ฉันหอบเฟรมผ้าใบสำหรับเขียนรูป อุปกรณ์การวาดรูป และกระเป๋าเสื้อผ้า มาถึงบ้านพักริมหาดแห่งนี้อย่างทุลักทุเล เนื่องจากครั้งนี้ตั้งใจที่จะพักทีเดียวหลายวันทำให้ต้องเตรียมของใช้ต่าง ๆ มามากกว่าปกติบ้านพักหลังนี้อยู่ไกลจากบ้านพักหลังอื่น ๆ จนเกือบสุดหาด กว่าจะหอบของทั้งหมดมาถึงที่พักก็เล่นเอาได้เหงื่อ หลังจากทิ้งทุกอย่างที่หิ้วมาด้วยไว้ที่ระเบียงบ้าน ฉันจึงหยิบกุญแจออกมาไขประตูแล้วก็พบว่ามันไขไม่ได้…ฉันลองใหม่อีกสองรอบ…ผลยังเหมือนเดิม“นี่คุณ ทำอะไรน่ะ”ฉันหันไปตามเสียงเรียกจากข้างหลัง แต่ยังไม่ทันจะตอบอะไรออกมา ผู้ชายร่างสูงที่ยืนห่างออกไปไม่ถึงฟุตนั่นก็จับข้อมือฉันและดึงออกมาจากประตู“ปล่อยนะ” ฉันสะบัดสุดแรง แต่อีกฝ่ายตัวโตและท่าทางแข็งแรงกว่ามาก ทำให้สะบัดอย่างไรก็ไม่สำเร็จ“เดี๋ยวนี้ขโมยเป็นผู้หญิงแฮะ” เจ้าของมือที่แข็งปานคีมเหล็กนั่นบ่นเบา ๆ “เป็นคนแถวนี้สิท่า…เห็นเจ้าของไม่อยู่บ้านหน่อยกะจะยกเค้าเลยสินะ”“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้นะ” ฉันยังพยายามสะบัดมือออกทั้ง ๆ ที่ความพยายามมันดูจะไร้ผล“เจ้าของบ้าน เธอน่ะเหรอเจ้าของบ้าน...เห็น ๆ กันอยู่ว่าพยายามจะเอากุญแจผีไขประตูบ้าน”ผู้ชายคนนั้นดึงกุญแจไปจากมือฉัน ก้มมองสำรวจกุญแจเก่า ๆ นั่นแล้วยิ้มเยาะ“ผมเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้…อย่างน้อยก็ตอนนี้”“อะไรนะ!”“ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน คุณต้องไขประตูบ้านได้ นี่เห็นไขอยู่ตั้งสองสามนาทีแล้ว”“ถ้าคุณเป็นเจ้าของบ้าน คุณก็ต้องไขได้เหมือนกัน ไหนล่ะ” คราวนี้ฉันท้าทาย บ้านหลังนี้มันเป็นบ้านที่พ่อกับแม่ซื้อไว้ก่อนท่านเสียชีวิตไม่กี่ปี ฉันกับพี่ชายตั้งใจเก็บไว้สำหรับพักผ่อนและรำลึกถึงความหลังของครอบครัว ไม่มีทางที่เขาจะขายมันโดยที่ฉันไม่รู้ ไม่มีทางแน่ ๆผู้ชายคนนั้นหยิบกุญแจดอกเล็กมาจากกระเป๋ากางเกง ไขประตูทั้ง ๆ ที่อีกมือหนึ่งยังจับข้อมือฉันไว้…ประตูเปิดออกอย่างง่ายดาย…“คงมีใครเปลี่ยนกุญแจ หรือไม่ก็…” ฉันพึมพำเสียงเบา“ไม่ต้องพูดแล้ว ผมจะเอาคุณส่งตำรวจข้อหาพยายามบุกรุกบ้านของผม”“บอกว่าบ้านของฉัน” ฉันยังยืนยัน ให้ตายสิ นายคนนี้เป็นใครนะ เขามีกุญแจบ้านหลังนี้ได้ยังไง แล้วฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้ “อย่างน้อยมันก็เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งมันเป็นกรรมสิทธิ์ของพี่ชายฉัน…พี่นุ”“นุภาพหรือ”“ใช่ เขาเป็นพี่ชายฉัน”“ไม่เห็นมันเคยเล่าว่ามีน้องสาว” ผู้ชายคนนี้พูดเหมือนรู้จักคุ้นเคยกับพี่ชายของฉันเป็นอย่างดี“อะไรนะ!”ผู้พูดยักไหล่ “จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเธอคือน้องสาวของเขา หน้าตาไม่เห็นเหมือนกันสักนิด เจ้านั่นออกจะหน้าตี๋ ส่วนเธอ” เขามอง “เธออาจจะโมเม หรือไม่ก็เคยได้ยินใครแถวนี้เรียกเขาว่านุก็ได้ ขโมยเดี๋ยวนี้เก่งจะตาย”“ฉันมีบัตรประชาชน มันอยู่ในกระเป๋า ถ้าคุณอยากรู้นักว่าฉันใช่น้องสาวของเขาหรือเปล่าก็ต้องปล่อยให้ฉันหยิบมันก่อน”เขาไม่ปล่อยมือ แต่ลากฉันไปที่กระเป๋าแล้วเปิดมันออกมา ควานหากระเป๋าสตางค์จากกองขวดสีและพู่กันที่อยู่ในนั้น“เธอนามสกุลเดียวกับเขา…” เขาเอ่ยออกมาในที่สุด หลังจากที่พลิกบัตรพลาสติกแสดงชื่อและนามสกุลของฉันดูแล้วดูอีก“แน่ละสิ เรามีพ่อแม่คนเดียวกันนี่” ฉันประชดเข้าให้ “คราวนี้จะปล่อยหรือไม่ปล่อยล่ะ”เขายอมปล่อยมือแต่โดยดี แถมเปิดประตูบ้านเสียกว้าง เดินกลับมาหยิบถุงข้าวของของตัวเองที่วางไว้ด้านหลังของฉัน เขาคงเอามันวางไว้ก่อนที่จะมารวบตัวฉันนั่นแหละ“จะเข้าบ้านหรือเปล่าล่ะ ขนของเข้ามาสิ”สั่งราวกับเจ้าของบ้านเชียวนะ ฉันบ่นอยู่ในใจ เดินมาหยิบของส่วนตัวเข้าไปในบ้านอย่างอารมณ์เสียสุด ๆผู้ชายที่กล่าวหาว่าฉันเป็นขโมยเป็นผู้ชายประเภทที่มีคุณสมบัติซึ่งฉันไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าตั้งแต่แรกพบ เขาเป็นผู้ชายหน้าตาดี ตัวสูง ผิวค่อนข้างขาว ดูสะอาดเรียบร้อยเหมาะกับการใส่สูทผูกเนกไทเดินในออฟฟิศหรูมากกว่าเดินเปลือยอก ใส่กางเกงเลเก่า ๆ ตัวเดียวรถของเขาที่จอดอยู่หน้าบ้านพักก็เป็นรถหรูราคาแพง ยี่ห้อที่ฉันคิดว่ามีแต่คนรวยขี้อวดเท่านั้นที่ซื้อใช้ ทั้งหมดนั่นทำให้ฉันสรุปกับตัวเองว่า ไม่ชอบขี้หน้าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี่เอามาก ๆ“ผมเป็นเพื่อนของนุ มันบอกว่าบ้านจะว่างถึงเดือนหน้า ผมเลยขอมาพัก ทำไมคุณไม่บอกพี่ชายคุณก่อนว่าจะมาที่นี่ เขาจะได้เตือนผมก่อนว่าคุณจะมา หรือไม่ผมจะได้กลับไปก่อนที่คุณจะมา”“ที่นี่บ้านของฉัน ฉันจะไปหรือจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำเป็นต้องรายงานใคร แล้วใครเปลี่ยนกุญแจ”“พี่ชายคุณมั้ง” เพื่อนของพี่ชายยักไหล่ ท่าทางยียวนกวนอารมณ์ฉันที่สุด “ผมไม่รู้”“คุณจะกลับเมื่อไหร่”“เมื่องานเสร็จ ผมเอางานมาทำสองสามชิ้น ถามทำไม”“ฉันต้องการความสงบ และที่สำคัญฉันอยากอยู่คนเดียว ตั้งใจมาอยู่ที่นี่คนเดียว คุณย้ายออกไปได้ไหม”“เฮอะ ไม่มีทาง ผมอยู่ที่นี่มาอาทิตย์หนึ่งแล้ว เอกสารข้าวของตั้งมากมายจะให้ผมย้ายไปได้ไง บ้านนี้มีตั้งสองสามห้อง คุณก็เลือกเอาสักห้องสิ”“เอ๊ะ คุณนี่ ฉันเป็นเจ้าของบ้านนะ” ฉันเท้าเอว จ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง เสียงเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ“แต่ผมเป็นแขกของเจ้าของบ้านนะ” เขาเถียงไม่ลดละ ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้“นาย…”ฉันขยับจะปะทะคารมกับเพื่อนจอมกวนประสาทของพี่ชายต่อ แต่โทรศัพท์มือถือของผู้ชายที่ยืนกวนอยู่ตรงหน้าดังขึ้นเสียก่อน เขาเดินกลับเข้าไปรับมันในห้อง...ห้องซึ่งมันเคยเป็นห้องโปรดของฉัน ทุกครั้งที่ฉันมาพักที่นี่ฉันจะจับจองห้องข้างล่างที่สามารถเปิดหน้าต่างออกไปเห็นชายหาดนี่ทุกครั้ง“พี่ชายคุณโทร. มา”เขาเดินออกมาจากห้องนั้น ยื่นโทรศัพท์ให้ โทรศัพท์มือถือรุ่นล่าสุดเสียด้วย ท่าทางจะเป็นพวกวัตถุนิยมขนานแท้...ฉันแอบค่อนแคะอยู่ในใจ...“นรีเหรอ ไปชะอำทำไมไม่บอกกันก่อน ไงล่ะเจอเจ้าคีจอมวีนเข้าพอดีเลยสิ เป็นไงบ้าง” เสียงพี่ชายหัวเราะมาจากปลายสายอีกด้าน ท่าทางไม่เดือดร้อนสักนิด“พี่นุ นรีจะเขียนรูป มีงานต้องรีบทำ ต้องการความสงบอย่างยิ่ง พี่นุช่วยให้เพื่อนของพี่ย้ายออกไปก่อนได้ไหม”“นายคีเขาต้องทำงานให้พี่ชิ้นหนึ่งที่สำคัญกับบริษัทของเรามากนะนรี พี่คิดว่าบ้านว่างเลยให้มันไปทำงานที่โน่น”พี่ชายแทรกขึ้นมาก่อนที่ฉันจะพูดต่อ “น่านะ ช่วยพี่หน่อย คีตาเขาเป็นมือโปรทางการเขียนโปรแกรม งานนี้จำเป็นต้องใช้มัน”อ้อ เป็นลูกน้องคนโปรดนี่เอง “แล้วงานของนรีล่ะ”“ก็…”
ได้ความรู้ต่างๆ
1d
0อ่านฟินสุดๆ
1d
0สนุกมากๆค่ะ อ่านเพลินสุดๆ
3d
0Lihat Semua