สามสิบนาทีผ่านไป...ครูใหญ่ก็ยังกล่าวต้อนรับนักเรียนไม่เสร็จ จนฉันรู้สึกว่าขาตัวเองแทบจะยืนต่อไม่ไหวแล้ว กระเป๋าที่สะพายหลังอยู่ก็หนักเหลือเกิน แต่จะโทษใครได้ล่ะ ในเมื่อตัวฉันเองที่เป็นคนหยิบนั่นจับนี่ใส่กระเป๋าแต่แล้วก็ดูเหมือนว่าคีตะที่ยืนอยู่ด้านหลังจะได้ยินที่ฉันบ่นในใจ และไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขายื่นมือมายกหูกระเป๋าที่ฉันสะพายอยู่ ช่วยให้ฉันไม่รู้สึกหนักอีกต่อไป พอจะหันไปขอบคุณสักหน่อย เขาก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน"ยืนนิ่งๆ กระเป๋าบ้าอะไรหนักชิบเป๋ง อย่าบอกนะว่าเธอพกข้าวสารมาหุงกินที่โรงเรียนด้วย ครูใหญ่นี่ก็พูดอยู่ได้ เมื่อไหร่จะจบ"หลังจากบ่นให้ฉันเสร็จ คีตะก็หันไปบ่นให้ครูใหญ่ต่อ และไม่ใช่แค่เขาที่บ่น เพราะเริ่มมีเสียงบ่นจากคนอื่นๆ ตามมา ฉันที่ไม่กล้าหันกลับไปเพราะเขาบอกให้ยืนนิ่งๆ เลยได้แต่เบือนหน้าไปมองแถวข้างๆ ซึ่งเป็นรุ่นน้องแทนเด็กนักเรียนหญิงพวกนั้นเห็นคีตะช่วยยกกระเป๋าให้ฉัน สายตาของพวกเธอก็ยิ่งเหมือนกับมีลำแสงเลเซอร์ส่องออกมา จนฉันต้องรีบหันหนีไปอีกทางและพอหันไปทางซ้ายมือ ซึ่งเป็นแถวของนักเรียนชั้นเดียวกัน ฉันก็สบตากับใครบางคนที่เหมือนจะกำลังจ้องฉันอยู่เหมือนกันว้าว! ใครน่ะ ไม่คุ้นหน้ามาก่อนเลย แต่หล่อมากๆ ออกตี๋ๆ หน่อย เขาส่งยิ้มน่ารักมาทักทาย ฉันเลยยิ้มทักทายเขากลับไปเช่นกัน พร้อมกับขยับปากเบาๆ"สวัสดี"เขาเองก็ตอบกลับมาว่าสวัสดีเหมือนกัน และยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ฉันแน่ใจว่าไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ทำไมเขาถึงได้ยิ้มและทำเหมือนรู้จักฉันจังเลยล่ะ เอาเถอะๆ ยังไงก็ช่าง อย่างน้อยเปิดเทอมวันแรกก็มีหนุ่มหล่อส่งยิ้มมาให้ พอเอาไปโม้กับยัยฟ้าใสได้ ฮ่าๆๆแต่แล้ว..."เหวอ!"ไอ้บ้าคีตะปล่อยมือจากกระเป๋าที่ฉันสะพายอยู่ ทำให้น้ำหนักของกระเป๋า บวกกับแรงโน้มถ่วงของโลก ทำให้ฉันที่กำลังยืนสวยๆ เกือบจะหงายหลังฉันรีบหมุนตัวกลับไปและพอกำลังจะอ้าปากด่า ครูใหญ่ที่ยืนพูดอยู่หน้าเสาธงก็พูดจบพอดี นักเรียนต่างก็พากันส่งเสียงเฮดังลั่นด้วยความดีใจ พร้อมทั้งปรบมือไล่กันจนครูฝ่ายปกครองรีบกระแอมใส่ไมโครโฟนเป็นเชิงห้ามปรามคีตะไม่สนใจฉัน เขาส่งเสียงโห่ร้องและปรบมือดีใจเหมือนคนอื่นๆ ฉันทำอะไรไม่ได้เลยต้องหมุนตัวกลับตามเดิม"เอาล่ะๆ พอกันได้แล้ว จะได้เข้าห้องเรียนกัน และตามที่ประกาศให้นักเรียนทราบไปก่อนหน้านี้แล้ว ว่าปีการศึกษานี้จะมีการจัดห้องเรียนใหม่ ซึ่งรายชื่อได้ติดไว้บนกระดานของแต่ละลำดับชั้นแล้ว สำหรับใครที่มาแต่เช้าก็คงเห็นชื่อและห้องของตัวเองแล้ว ก็สามารถแยกย้ายเข้าห้องได้เลย ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ห้องไหน ก็ให้รีบไปดูรายชื่อที่แปะไว้ให้เรียบร้อย อีกสิบห้านาทีครูประจำชั้นจะไปตรวจความเรียบร้อย ทีนี้ก็แยกย้ายกันได้แล้ว"ทันทีที่คุณครูพูดจบ ประชากรนักเรียนเกือบหนึ่งพันคนก็แยกย้ายกันไปดูรายชื่อและห้องเรียนของตัวเองในขณะที่ฉันเดินตามเพื่อนๆ สมองก็กำลังประมวลผลไปด้วย ว่าถ้าเกิดได้อยู่ห้องเดียวกับคีตะขึ้นมา ชีวิตฉันจะวุ่นวายแค่ไหน ส่วนคนที่ฉันภาวนาว่าอย่าได้อยู่ห้องเดียวกันเลยก็หายไปไหนไม่รู้ ช่างเถอะ ไปให้พ้นหน้าซะได้ก็ดี"เป็นไปไม่ได้หรอกน่า ผลการเรียนของเรากับไอ้บ้านั่นห่างชั้นกันลิบลับ ครูคงไม่จับมาอยู่ด้วยกันหรอก อีกอย่างก็มีตั้งสิบห้อง พระเจ้าคงไม่ใจร้ายกับฉันเกินไปหรอกมั้ง แต่ถ้าพระเจ้าใจร้ายกับฉันจริงๆล่ะ"โอ้! ม่ายยยย...ฉันกับคีตะเรียนโรงเรียนเดียวกันมาตั้งแต่มัธยมต้นจนขึ้นมัธยมปลาย ไม่เคยได้อยู่ร่วมห้องเดียวกันเลย นั่นคงเป็นเพราะฉันขอพรจากพระเจ้าทุกพระองค์ที่มีในโลกนี้ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน และก่อนเข้านอนทุกคืน แต่เมื่อเช้าฉันลืมเพราะต้องรีบมาโรงเรียน หวังว่าพรของฉันจะยังคงสัมฤทธิผลอยู่นะเอาล่ะ ทีนี้ก็มาดูรายชื่อกัน ฉันเพ่งสายตาและใช้นิ้วค่อยๆ ไล่ดูทีละบรรทัดอย่างละเอียดห้องหนึ่งผ่านไป...ห้องสองก็ไม่ใช่...ห้องสาม ห้องสี่ ก็ไม่มีห้องห้า...ก็ไม่ โอ๊ะ! เจอแล้ว อยู่คนสุดท้ายพอดี"อยู่ห้องห้านี่เอง แต่ทำไมไม่เห็นมีชื่อฟ้าใสเลยล่ะ"ฉันลองทวนรายชื่ออีกรอบ สรุปว่าฟ้าใสไม่ได้อยู่ห้องห้า เราสองคนไม่ได้อยู่ห้องเดียวกัน โฮ!ถึงจะโชคร้ายที่ไม่ได้ห้องเดียวกับฟ้าใส แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับนายคีตะ แค่นี้ก็พอใจแล้วล่ะฉันรีบขึ้นไปบนอาคารเรียน แล้วตรงดิ่งไปยังห้องเรียนที่มีป้ายติดไว้หน้าห้องว่าชั้นม.6/5แต่พอก้าวขาเข้าไปได้ข้างหนึ่ง อยู่ๆ ก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา เสียวสันหลังทะแม่งๆ ยังไงไม่รู้ ไม่มีอะไรหรอกมั้ง ฉันคงจะคิดมากไปเองปลอบใจตัวเองเสร็จ ก็มองหาที่นั่งที่ยังว่าง และแน่นอนว่ามันต้องอยู่ติดหน้าต่าง ฉันชอบมองออกไปด้านนอกเวลาเรียน เพราะมันช่วยทำให้สมองโล่งและมีสมาธิมากขึ้นหลังจากหาที่นั่งเหมาะๆ ได้แล้ว เพื่อนๆ ก็เริ่มทยอยเข้ามาจนเกือบจะเต็มทุกที่นั่งแล้ว มองดูคนนั้นคนนี้แล้วก็มีหน้าเก่าที่เคยอยู่ห้องเดียวกันบ้าง หน้าใหม่ที่เคยอยู่ต่างห้องบ้างสลับกันไปเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะกันดังอึกทึก ตามประสาคนไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนช่วงปิดเทอม ทำให้ฉันเริ่มปวดหัวและอยากจะงีบขึ้นมา เพราะเมื่อคืนมัวแต่ฝันเลยรู้สึกนอนไม่เต็มอิ่มแต่พอฟุบหน้าลงกับโต๊ะ กำลังจะปิดเปลือกตาลง ก็รู้สึกเหมือนมีใครขยับเก้าอี้ข้างๆ ด้วยความที่คิดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมชั้น ฉันเลยไม่สนใจ งีบเอาแรงสักหน่อย ก่อนคุณครูจะมาดีกว่าหลังจากงีบได้สักพักก็รู้สึกเหมือนมีคนสะกิดยิกๆ ด้วยความรำคาญฉันจึงเงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมอง และแล้ว...ฉันสบตาเข้ากับคนที่นั่งข้างๆ พอดีสายตาของเขาก็มองมาที่ฉันเหมือนกัน นาทีนั้น ทำให้ฉันแทบอยากหยุดหายใจทำไม! ทำไม? เขาถึงมานั่งข้างฉันได้คีตะ!!!
ชอบอ่านมากครับเรื่องนี้สนุกมากเลย
1d
0ดีมากเลยค่า
1d
0สนุกมากค่ะ
3d
0Lihat Semua