ โอเคป่าว”มันน่าประหลาดใจมากที่คนส่งข้อความมากลับกลายเป็นคนที่ไม่ได้ติดต่อกันปีกว่าแล้ว แถมดูเหมือนเธอจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม“โอเค ไม่ได้เป็นอะไร” ผมพิมพ์ตอบกลับเธอไป ส่วนหนึ่งเพราะไม่อยากให้เธอไม่สบายใจต่างหาก“อื้อ ถ้ามีอะไรไม่โอเค เล่าได้นะ เราเห็นในคอมเม้นแต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร”“ช่างมันเถอะ แล้วแกนึกไงทักมา ไม่ได้คุยกันตั้งนาน หรือเพราะโพสต์เรา” ผมถามผ่านไปยี่สิบนาทีเธอกลับยังไม่ตอบ ทั้งที่ขึ้นอ่านแล้วย้อนมองกลับไปก็น่าแปลกที่ผมดันต้องมารอคำตอบจากคนที่ไม่ได้ทักมานานอย่างเธอ ตั้งแต่ที่เราแยกทางกันไปทำตามความฝันของตัวเอง ผมหมายถึงจบมัธยมปลายและแยกย้ายไปเรียนมหาลัยนะใช่แล้ว เธอเป็นเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เราเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ผมรู้จักกับเธอตอนขึ้นม. 4 เธอเป็นนักเรียนใหม่ แน่นอนทุกคนเป็นนักเรียนใหม่ แต่ผมเป็นนักเรียนโรงเรียนนี้ตั้งแต่อยู่มัธยมต้นแล้ว เพราะงั้นเธอใหม่สำหรับผม ตอนนั้นผมว่าเธอเป็นที่น่าสนใจคนหนึ่งเลยแหละ เป็นคนที่ยิ้มเก่ง สดใสร่างเริง รอยยิ้มของเธอทำให้โลกเปล่งประกายขึ้นมาทันตาครืด ครืด...“อื้อ เห็นโพสต์ล่ะมันดูไม่เป็นแก ปกติแชร์แต่โพสต์เกม ไม่ก็หมาแมว”เธอตอบข้อความของผมเท่านั้น ผมอึ้งเล็กน้อยที่เธอสังเกตด้วยเเหรอ ว่านั่นดูไม่เป็นผม แน่นอนที่เธอบอกนั่นถูกต้อง ผมไม่ใช่คนพร่ำเพ้ออะไรบ้า ๆ แบบนั้น ผมรีบพิมพ์จะตอบข้อความกลับหาเธอทันที ในขณะเดียวกันผมก็เห็นว่าทางเธอกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างอยู่เช่นกัน ผมหยุดชะงักและลบข้อความของตัวเองออกไป รอคอยสิ่งที่เธอจะส่งให้ผมอีก“บายแก ต้องรีบนอนน่ะ ฝันดีนะ”นั่นคือ สิ่งที่ผมรอคอย ข้อความลาไปนอนเนี้ยนะ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้ผมเดาเธอได้เลยจริงๆ นึกจะไปก็ไปเสียดื้อ ๆ เห็นแล้วยังหงุดหงิดใจ นี่มันยังมีมนุษย์ประหลาดอย่างยัยนี่อยู่งั้นเหรอ นี่ผมรอเธอตอบมายี่สิบกว่านาทีนะเว้ย ตอบมาแค่เนี่ย ผมโยนมือถือลงข้างตัวตามเดิมและฟุบหน้าเข้ากับหมอนผมทิ้งตัวลงนอนโดยที่ในหัวยังคงคิดถึงการกระทำของยัยนั่นอยู่ ลืมไปเสียสนิทว่าก่อนหน้านั้น ยังเป็นคนอมทุกข์ที่เพิ่งสูญเสียคนที่รักไปจากวันนั้นก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว แต่ก็ไร้การติดต่อกับเพื่อนสมัยม.ปลายคนนั้น ผมรู้สึกคิดถึงเธอ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน อาจเป็นเพราะตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอทักทายมา แม้จะเป็นเพียงบทสนทนาสั้น ๆ ผมกลับรู้สึกสบายใจและลืมเรื่องราวร้าย ๆ ไปได้ ราวกับว่าเธอมอบความกล้าที่จะให้ตัวผมได้เดินออกจากความทุกข์จุดสีเขียวเล็ก ๆ บนแถบข้างขวาที่หน้าจอ มีชื่อของเธอปรากฏอยู่ ผมจ้องมันอยู่สักพักแต่ก็ละสายตาจากมันและเลื่อนฟีดข่าวไปมาอย่างไม่สนใจนัก ทั้งที่ความจริงในหัวผมมีความคิดมากมาย และข้ออ้างเป็นร้อยที่จะหาเรื่องทักเธอไป แปลกใจตัวเองจริง ๆ ที่ผมเอาแต่กลอกตากลับไปมองจุดเขียว ๆ นั่นตลอดในที่สุดผมก็ทำใจคลิกที่กล่องข้อความ แน่นอนต้องเป็นชื่อของเธออยู่แล้ว“ไง” เฮ้ย ผมทักไปแค่นี้จริง ๆ เเหรอ ไอ้บ้าเอ้ย มันขึ้นอ่านแล้วแทบจะทันที ทำให้ผมลนลานกับจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ“ไง อะไรล่ะแก”นั่นสิ ‘ไง’ อะไรของผมวะ“ป่าว อยากทักเฉย ๆ”“คิดถึงเราเหรอออ”“คิดถึง ๆ เพื่อนร่วมห้องไง”“ฮ่า ๆ แกนี่ตลก”“คิดถึงแกไง” ผมย้ำอีกครั้งเพราะรู้สึกคิดถึงเธอจริง ๆ ถ้าอยากให้เธอรู้ก็มีแต่ต้องบอกออกไปนั่นแหละ สำหรับผมเธอคือเพื่อนผู้หญิงที่ผมสนิทที่สุดแล้ว ส่วนนึงอาจจะมาจากที่เธอเข้ากับคนง่าย อัธยาศัยดี“จ้า เออเดี๋ยวอาทิตย์หน้าเราจะกลับบ้าน ว่าจะไปเยี่ยมโรงเรียน ไปด้วยกันไหม”“ได้ ๆ ไปสิ ๆ”“โอเค ถ้ายังไงเดี๋ยวเราบอกแกอีกทีนะว่าวันไหน”“อื้อ”เธออ่านแล้ว และทุกอย่างก็กลับสู่สภาวะปกติ เธอไม่ได้ต่อบทสนทนาใด ๆ กลับมา และผมก็คิดว่าแค่นี้ก็ดีแล้วสำหรับการกลับมาคุยกันอีกครั้งในรอบหลายเดือนตอนเช้าวันถัดมา อยู่ ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องที่ผมเผลอหลงลืมไป เลยนั่งรื้อข้าวของในห้องย้อนกลับไปในอดีตพร้อมกับสิ่งของที่ถูกซ่อนไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ ผมเปิดอัลบั้มรูปเก่า ๆ ในชั้น แต่ละภาพที่มีเพื่อน ๆ และผมอยู่ด้วยนั้นทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าคิดถึงจริงๆนะช่วงมัธยมปลายผมสงสัยว่าทำไมถึงได้มีภาพถ่ายเยอะแยะขนาดนี้กันนะ แถมยัง...พรินต์เก็บไว้เป็นอัลบั้มเลยทีเดียว ซึ่งในยุคนี้มันน่าจะถูกอัปโหลดลงโซเชียลมีเดียมากกว่าช่างเถอะ.. ยังไงมันก็รู้สึกดีกว่าที่ได้สัมผัสภาพถ่ายมากว่าการเลื่อนดูในหน้าจอแต่ที่ผมชอบเป็นพิเศษคงจะเป็นภาพผมกับเธอ ความจริงมีภาพคู่แค่เพียงไม่กี่ภาพ ที่เหลือจะเป็นภาพที่มีเธอติดเฟรม ผมคงไม่ได้คิดไปเองเพราะหลาย ๆภาพเธอมักเสมองมาที่ผมอยู่เสมอ ราวกับว่าคอยสังเกตผมอยู่ตลอดเวลา...ผมยิ้มเมื่อคิดถึงมันเวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงบ่าย ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปเร็วได้ถึงเพียงนี้ ผมทิ้งตัวลงนอนกับพื้นที่มีสิ่งของมากกมายวางเกลื่อนกลาด ผมหลับตาลงและคิดหลายสิ่งที่ล่องลอยในหัว ก่อนจะวูบหลับไปเพราะตื่นเช้าเกินเหตุครืด ครืด...สมาร์ทโฟนที่วางไว้ข้างตัวผมสั่น ผมจึงเปิดขึ้นมาอ่าน“คุณนิกม์ ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อย”“08xxxxxxxx” ผมพิมพ์ตอบเธอไปในทันที“ง่ายจัง นี่เคยขอไปสิบกว่ารอบละไม่เคยได้”“จริงเหรอ เคยขอด้วยเหรอ ไม่เห็นจำได้”“ขอเว้ย บ่อยด้วยแต่ไม่เคยให้สักทีตั้งแต่ม. ปลายล่ะ”ผมนึกขำว่าสมัยม.ปลายผมหยิ่งขนาดนั้นเลยรึไง ถึงได้ไม่เคยให้เบอร์โทรเธอไป แต่ย้อนนึกดูดีๆก็เพราะสมัยนั้นผมไม่ใช้โทรศัพท์เลย นั่นคงเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงไม่เคยได้เบอร์โทรผมไป “นึกออกแล้ว เราไม่ใช้โทรศัพท์ไงตอนนั้น”“กระจ่างเลย ตอนนี้มีโทรศัพท์แล้วสินะ ฮ่า ๆ”“เออครับ มีแล้วครับ โทรมาด้วยนะอย่าเซฟไว้เฉย ๆ” ผมแซว“ไว้จะโทรไปนะ นี่จะกลับไปบ้านพรุ่งนี้อาจจะแวะไปโรงเรียน หาเพื่อนไปอยู่”“ได้เลย” ผมตอบกลับและส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนยกนิ้วโป้งไปให้เธอ ผมเดาว่าเธอคงจะยังอยู่ที่กรุงเทพ เพราะเธอได้ไปเรียนที่นั่น ส่วนตัวผมยังคงเรียนในละแวกใกล้ ๆ บ้านเกิด ขับรถไป-กลับบ้านและมหา’ลัยสบาย ๆ น่าแปลกใจที่ผมรู้สึกตื่นเต้นกับการกลับมาของเธอเป็นพิเศษ ทั้งที่มันก็ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากการจะได้เจอกับเพื่อนเก่าสมัยมัธยมเท่านั้นจบบทสนทนาระหว่างเราอีกครั้งเฮ้อ...ผมถอนหายใจพร้อมกับค่อย ๆ เก็บของที่รื้อมาไว้ในชั้นตามเดิม ก่อนจะสะดุดสายตาไปที่กล่องเล็ก ๆ ใบหนึ่งซึ่งหลบอยู่ในสุดของชั้นวาง ผมดึงมันออกและเปิดดูข้างใน สิ่งของข้างในทำผมประหลาดใจไม่น้อย ดอกไม้แห้งดอกหนึ่งซึ่งผมได้มาจากเธอ มีการ์ดข้อความเขียนว่า ‘โชคดีนะ ขอบคุณที่ดูแลกันมาตลอด 3 ปี จะคิดถึงเสมอ’ ผมหุบยิ้มแทบไม่ได้ ไม่รู้ทำไม แต่มันโคตรรู้สึกดีที่ได้อ่านมันอีกครั้ง มันไม่ใช่ของมีค่าอะไรมากมายแต่มันมีค่ากับผม ความทรงจำระหว่างเราต่างหากที่มีค่ามากมาย ที่โหดร้ายคือ ผมไม่เคยใส่ใจที่จะจดจำเรื่องราวเหล่านั้นเลย
ดีวดวมด
9h
0❤️🔥💞
16h
0ชอบมากๆ
2d
0Lihat Semua