Ikhtisar
|Katalog
- Tag(s):
- แอบชอบและอบอุ่นหัวใจ
- เจ้าหญิง
- ราชวงศ์
- ความกระวนกระวายใจ
- หวาน
หนึ่งบุรุษทั้งเหี้ยมโหดแลเย็นชาไร้ปรานี หนึ่งสตรีแม้ไร้ค่าแต่ทว่าน่าปกป้อง
Pembaharuan Terakhir
Pilihan Editor
Rekomendasi
Komentar Buku (370)
- Total: 157
หงซือกวน
ภายใต้ท้องฟ้าอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ บนแผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์ของผืนพนาไพร เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ล้วนเคยออกมเหม่ยหลิน
ภายในเขตของวัดแห่งหนึ่งอันห่างไกลจากเมืองหลวงของแคว้นต้าโจวที่ปกครองโดยราชวงศ์โจว
ภายในนั้นมีสตรีอยู่บุรุษปริศนา
เวลาผ่านไปเกือบสามเค่อ[1]
เหม่ยหลินและชิงชิงเดินเข้ามาถึงอาณาเขตภายในวัด น่าแปลกใจที่วัดแห่งนี้คล้ายกบุรุษแซ่หง1
เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่มิรู้ได้
เหม่ยหลินสะลึมสะลืมค่อยๆ ได้สติฟื้นขึ้นมา หญิงสาวใช้เวลาอีกเป็นนานกว่าจบุรุษแซ่หง2
เหม่ยหลินเริ่มกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ท่าทางของเขาช่างน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งน้ำเสียงทั้งแววตา ดูทรงบุรุษแซ่หง3
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งพลันดังจากด้านบนของห้องแห่งนี้
“องค์หญิงหายไปไหนเสียแล้ว” เสียงนั้นดังอยู่เหนือศีบุรุษแซ่หง4
บุรุษลึกลับที่อยู่ด้วยกันเพียงก้มหน้าลงมอง ไม่ได้กล่าววาจาอันใดออกมา อึดใจเขาก็ผละสายตาคมดำของเขามองปกป้องอย่างเลือดเย็น 1
บุรุษลึกลับแซ่หงยังคงยืนตระหง่านนิ่งขึงอยู่กับที่ เยื้องไปเพียงนิดกับร่างระหงของเหม่ยหลิน
เขายืนด้วยทปกป้องอย่างเลือดเย็น 2
ชายแซ่หงยืนอยู่นิ่งๆ จ้องมองพวกมันอย่างเยือกเย็น
และสิ่งที่เหม่ยหลินไม่คาดคิดพลันเกิดขึ้นอีกครา เมื่อจากลา
เหม่ยหลินยกฝ่ามือน้อยๆ ที่อาการสั่นเทาเริ่มเบาบางขึ้นเพื่อใช้ชายผ้าตรงข้อมือซับน้ำตาที่ยังคงเปรอะเปืบ้านเจ้าอยู่ทางใด
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม รถม้าเคลื่อนที่มาตามทางพลันหยุดตัวลงกะทันหัน
เหม่ยหลินที่นั่งหลับตาพิงผนบ่าวชายแซ่หง
เหม่ยหลินได้ยินอย่างนั้นนางถึงกับนิ่งอึ้งไปด้วยใจคาดไม่ถึง
หญิงสาวทำได้เพียงจ้องมองใบหน้าคมคายของพี่หแอบคิดในใจ
เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไปเสียงเกือกม้ายังคงย่ำกับพื้นดินเมื่อมันวิ่งเหยาะๆ ไปตามทาง เสียงล้อเลื่อนยังคงไม่ไร้ประโยชน์
เวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเค่อ เสียงย่ำเท้าของใครบางคนก็ใกล้เข้ามายังทิศทางของรถม้าที่เหม่ยหลินนั่งอยู่ไม่ไร้ประโยชน์ 1
เวลาผ่านไปอีกเกือบหนึ่งเค่อ เสียงย่ำเท้าของใครบางคนก็ใกล้เข้ามายังทิศทางของรถม้าที่เหม่ยหลินนั่งอยู่ไม่ไร้ประโยชน์ 2
กิริยาท่าทางของนางที่เขาค่อนข้างจะแน่ใจว่า ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยได้พบเจอ และเมื่อนางทำท่าทางว่าอยากจะลไว้วางใจ
เปลวเพลิงน้อยๆ จากกองไฟตรงหน้าของชายหนุ่มและหญิงสาวยังคงปะทุดังเปรี๊ยะๆ อยู่ใต้ร่างของไก่ป่าตัวหนึ่งนกประหลาด
ห่างออกมาจากสองชายหญิง ที่หนึ่งแข็งกร้าวหนึ่งอ่อนหวานกำลังนั่งมองหน้ากันข้างกองไฟย่างไก่
บนต้นไม้ใหญ่บุรุษผู้รื่นรมย์ 1
ไกลออกมาจากสองชายหญิงกับหนึ่งนกประหลาดตัวใหญ่
บนเชิงเขาสูงขึ้นไปปรากฏเงาร่างของชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งบุรุษผู้รื่นรมย์ 2
สายตาคมเฉี่ยวของชายหนุ่มเพียงมองสัตว์ร้ายอย่างเย็นชา ปรายหางตามองไปรอบทิศทาง ร่างสูงสง่าแค่ก้าวเท้าหความรู้สึกแปลกใหม่
ลึกลงไปจากยอดหน้าผาสูงชัน
เหม่ยหลินที่กำลังร่วงหล่นสู่ปลายทางพร้อมกับรถม้าคันใหญ่ทำได้เพียงเกาะผนังรถต้านพิษเย็น
จากยอดหน้าผาสู่ปลายทางน้ำตกเชี่ยวกราก ลึกลงมาที่ก้นเหวสูงชัน ล้วนเป็นป่ารกทึบที่ปกคลุมไปด้วยความอับชร้อนรุ่มมิอาจควบคุม
สองคืนอันหนาวเย็นผ่านพ้นไป
ยามสายของอีกวันผ่านเข้ามา แม้ตะวันจะอยู่สูงลิบยิ่งกว่าพื้นดินด้านบนของหน้าตามติด
ห่างออกมาจากปากถ้ำไม่ไกลที่มีหญิงงามกำลังคิดฟุ้งซ่าน
ร่างสูงสง่างามของหงซือกวนยังคงยืนตระหง่านด้วยท่าภาพงดงาม
เวลาผ่านไปราวสามก้านธูป[1]
หงซือกวนเดินนำหน้าอย่างใจเย็นแต่ทว่ากลับเดินไปไกลโข ปลายเท้าน้อยๆ ที่มักจะครวญเซียวหยก1
บนยอดหน้าผาสูงชัน
เฟิงหลิวนั่งเป่าเซียวหยกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ด้วยบทเพลงเศร้าสลด ดวงตาดอกท้อบนใบหน้าหล่อเครวญเซียวหยก2
เวลาผ่านไปเพียงสามเค่อ
กลุ่มคนของเฉียงยวิ๋นก็มาเจอกับศพของบ่าวไพร่ที่ติดตามองค์หญิงเหม่ยหลินอีกจำนวนหหยวนจง&เหม่ยฮว๋า1
เมืองหลวงต้าโจว ภายในจวนแม่ทัพสกุลหยวน แห่งค่ำคืนเย็นฉ่ำเหมาะสำหรับกิจกรรมบางอย่าง
ตรงทางเดินหินอ่อนรหยวนจง&เหม่ยฮว๋า2
ชั่วครู่ต่อมา สาวใช้อีกนางหนึ่งนามว่าเพ่ยอิงพลันเดินเข้ามาแล้วคุกเข่ารายงานเสียงเบา “ทูลองค์หญิง ท่าข่มกลั้น1
ยามราตรีกาลอันมืดมิด ตรงก้นเหวลึกลับ ที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาได้ยากนัก
หงซือกวนกับเหม่ยหลินนั่งเคียงข้ข่มกลั้น2
เวลาหมุนเวียนเคลื่อนขับจากรัตติกาลเป็นทิวากาล แสงแดดอบอุ่นทอประกายเจิดจ้าฝ่าหมู่เมฆลงมาจนกระทบกับพื้ริษยาของสตรี1
ยามสายของเช้าวันใหม่ ภายในเรือนของเหม่ยฮว๋าแห่งจวนแม่ทัพหยวนจง
เจ้าของเรือนยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียงริษยาของสตรี2
บนเตียงนอนภายในเรือนรับรองของจวนแม่ทัพหยวน
เสียงหอบครางผสมผสานเสียงลั่นขาเตียงดังเอี๊ยดอ๊าดยังคงมีอย่ขบคิดหาสาเหตุ
ยอดหน้าผาที่เดิม ยังคงมีป้ายศพตั้งอยู่หน้ากองหินที่วางเรียงรายยกสูงคล้ายหลุมศพสามศพเหมือนเดิม โดยมีเอย่าคิดอีกเลย
เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน สองชายหญิงกับหนึ่งนกประหลาดจึงเดินเข้าอาณาเขตของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง
ถึงแม้ว่าจะอยโจวเหวินหลงฮ่องเต้
พระราชวังต้าโจว
เนื่องจากโจวเหวินหลงฮ่องเต้ต้องการแก้ไขปัญหาภัยธรรมชาติด้วยพระองค์เอง จึงออกเยี่ยมเยืสตรีสูงศักดิ์
ตำหนักเสียนฝูกง อันเป็นที่ประทับของสนมเซียงกุ้ยเฟย นามว่า ซินเหยา
หลังจากที่เจ้าของตำหนักได้ฟังคำบอกเบรรยากาศแสนดี1
แสงแดดสาดส่องทะลุก้อนเมฆตกกระทบผิวน้ำสีใสตลอดแนว
ตรงริมลำธารชายป่าถัดออกมาจากหมู่บ้านร้างที่ไม่ต่างจาบรรยากาศแสนดี2
ถัดออกมาจากริมลำธารที่มีสตรีงดงามนั่งหลงตัวเองในระยะยี่สิบจั้ง
เหม่ยหลินก็กำลังนั่งชมธรรมชาติอยู่ตรงโบ้านหลังน้อย1
เมื่อเดินห่างออกมาจากหมู่บ้านที่มีซากศพนับพัน ตามน้ำเสียงออดอ้อนของใครบางคน ร่างสูงสง่าจึงเดินด้วยท่บ้านหลังน้อย2
หญิงสาวถึงกับหน้าแดงก่ำ มิคาดว่าพี่หงจะล่วงรู้ความคิดนาง
“พี่หง” นางเรียกเขาเสียงเบา จนชายหนุ่มต้องเลวิบัติในครัว
ริมลำธารแห่งเดิมที่ศพอืดลอยคอ
ฟางหลันขึ้นมานอนหมดแรงตรงริมตลิ่งอยู่เป็นนานแล้ว เนื่องจากอาเจียนจนหมดไบ่อน้ำพุร้อน
เสียงเตาไฟและหม้อดินลอยละลิ่วตกกระแทกพื้นแตกดังโพละ
ทำให้ฟางหลันที่นั่งแช่น้ำร้อนอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมความจริงบางอย่าง
เหม่ยหลินหาได้สนใจกิริยาจริตมารยาเหลือเกินนั่น
“เจ้าเป็นใคร?” นางถามย้ำด้วยเสียงแว่วหวาน นึกรความจริงที่ไม่ควรเปิดเผย
“ข้าเห็นพวกนางแช่น้ำอยู่ งดงามนัก ผิวขาวมาก น่าคร่อมยิ่ง”
“อ่า...ข้านึกกระสันเหลือเกิน”
“ใครเข้หมายมาด
ภายในครัวที่พังยับของบ้านหลังน้อยทรุดโทรม
เสียงร้องไห้โฮของฟางหลันดังเล็ดลอดออกมาให้เหม่ยหลินทล่อหลอก
ใต้ต้นไม้ใหญ่เยื้องออกไปทางหลังบ้านไม่ไกลนัก
ฟางหลันขุดดินลึกลงไปหลายเซี๊ยะจนเจอเหล้าหนึ่งไห หโฉมสะคราญรัญจวน1
เวลาหนึ่งชั่วยามผ่านไป
หงซือกวนผู้ทนทานกระทั่งหมื่นพิษยังมิอาจแทรกซึม ไหนเลยจะสยบให้กับเหล้าไหโฉมสะคราญรัญจวน2
“หืม...” เสียงทุ้มนุ่มลากยาวทำเอาหญิงสาวอุ่นวาบในโพรงอกขึ้นมาทางลำคอแล้วเห่อแดงร้อนแรงไปทั่วใบหน้า เโฉมสะคราญรัญจวน3
สัมผัสอุ่นชื้นที่แนบชิดระหว่างกัน ให้ความรู้สึกลุ่มลึกและโหยหา สัมผัสจูบละมุนละไมบรรเลงไปตามครรลองอาสัญญาตราประทับ1
ภายในห้องนอนบนเตียงอุ่นสีแดงสด
เหม่ยหลินในยามนี้เมาเหล้าจนไม่รับรู้เรื่องราวอันใดทั้งนั้น นางหสัญญาตราประทับ2
เดิมทีเขาย่อมไม่รู้ว่าตนเองเป็นใคร ยิ่งใหญ่มาจากไหน แต่กับนางแม้รู้อยู่แก่ใจ ทว่ากลับไม่เปิดเผยให้กัสัญญาตราประทับ3
หยวนจงเดินสำรวจมาเรื่อยๆ จึงมาเจอเข้ากับกองหินตั้งเรียงรายคล้ายหลุมศพ มีป้ายหน้าหลุมสามป้าย แต่ละป้าคู่ค้า1
ภายในตัวเมืองที่ผู้คนสัญจรไปมาจนเรียกได้ว่าพลุกพล่าน
ตรงหน้าร้านฟาไฉที่เป็นร้านขายอัญมณีมากมายคู่ค้า2
ครานี้เป็นเหม่ยฮว๋าบ้างที่ต้องกระจ่างแจ้งแก่ใจ เมื่อมองเห็นดวงตาหรี่หยีที่ทอดมองมาพร้อมกับรอยยิ้มตรงคู่ค้า3
หากแต่ชายตรงหน้าของเหม่ยฮว๋าในยามนี้นั้น คล้ายกับเทพเซียนจำแลงก็ไม่ปาน
เขามีใบหน้าคล้ายอิสตรี ผิวพรรคู่ค้า4
เวลาผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม
เหม่ยฮว๋าไม่แน่ใจนักว่าสุราบนโต๊ะมีฤทธิ์อันใดถึงทำให้การนั่งเสวนากับมีความหมาย1
บ้านหลังน้อยกลางป่าในยามสายของวันใหม่
เหม่ยหลินที่เมามายจากฤทธิ์โฉมสะคราญรัญจวนของฟางหลันเมื่อมีความหมาย2
หญิงสาวน้ำตารื้นขึ้นมาปริ่มๆ ตรงขอบตา มิใช่ว่าเสียใจ หากแต่นางกำลังอับอายเกินจะกล่าว หมดกัน!
ในขณะที่ริมลำธาร1
ภายในครัวที่ถูกซ่อมโดยเจ้านกประหลาดเฟยเฟย
ฟางหลันยังคงทำหน้าที่แม่ครัวได้อย่างดีเยี่ยม นางทำอาริมลำธาร2
หญิงสาวรีบจับพยุงชายชุดม่วงรูปงามผู้นี้ขึ้นมาแล้วลากเขาขึ้นจากน้ำ ก่อนจะนั่งพินิจเขาใกล้ๆ อย่างละเอีริมลำธาร3
ฟางหลันพยายามดิ้นขลุกขลักไปมา
มิคาดว่าเจ้าบ้านี่จะแรงเยอะเหลือเกิน เมื่อครู่ยังใกล้ตายอยู่เลยริมลำธาร4
การกระทำของฟางหลันทั้งรวดเร็วและรวบรัด จนหยวนจงตั้งรับไม่ทัน แค่อึดใจเดียวเท่านั้น แผงอกของเขาพลันเปริมลำธาร5
เพราะกำลังอยู่ในน้ำชายหนุ่มจึงครางในลำคอแบบไร้เสียง
ความซ่านเสียวแล่นริ้วเข้าจู่โจม และเพราะไริมลำธาร6
เหม่ยหลินขมวดคิ้วเอียงหน้าน้อยๆ ครุ่นคิดหนักหน่วงรู้สึกเห็นใจทั้งสองขึ้นมา นี่มิใช่อุปสรรคเดียวกับขอริมลำธาร7
แต่เนื่องจากเจอเหตุไม่คาดฝันทั้งยังตกหน้าผาลงมา ทำให้ระยะทางจากร้อยลี้เพิ่มเป็นพันลี้เลยทีเดียว
“พ่ะยพญาราชสีห์&พยัคฆ์1
‘ผู้คุมขุมกำลังใต้แผ่นฟ้าที่นับได้ว่าสูงส่งกว่าโอรสสวรรค์ของราชสำนัก’
‘หนึ่งในใต้หล้า’
<พญาราชสีห์&พยัคฆ์2
“องค์หญิง” เสียงทุ้มห้าวของชายอีกคนพลันเอ่ยแทรกสองชายหญิง
เหม่ยหลินที่หลุบตาอยู่พลันเงยหน้ามองตามเสียกลั่นแกล้งเพียงนาง1
หลังจากกินของว่างที่รังสรรค์ด้วยฝีมือการทำอาหารอันเลิศล้ำของฟางหลัน
หลังจากหยวนจงได้รับการรักษกลั่นแกล้งเพียงนาง2
ริมฝีปากบนใบหน้าหล่อเหลาพลันยกโค้งแวบหนึ่ง มิคาดว่าการกลั่นแกล้งใครบางคนจะสำราญถึงเพียงนี้
“อ่า...ทำอร่วมเดินทาง 1
คล้อยหลังของหงซือกวนและเหม่ยหลิน
เสียงทุ้มต่ำของหยวนจงพลันดังขึ้น “เจ้าคือจิ้งจอกเจ้าเล่ห์!”
ตาร่วมเดินทาง 2
เสียงต่อสู้ประมือหลังพุ่มไม้พลันชะงักหยุดลง ทั้งสองคนรีบพุ่งกายทะยานตามเจ้าเฟยเฟยไปอย่างใจตรงกัน
แต่นเข้าใจดี 1
ทั้งหมดออกเดินทางเรื่อยๆ เป้าหมายคือกลับเข้าเมืองหลวงของต้าโจว
ทั้งสี่คนไร้รถม้าให้อาศัย เนื่อเข้าใจดี 2
นางทำเช่นนี้คล้ายกับบอกกล่าวภรรยาว่าให้ดูแลร่างกายของสามีให้ดีกระนั้น แล้วเจ้านกตัวนั้นก็บินหายวับไปเข้าใจดี 3
หงซือกวนยืนอยู่ทิศหนึ่งสังเกตเห็นทุกอย่างในสายตาของหยวนจง ทั้งยังมองออกว่าหยวนจงเป็นบุรุษเช่นไร
ถึงแมเข้าใจดี 4
เหม่ยหลินที่นั่งอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นบนตักแข็งแกร่งก็ให้รู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด วงแขนที่โอบรัดร่างนางสร้สตรีจิตใจบอบบาง
ทางอีกฝั่งหนึ่งของป่ารกทึบ
“เจ้าควรตอบข้า” เสียงทุ้มห้าวเอ่ยถามเสียงห้วนไปทางสตรีที่กำลังเดินหอะไรกัน?
ห่างออกมาจากเสียงหวานใสของสตรีคุยกัน
ทางป่ารกทึบอีกฝั่งหนึ่งที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาได้ยากเย็น<ค้างคาวเลือด 1
เหม่ยหลินเห็นสัตว์ปีกชนิดหนึ่ง บินโฉบไปมาทั่วฟ้าเต็มไปหมด หากนับจำนวน คงไม่ต่ำกว่าพันตัว
ลักษณค้างคาวเลือด 2
กล่าวถึงในอดีต มีสำนักหนึ่งตายยกสำนักนับพันคนภายในค่ำคืนเดียว เพียงเพราะฝูงค้างคาวเลือดเหล่านี้
ฟางหลฝากดูแล
เวลาผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม หลังจากเกิดเหตุระทึกขวัญ
ใต้ต้นไม้ใหญ่ บนใบไม้นุ่มข้างกองไฟที่ให้ควากล่องปริศนา1
ห่างออกมาจากหมู่บ้านสุสานไกลหลายลี้ มีหมู่บ้านลึกลับกลางป่าแห่งหนึ่ง
อันที่จริงจะเรียกว่าหมู่บกล่องปริศนา2
ในบางครา สตรีสูงศักดิ์ที่ชีวิตมีมากจนเกินไป สมบูรณ์จนเกินไป อย่างองค์หญิงเหม่ยฮว๋า ก็ไร้ซึ่งความคิดทผู้นำระดับสูง1
หมู่บ้านเร้นลับกลางป่าอันเป็นสถานที่กบดานชั่วคราวของเซียวเหอ
เงาร่างดำทะมึนในอาภรณ์บ่าวไพร่ของผู้นำระดับสูง2
หงซือกวนสังเกตได้ไม่ยาก ยามที่เขาตามเฟยเฟยมายังรังของค้างคาวเลือดแล้วเจอหมู่บ้านเร้นลับนี้
ระหว่างที่จดหมายเตือนภัย
ที่ด้านข้างของตัวรถม้า ยังคงมีกล่องใบหนึ่ง ที่ศีรษะอาบเลือดของเซียวเหอถูกใส่เอาไว้อย่างดี พร้อมกรออกตามหาท่านประมุข
บนริมหน้าผาสูงชันที่ยังคงปรากฏป้ายหลุมศพสามป้ายเด่นชัด แต่ทว่ากลับเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งหลุมศพ
ป้หายตัวไป1
ภายในป่ารกทึบที่รอบด้านยังคงเขียวขจี
หลายวันแล้วที่หงซือกวนหายตัวไป และก็เป็นหลายวันเช่นกัน ทีหายตัวไป2
มีเพียงได้อยู่กับใครบางคนเท่านั้น ที่นางไม่เคยคิดจะถอยห่าง ทั้งยังไม่ต้องการอยู่ไกลจากเขา
แต่เรื่องนัโรงเตี๊ยมหมื่นลี้
โรงเตี๊ยมสูงตระหง่านหลังใหญ่แห่งหนึ่งมีชื่อว่าโรงเตี๊ยมหมื่นลี้
ที่มีนามนี้ก็เพราะว่ามันตั้งอยแง่งอน
ภายในห้องอาหารของโรงเตี๊ยม
หลังจากได้ฟังเรื่องราวถึงสาเหตุที่ตกหน้าผาทำให้เหม่ยหลินต้องระหกระเตามหาตัวตน
ที่โต๊ะอาหารหนึ่งบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม
หงซือกวนนั่งนิ่งไม่ไหวติง ในมือคลึงจอกเหล้าอย่างเฉยชา สเข้าใจผิด
เหตุที่หงซือกวนมาปรากฏกายยังโรงเตี๊ยมหมื่นลี้
สืบเนื่องมาจากการที่เขาได้เข้าถล่มหมู่บ้านเร้นลัถึงเวลาต้องทำใจ
บนชั้นสองของโรงเตี๊ยม
“ว่าแต่ท่านประมุขเจ้าคะ” เสียงหวานเรียกขานอย่างประจบเอาใจอีกครา หลังจากรมีสิทธิ์ปกป้อง
เนื่องจากรอบทิศของโรงเตี๊ยมหมื่นลี้ เป็นถิ่นทุรกันดาร
รอบด้านห่างออกไปเป็นป่าใหญ่รกทึบ การจะเดจัดการให้นาง
ทางด้านหลังของโรงเตี๊ยมหมื่นลี้ ตรงกลางลานกว้างที่แสงจันทราสาดส่องทะลุหมู่เมฆาดำมะมึนลงมา
เรือคำสั่งนาย
ฟ้าค่อยๆ สว่างขึ้น
แสงแรกของอรุณทะลุผ่านก้อนเมฆลงมา และทันทีที่ตะวันเบิกฟ้า ป่าก็เริ่มคึกคักมีกลับเข้าวัง
หลังจากปรึกษากันเป็นที่เรียบร้อย
เหม่ยหลิน ฟางหลัน และหยวนจง ทุกคนจึงกลับมายังทิศทางที่เฟิงหลิคิดถึง 1
เมื่อทั้งสามเดินออกมาจากห้องโถงของตำหนักกลาง
หยวนจงก็รีบลาเหม่ยหลินและเฟิงหลิวกลับจวนไปอย่างเรคิดถึง 2
ทั้งๆ ที่เหม่ยหลินหนีออกจากวังโดยมิได้รับอนุญาต
อันถือว่าทำตัวไม่เหมาะสม และผิดกฎประจำพระราชวัชีวิตในวัง
อุทยานหลวงเป็นสวนขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใจกลางพระราชวัง
แต่แผ่อาณาบริเวณคลอบคลุมไปทั่ววังหน้าและวังหทำใจ
คืนวันผ่านพ้น ราตรีแล้วราตรีเล่า ทิวาแล้วทิวาเล่า
ในวังหลวงของราตรีนี้ มีงานเลี้ยงเฉลิมฉลองวันหน้าที่สำคัญ
ในงานเลี้ยงค่ำคืนนี้ มีเรื่องราวอันเป็นมงคลหลายเรื่องด้วยกัน
นอกจากเหม่ยเมิ่งที่ได้รับพระกรุณามิควรเพิกเฉย
เหม่ยหลินรู้พระทัยพระบิดาของตนดี ว่ายามที่นางขยับทำการใดที่ยังผลให้พระองค์ทรงกริ้วนั้น บ่าวรับใช้ต้อสำคัญกว่าหัวใจ 1
ภายในห้องส่วนตัวของเหม่ยหลิน ที่ยามนี้เหลือเพียงสตรีสูงศักดิ์สองนาง เหล่าบ่าวรับใช้มิได้รับอนุญาตสำคัญกว่าหัวใจ 2
สิ้นประโยคแว่วหวานเปี่ยมพลัง เหม่ยหลินยิ่งขมวดคิ้วเรียวงามพันกันจนเป็นปม
สุรเสียงราบเรียบยังคงดังออกมเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว
สามวันผ่านมา
ภายในห้องหรูหราแต่เงียบเหงา มีเงาร่างระหงเลือนราง นั่งนิ่งๆ ไม่ไหวติงอยู่ริมหน้าตเจนจัด ชัดเจน 1
เมื่อหรงชางมาถึงหน้าห้องลับ ก็ได้พบว่ากลไกถูกทำลายไปจนสิ้น
ชายหนุ่มเดินเข้าไปด้านในด้วยปลายเท้าสั่นเทเจนจัด ชัดเจน 2
ภายในพระราชวังต้าโจว ตำหนักเสียนฝูกง อันเป็นที่ประทับของสนมเซียงกุ้ยเฟย นามว่า ซินเหยา
คบหาดูแลกัน
ยามราตรีเย็นเยียบเวียนมาบรรจบอีกครั้ง
ค่ำนี้เป็นคืนที่เท่าไหร่แล้วหนอ ที่ซือฮุยกับเพ่ยอิงต้องคคิดถึงกัน(มิได้นัดหมาย) 1
“กลับมาแล้วหรือ?”
เสียงหวานใสเอ่ยทักทายทันที ที่เงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นใครบางคนยืนพิงขอบประตูอยคิดถึงกัน(มิได้นัดหมาย) 2
สีหน้าคนงามยามนี้ดูสงบนิ่งจริงจัง ฉายแววความเป็นสตรีที่เปี่ยมพลังน่าค้นหา มิใช่สตรีอ่อนหัดที่ทำได้เพเรื่องร้ายแรง
เนิ่นนานผ่านไป
หยวนจงก็ยังคงไร้ทีท่าว่าจะลุกออกจากเตียงนอนของฟางหลัน
ชายหนุ่มยังคงกึ่งนั่งกึ่งนช่วยเหลือ 1
ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดฟางหลันต้องโกรธถึงเพียงนั้น
แต่ท้ายที่สุดแล้ว หยวนจงก็พาฟางหลันมช่วยเหลือ 2
ฟางหลันอาศัยจังหวะนั้นพุ่งตัวแหวกออกไปจากกลุ่มทหาร หมายจะเข้าไปยังด้านในตำหนัก มิคาดว่าจะมีทหารยามโผไม่ยินยอม 1
ภายในคุกอันมืดมิด มีเพียงแสงสลัวริบหรี่จากคบเพลิงตรงมุมกำแพง
ฟางหลันกะพริบตามองฝ่าความสลัวเลือไม่ยินยอม 2
เพราะว่าเมื่อเทียบกับองค์หญิงหรือองค์ชายพระองค์อื่นแล้ว โทสะเพียงเท่านี้ของเหม่ยหลินยังไม่นับว่าเป็นเฟยเฟยรีบร้อน 1
หุบเขาลูกใหญ่ทั้งลึกลับและซับซ้อน สูงตระหง่านเกือบถึงเมฆา
ทั้งบนดินและใต้ดิน ทั้งยอดเขาและที่ลเฟยเฟยรีบร้อน 2
เส้นเสียงเนิบช้ายังคงรายงานให้ได้ยิน “เรียนท่านประมุข เรื่องของหรงชางกับภรรยาของแม่ทัพผู้นั้น ยังไม่คราบน้ำตานาง
เมื่อนกประหลาดตัวใหญ่ที่มีกลิ่นอายดำทมิฬไม่ต่างจากหงซือกวนพังหน้าต่างเข้ามาจนสำเร็จ ฟ่านเจิงก็ยิ่งขมตำราลับ สราญรมย์1
เสียงเกือกม้าที่กระทบพื้นดินจนเกิดเสียงดังลั่นไปทั่วสำนัก
เริ่มเปลี่ยนเป็นเบาลงและเงียบไปในที่สุด เมืตำราลับ สราญรมย์2
ลดปัญหาเพียงชั่วข้ามคืน ขจัดสิ้นทุกเรื่องราวที่อาจจะส่งผลต่ออำนาจในปกครอง
และก็เหมือนเช่นทุกครั้งที่เท่านประมุข(โกรธา)
ผ่านมาแล้วหลายราตรี...
เพลานี้ขบวนอันเป็นมหามงคลได้เคลื่อนขบวนออกจากพระราชวังมาไกลลิบแล้ว ยากจขัดขวางขบวนเจ้าสาว
ดินแดนทางเหนือของแคว้นต้าโจว ห่างจากพื้นที่ระหว่างชายแดนสองแคว้น
ขบวนเดินทางแห่งต้าโจวที่ว่ายิฉุดคร่าเจ้าสาว1
ภายในรถม้าคันงาม
เหม่ยหลินกำลังนั่งอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี ในใจนึกเปรมปรีดิ์เหลือเกินที่จะได้ไปแต่งงาน อาฉุดคร่าเจ้าสาว2
เหม่ยหลินถูกจับให้นั่งอยู่บนหลังม้าตรงด้านหน้าของใครบางคน รอบกายถูกวงแขนล่ำสันโอบเอาไว้ รู้สึกถึงควาครอบครอง1
เมื่อม้าหยุดวิ่ง
เหม่ยหลินจึงเริ่มรับรู้ว่าสายลมเย็นเฉียบที่กรีดผิวหน้าได้หมดไป นางค่อยๆ ลืมตครอบครอง2
กระนั้นก็มิเคยเห็นท่านแผ่กลิ่นอายที่ไร้ซึ่งการควบคุมตัวตนเช่นนั้น
อา...พลังของอิสตรีช่างประหลาดนัก
เห็เตรียมงาน1
เหม่ยหลินยังคงจมดิ่งในห้วงนิทรา ที่คล้ายกับว่ากำลังกึ่งฝันกึ่งตื่น
เป็นความจริงที่ว่า หญิงสาวยเตรียมงาน2
ความสุขจนล้นปรี่ยากจะหยั่งถึงว่าสุขเพียงใด กำลังเกิดขึ้นจนท่วมท้นในหัวใจ
หากเปรียบได้ดั่งสายธารารินไหรักหยั่งลึก1
ในห้วงนิทรา
เหม่ยหลินฝันเห็นทางเดินทอดยาว สองข้างทางเป็นดอกไม้นานาชนิด สีสันล้วนสดสวยงดงาม แต่รอบด้านรักหยั่งลึก2
เขาละเลียดชิมนางอย่างอ่อนโยน จุมพิตนางอย่างลึกซึ้ง ก่อนจะจับกระชับเอวบางของนาง แล้วแทรกบางอย่างที่ร้เล่นงิ้ว1
ทหารใบหน้าถมึงทึงนับร้อยนาย กำลังยืนรายล้อมรอบด้านของจวนแม่ทัพหยวน
ภาพของการยืนยามให้จวนแม่ทัพที่มากกเล่นงิ้ว2
“ท่านพี่...” ฟางหลันยังคงเล่นงิ้วได้อย่างสวยงาม น้ำตาไหลพรากอาบสองข้างแก้ม นางยกเรียวมือคว้าอากาศ เพหนีจาก1
ภายในห้องด้านใน
ฟางหลันกำลังยืนเอามือกุมหัวใจที่กำลังเต้นแรง รู้สึกร้อนวูบวาบหวามไหวไปทั่วตัวหนีจาก2
ฟางหลันเงยหน้าจากผ้าตรงหน้า แล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง
หยวนจงมองอย่างลุ้นระทึก ประหนึ่งกำลังล่อหลอกศัตรูเขหลบหนี
เสียงร้องโวยวายคล้ายขวัญผวาของทหารดังอยู่ไกลๆ เสียงนั้นได้ยินจากห้องชั้นในของเรือนเหม่ยฮว๋า
ซืหญิงชั่วชายชู้
เมื่อผีสาวลอยหายตัวไปทางหลังศาลาที่มีพุ่มไม้และต้นไม้สูงใหญ่บดบังสายตา
ทหารทุกนายก็พากันมายืนเแผนการ
หลังจากเฉิงอู่ใช้แผนสุนัขจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ
ปั่นหัวหรงชางโดยแอบอ้างนามของหงซือกวน จนหรงชาพบเจอกัน
ข่าวที่ได้รับยังมีอีกว่า หรงชางกลายเป็นสุนัขจนตรอกไร้หนทางไป จึงลอบติดต่อกับเซียงกุ้ยเฟย แต่สนมนางนัจัดเตรียมงานแต่ง1
วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส ไร้หมู่เมฆบดบังดวงตะวัน แสงแดดจึงเจิดจ้าส่องสว่างไปทั่วทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
กลางป่าไจัดเตรียมงานแต่ง2
ความรู้สึกนึกคิดต่อทุกสิ่งก่อนหน้านี้คล้ายตีกันจนสับสน แต่กระนั้นมีเพียงเรื่องเดียวที่นางครุ่นคิดแต่คนรู้ใจ1
เนื่องจากสำนักหมื่นโลกันต์ กำลังจัดเตรียมงานแต่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ภายในสำนักหมื่นโลกันต์อันยิ่คนรู้ใจ2
เหม่ยหลินหันไปมองซุนตี้ที่กำลังประสานหมัดค้อมศีรษะกล่าวคำ แล้วเงยหน้ามองหงซือกวนครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสต้องอย่างนี้สิ!
เมื่อหงซือกวนเดินทางจากไปจนพ้นสามราตรีแล้ว
คงเหลือเพียงเหม่ยหลินที่ยืนนิ่งมองสมุนตัวโตท่าทางน่บุปผาปีศาจ
คล้อยหลังฟ่านเจิงที่ออกไปจัดการทุกสิ่งอย่างงุนงง โดยมีเฟิงหลิวและหยวนจงเดินตามออกไปอย่างแปลกใจเจรจาสงบศึก1
เหม่ยหลินในยามนี้ ไม่ต่างอันใดกับนางพญาผู้ร้ายกาจเลยสักนิด นางมิใช่บุคคลที่เว่ยชางไท่จะแตะต้องได้โดยเจรจาสงบศึก2
"แต่เอาเถิด หากฝ่าบาททรงเลอะเลือนกระทั่งเดินทางมาไกลถึงที่นี่ หม่อมฉันจะช่วยพระองค์ทบทวนให้”
ประโยคยาไล่หมูไล่...1
สิ้นเสียงนั้น สายตาทุกคู่ของเหล่าทหารต่างพากันมองตามอย่างตื่นตระหนก
ชายในอาภรณ์สีดำสนิทผู้หนึ่ไล่หมูไล่...2
“ชิชะ! นึกว่าจะแน่!” ฟ่านเจิงบ่นพึมพำสะบัดหน้าพรืด
ฟางหลันกับเฉินเซียงรีบประคองเหม่ยหลินเดินเข้าไปหาหหงเหม่ยหลง(ตอนจบ)
สิบห้าวันผันผ่าน...งานแต่งงานของทั้งสองก็เกิดขึ้น
ท่ามกลางความวุ่นวาย เนื่องจากเป็นงานเลี้ยงใหตอนพิเศษ สราญรมย์สราญใจ แม้ตายมิพรากจาก1
พลังแห่งรักนั้น จะส่งผลให้หยั่งลึกไปถึงจิตวิญญาณ
แม้ตายมิอาจพรากจาก
ยังวนเวียนอยู่เคียงข้างไม่ห่างหาย
ตตอนพิเศษ สราญรมย์สราญใจ แม้ตายมิพรากจาก2
มุมปากของประมุขใหญ่จึงยกโค้งบางเบา ดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำเปล่งประกายวาบไหว
เขาไม่เคยแต่งงาน ที่สำนักหมื่ตอนพิเศษ สราญรมย์สราญใจ แม้ตายมิพรากจาก3
กุนซือปีศาจนามว่าฟ่านเจิง ได้รับสิทธิ์ดูแลใกล้ชิดเหม่ยหลินตลอดเวลา เนื่องจากว่าเขาเป็นถึงหมอปีศาจเก่ตอนพิเศษ สราญรมย์สราญใจ แม้ตายมิพรากจาก4
เหม่ยหลินค่อยๆ เอื้อมปลายนิ้วสั่นระริกขึ้นมา แตะแผ่วเบาที่ริมฝีปากเขา นางค่อยๆ หลับตาลงอย่างช้าๆ หมาตอนพิเศษ สราญรมย์สราญใจ แม้ตายมิพรากจาก5
ฟ่านเจิงเดินทางรอนแรมอยู่เป็นนานก็ยังไร้หนทางแก้ไข สมุนไพรที่เก็บมาก็มิรู้ได้ว่าใช้ได้หรือไม่ กระทั่ตอนพิเศษ สราญรมย์สราญใจ แม้ตายมิพรากจาก6
ภายในห้องมืดสลัว เงาร่างสูงใหญ่กำยำดุจขุนเขาแฝงด้วยความทรงพลังน่าเกรงขาม ทว่ากลับเปล่าเปลี่ยวไม่มีที
อ่านดีมาก
12/08/2023
1ฉันชอบเรื่องนี้มากค่ะ ชอบมากค่ะ อ่านเพลินมากเลยค่ะ
11/08/2023
1แนะนำเเลยย
16h
0ใช้คำได้น่าอ่านมากค่ะ รู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องเลย ดีมากๆ
1d
0👍🏻👍🏻
1d
0สุดยอด
1d
0อ่านสนุกครับ
1d
0สนุกมาก
3d
0ดีสุดๆ
4d
0ดีมากกก
4d
0